รถจอดลงที่คฤหาสน์ เขาเปิดประตูแล้วรีบลงมาจากรถ ขณะนี้หลี่จ้านก็จอดรถแล้วรีบลงมาเช่นกัน จากนั้นก็รีบเดินตามจงจิ่งห้าวไป
" พี่..... "
ดูเหมือนว่าคนที่คอยดูแลเขา คนที่เขาเรียกว่าพี่ชายมาโดยตลอด ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานะที่เขาจะสามารถเรียกด้วยคำคำนี้อีกแล้ว แต่ว่าหลายปีมานี้ความเคยชินและความรู้สึกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
ก้าวเดินของจงจิ่งห้าวชะงักลง ก่อนจะหันไปเห็นหลี่จ้านที่เดินกึ่งวิ่งเข้ามาทางเขา
" ผมไปรอที่บริษัทสักพักแล้ว แม่ของผมโทรมาตามให้ผมกลับบ้าน ดังนั้นก็เลยตัดสินใจมาหาพี่เลย ผมอยากรู้ว่าพี่จะถามอะไร " หลี่จ้านซองจดหมายฉบับนั้นให้เขา " พี่ลองอ่านดูก็เข้าใจแล้ว "
ใบหน้าของจงจิ่งห้าวเหมือนกับน้ำที่สงบนิ่ง ไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ ถึงจะยังไม่ได้อ่านจดหมายแต่ในใจเขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าเนื้อความในนั้นคืออะไร เขายื่นมือไปรับมันมา แต่ก็ไม่ได้รีบกลางดูเนื้อหาข้างในทันที เขามองไปที่หลี่จ้าน " ทีหลัง อย่ามาที่นี่อีก "
พูดจบเขาก็สาวเท้าจะเดินจากไป
" ทำไมล่ะครับ "
เมื่อหลี่จ้านอ่านจดหมายนั้นแล้วก็รู้ว่าเฉิงยู่ซิ่วคือแม่ของเขา แต่ไม่รู้ว่าการตายของเฉิงยู่ซิ่วเป็นฝีมือเหวินชิง
จากที่เขาดูๆแล้ว สถานะของหลินซินเหยียน คือตอนจบที่หน้าดีอกดีใจของทุกคน เหวินชิงก็คงไม่คิดจะหาวิธีที่ทำให้พวกเขาต้องแยกจากกัน นี่เป็นเรื่องที่ดีเสียด้วยซ้ำ
จงจิ่งห้าวไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม ความผิดของเหวินชิงกับหลี่จ้านไม่มีอะไรเกี่ยวโยงกัน เขาไม่อยากพาลใส่คนอื่น แต่ก็ไม่อยากเกี่ยวข้องกับหลี่จ้านอีก ทั้งสีหน้าที่แสดงออกและน้ำเสียงก็ดูเย็นชาและจืดชืด " นายไปเถอะ "
" พี่ "
หลี่จ้านอยากจะถามเสียให้รู้เรื่อง แต่จงจิ่งห้าวที่เดินไปถึงประตูทางเข้าแล้วก็เรียกบอดี้การ์ดที่เฝ้าคฤหาสน์ด้านนอกออกมา " ผมไม่อยากให้ใครเข้าไปรบกวน "
จบก็สาวเท้าเข้าไปข้างใน หลี่จ้านที่ตามมาข้างหลังก็ถูกบอดี้การ์ดยื้อเอาไว้จากประตูด้านนอก เขาไม่ละทิ้งความพยายามพร้อมตะโกนไปทางจงจิ่งห้าว " สถานะของพี่สะใภ้ มันก็เป็นเรื่องดีแต่พวกเราไม่ใช่หรือไง แบบนี้พ่อของผมก็จะไม่แยกพวกพี่ออกจากกันแล้วทำไมพี่กับพี่สะใภ้ถึงแก้ปัญหาด้วยการคิดเส้นกั้นกันแบบนี้ ก่อนหน้านี้พ่อของผมได้ทำเรื่องที่ผิดมหันต์อย่างมากมายแต่ว่าตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่ามันผิด อีกทั้งยังรับกับผลกระทบที่ตามมาอย่างยิ่งยวด ก็ถือว่าได้รับผลของการกระทำนั้นแล้ว พี่สะใภ้ก็ไม่ได้คิดว่าพ่อของผมว่ามีสถานะเป็นญาติของเธอไม่ใช่ไง”
“ขอโทษครับ คุณไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ “ท่าทีของบอดี้การ์ดดูชัดเจนมากว่าไม่ให้เขาเข้าไปข้างใน หากไม่มีคำสั่งของ จงจิ่งห้าว พวกเขาจะไม่ยอมง่ายๆ แล้วก็จะไม่ยอมปล่อยเขาไปด้วย
หลี่จ้านโกรธจนแทบอยากจะกระทืบเท้าแรงๆ แต่จะทำอย่างไรได้เพราะถึงยังไงตัวเขาเองก็คงเข้าไปไม่ได้อยู่ดี ทำได้แค่ยืนอยู่ตรงนั้น
พอเข้าไปในบ้าน เมื่อเห็นว่า จงจิ่งห้าวกลับมาแล้ว ป้าหยูกลับมีท่าทีประหลาดใจ หล่อนมองไปที่เขา “ไม่ใช่ว่าคุณชวนภรรยาตัวเองไปกินข้าวหรอกเหรอทำไมคุณถึงกลับมาแล้วล่ะ ภรรยากับลูกๆ ไปไหน”
หลังจากฟัง จวงจื่อจิ่นพูดจบเขาก็เดาได้ทันทีว่าทำไม หลินซินเหยียนถึงดูผิดปกติ เพราะตัวเธอคงจะคิดมาดีแล้วว่าจะจากไป
ใบหน้าของเขาผุดรอยยิ้มอันเยือกเย็นออกมา ดวงตานั้นดูนิ่งสงบแล้วว่างเปล่า มองดูแล้วเหมือนมีความหมดอาลัยตายอยากและความเจ็บปวดใจอยู่ในนั้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ “เธอไปตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ”
ป้าหยูเหลือบไปมองนาฬิกาบนกำแพง ก่อนจะตอบ “น่าจะสักสองสามชั่วโมงได้นะ”
“ผมรู้แล้วครับ “พูดจบเขาก็เดินขึ้นชั้นบนไป ป้าหยูอยากจะถามเขาว่า หลินซินเหยียนกับพวกเด็กๆ ไปไหนกัน แต่มันเห็นว่าอารมณ์ของ จงจิ่งห้าวจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เลยเก็บคำพูด ปิดปากไว้ไม่กล้าถาม
ก่อนจะถอยไปเงียบๆ
บนชั้นสอง จงจิ่งห้าวผลักประตูเข้าห้องนอนไป สภาพห้องตอนนี้กับตอนเช้ายังคงเหมือนเดิมไม่มีของชิ้นไหนที่ถูกและต้องมาก่อนเลยสักชิ้น เขาเดินเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ เธอไม่ได้เอาของอะไรไปเลย ไม่ได้เอาไปเลยสักอย่าง พาไปเพียงแค่ลูกทั้งสองคนเท่านั้น มีเพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าต่าง มีดอกไม้วางอยู่ช่อหนึ่ง
เขายืนอยู่ตรงหน้าต่าง กางจดหมายที่ หลี่จ้านให้เขา หลังจากที่ฟัง จวงจื่อจิ่นเล่าแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับเนื้อหาในจดหมายนี้เสียเท่าไหร่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม