ฉินยาพาเด็กทั้งสองคนกลับมาที่ที่พัก อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้หลินซินเหยียนค่อนข้างจะเหนื่อย นอนหลับอยู่ในห้อง เพราะว่าจงจิ่งห้าวบอกว่าอีกเดี๋ยวซูจ้านจะมา เธอก็เลยปลุกหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนลืมตาขึ้นมาอย่างขี้เกียจ แล้วก็มองฉินยาที่อยู่ข้างเตียงด้วยสายตาที่พร่ามัว เธอลุกขึ้นนั่งแล้วก็ขยี้ตา “กลับมากันแล้วเหรอ? ”
ฉินยาตอบรับ “หัวไชเท้าที่อยากกิน ฉันซื้อกลับมาให้แล้วนะ”
หลินซินเหยียนเพิ่งจะตื่นขึ้นมา สายตาก็ยังคงสะลึมสะลือเล็กน้อย เหมือนกับว่ายังตั้งสติได้ไม่เต็มที่
ฉินยาเทน้ำให้เธอแก้วนึง เธอยื่นมือไปรับและดื่มลงไปครึ่งแก้ว ก็เลยรู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะ เธอวางแก้วไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ลงจากเตียงและใส่รองเท้าพร้อมกับถามว่า “พวกเธอออกไปกินอะไรกันมา?”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้นเธอก็เหลือบมองเวลา แล้วก็หันกลับมามองฉินยา “ดึกขนาดนี้เลยเหรอ?”
นับจากตอนที่เธอพาลูกออกไป จนถึงตอนนี้มันก็เป็นเวลา 3 ชั่วโมงกว่าแล้ว
พวกเขากินอะไรกันถึงได้นานขนาดนี้?
“พวกเราไปกินปลานึ่งกันมา” ฉินยาโกหก ที่ช้าเพราะเหตุนี้ ปลาก็ต้องฆ่าเป็นๆ แถมเมนูนี้กว่าจะทำเสร็จก็ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ก็เขากินเสร็จแล้วก็ออกไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ต เวลาก็น่าจะประมาณนี้แหละ
“เธอหิวแล้วใช่ไหม ฉันซื้อของกินมาให้แล้ว”ฉินยาเดินไปที่ห้องนั่งเล่นกับเธอ เด็กทั้งสองคนกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น
ตอนที่ซื้อของอยู่ในซูเปอร์มาเก็ตนั้น ได้เดินผ่านโซนทำขนม เด็กทั้งคู่บอกว่าหลินซินเหยียนชอบกินขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดง ถั่วแดงเป็นชั้นๆ ด้านนอกเป็นแป้งที่บางกรอบพร้อมกับเนื้อไส้เหนียวนุ่ม
เมื่อก่อนหลินซินเหยียนเคยซื้ออยู่หลายครั้ง ดังนั้นเด็กทั้งสองคนก็เลยจำได้ว่าเธอชอบกิน
พอรู้ว่าหลินซินเหยียนชอบ จงจิ่งห้าวก็เลยซื้อกลับมา 2 กล่อง แถมยังซื้อของหวานอันอื่นกลับมาอีกด้วย หัวไชเท้าไม่สามารถกินเป็นอาหารอย่างเดียวได้ แถมคุณค่าทางโภชนาการก็ยังไม่เพียงพอด้วย
ฉินยาบิดขี้เกียจ “ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ”
เพราะว่าเธอไม่อยากจะเห็นซูจ้าน ต่อให้ซูจ้านตายต่อหน้าเธอในตอนนี้ เธอก็ไม่มีทางใจอ่อนหรือว่าให้อภัย มันไม่ใช่เพราะว่าเธอปล่อยวางไม่ได้นะ แต่ก็แค่เพราะว่าเธอไม่อยากจะเห็นเขาทำแบบนี้
ท่าทางของเขา มันมักจะทำให้เธอนึกถึงเรื่องที่เจ็บปวดและไม่มีความสุขมากมาย
เธอสามารถเปลี่ยนใบหน้า เปลี่ยนน้ำเสียงของตัวเองได้ แต่ว่าเธอไม่สามารถลบความทรงจำได้เลย
หลินซินเหยียนถ้าอยากจะ เธอหยิบนมออกมาจากตู้เย็นแล้วก็เทใส่แก้ววางบนโต๊ะ
จงเหยียนเฉินนำอาหารที่เขาซื้อมาทั้งหมดวางบนโต๊ะอย่างเอาใจใส่ “หม่ามี๊ พวกเราซื้อขนมเปี๊ยะไส้ถั่วแดงมาให้หม่ามี๊ด้วย แล้วก็ขนมปังสับปะรด”
“แล้วก็อันนี้ด้วย”จงเหยียนซีส่งหัวไชเท้าที่หลินซินเหยียนอยากกินให้กับเธอ
หลินซินเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองลูกทั้งสองคนแล้วก็ยิ้ม รู้สึกว่าพวกลูกๆ ของเธอนั้นโตขึ้นแล้ว รู้จักเอาอกเอาใจซะด้วย
เธอลูบหัวของลูกสาว “หนูช่วยล้างให้หม่ามี๊หน่อยได้มั้ย?”
“ได้ค่ะ”
จงเหยียนซีรู้สึกว่าเรื่องที่เธอสามารถช่วยหม่ามี๊ได้ มันเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ ก็เลยรู้สึกมีความสุขมาก
หลินซินเหยียนยื่นมือออกไปหยิบขนมเปี๊ยะที่ลูกชายเปิดกล่องไว้พร้อมกับกัดเข้าไป รสชาติยังคงเหมือนเดิม เธอพูดกับลูกชายอย่างสบายๆ “วันนี้ไปกินอะไรอร่อยๆ มาเหรอ?”
“สเต๊กครับ”จงเหยียนซีตอบ
เขาจะรู้ได้ยังไงว่าฉินยาตอบว่าปลานึ่ง เพื่อให้เวลามันดูเหมาะสม
มือของหลินซินเหยียนที่ถือแก้วนมอยู่นั้นชะงักไป เธอเงยหน้าขึ้นมองลูกชายของตัวเอง เมื่อกี้เธอได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า?
ฉินยาบอกว่ากินปลานึ่ง แต่เขากลับบอกว่ากินสเต๊กเนี่ยนะ?
เธอถามอีกครั้ง “พวกลูกกินอะไรกันไปนะ?”
“สเต๊กไงครับ”จงเหยียนเฉินกะพริบตา “หม่ามี๊ก็อยากกินเหมือนกันใช่ไหม?”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่ได้ ถ้ากินสเต๊กแล้วทำไมฉินยาต้องบอกว่ากินปลานึ่งด้วยล่ะ?
แถมแถวนี้ก็ไม่ได้มีร้านอาหารฝรั่งด้วย
ทำไมฉินยาต้องโกหก?
เธอยิ้ม แล้วก็คุยกับลูกชายเหมือนบทสนทนาที่เรื่อยเปื่อย “แล้วพวกลูกไปกินที่ร้านไหนกันมาเหรอ?”
“ร้านอาหารม่านปาซี ร้านที่คุณปู่ช่าวเชิญพวกเราไปกินครั้งที่แล้วไงครับ” จงเหยียนเฉินตอบอย่างตรงไปตรงมา
“อ้อ”หลินซินเหยียนหลุบตาลงช้าๆ ร้านนั้นมันเป็นร้านอาหารฝรั่งระดับไฮเอ็น ต่ำที่สุดก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 8000 หยวน แถมยังอยู่ห่างจากที่พักของพวกเขาไกลมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม