จงจิ่งห้าวไม่ได้ขัดขวาง ยืนอยู่ในบ้านมองดูหลินซินเหยียนเดินตามจงฉีเฟิงออกไปจากห้องโถง
ในใจเขาอาจรู้อยู่แล้วว่าจงฉีเฟิงจะพูดอะไรกับหลินซินเหยียน
จงเหยียนซีขืนหน้าเขาหันกลับมาให้มองตัวเอง “แด๊ดดี้บอกสิคะว่าได้ไหม หนูอยากเลี้ยงสุนัขตัวนี้ค่ะ”
“เดี๋ยวจะซื้อตัวเล็กๆ ให้นะ” ตัวนี้มันใหญ่เกินไป เขาคิดว่ามันไม่ปลอดภัย กลัวว่าจะทำร้ายเธอเข้า
แม้ว่าสุนัขจะเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ แต่ถ้าหากไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ
“หนูไม่เอา หนูชอบมัน” จงเหยียนซีออดอ้อน เอาศีรษะถูไถซอกคอของเขา
“สุนัขตัวนี้เป็นของฉันเอง ผ่านการฝึกมาแล้ว จะไม่กัดใคร ถ้าเสี่ยวลุ่ยชอบก็ให้เธอพากลับไปเล่น” เฉิงยู่เวินบอกอีกครั้งว่าสุนัขตัวนี้ได้รับการฝึกฝนมาแล้ว
เขารู้ว่าจงจิ่งห้าวต้องกลัวว่าสุนัขตัวนี้จะทำร้ายเด็ก
สุนัขพันธุ์นี้เชื่อง ถึงแม้จะตัวใหญ่ แต่มันไม่ดุ
หากเคยผ่านการฝึกฝนมาจะรู้จักสุขอนามัย จะไม่ปัสสาวะไปทั่ว ตราบใดที่ให้คอกมัน วางอาหารและน้ำไว้ให้ ก็ไม่จำเป็นต้องจ้างคนดูแลให้มากมาย
ในบ้านมีคนรับใช้อยู่ทั่ว ก็ไม่ต้องห่วงเกินไป
“ได้ไหมคะ แด๊ดดี้ดูสิคะคุณปู่เล็กตกลงให้สุนัขกับหนูแล้วนะ” จงเหยียนซีมุ่ยปากเล็กอ้อนวอนไม่หยุด เกือบจะร้องไห้ให้จงจิ่งห้าวดูแล้ว
เขามักจะใจอ่อนกับลูกสาวเสมอ ในที่สุดก็ยอมเอ่ยปากตกลง
จงเหยียนซียิ้มกว้างดีใจทันที และจุ๊บแก้มของเขา “ขอบคุณค่ะแด๊ดดี้”
เธอทำท่าลงจากอ้อมแขนของเขาอย่างตื่นเต้น วิ่งไปหาซามอยด์และลูบหัวมัน สุนัขเอาหัวถูไถฝ่ามือของเธออย่างเชื่องๆ นั่นทำให้ปากเล็กๆ ของจงเหยียนซียิ้มกว้าง
เธอเงยหน้าขึ้นมองเฉิงยู่เวิน “คุณปู่เล็กให้มันกับหนูแล้ว ก็เป็นของหนู หนูจะตั้งชื่อใหม่ให้มันนะคะ”
ตอนที่เฉิงยู่เวินเลี้ยงได้ตั้งชื่อมันว่าตุนตุน แม้ว่ามันจะกลมขาวราวหิมะแสนน่ารัก แต่มันก็ตัวใหญ่ ขนยาว และเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรง จึงให้ชื่อนี้กับมัน
เฉิงยู่เวินย่อตัวลงข้างสาวน้อย และลูบหัวของตุนตุนด้วย พร้อมกับพูดกับจงเหยียนซีว่า “แน่นอนจ้ะ เมื่อให้เสี่ยวลุ่ยแล้วก็เป็นของเสี่ยวลุ่ย”
ถึงแม้ว่าเด็กสองคนจะเปลี่ยนชื่อ แต่ทุกคนชอบเรียกชื่อเดิมของพวกเขา เพราะรู้สึกถึงความสนิทสนม
เรียกชื่อเก่าเป็นชื่อเล่น
จงเหยียนซีชอบจับหัวของตุนตุน จนขนของมันเรียบ “หนูจะเรียกมันว่าเจ้าขาวค่ะ ก้อนกลมขาวๆ แถมยังตัวใหญ่มาก”
เฉิงยู่เวินยิ้ม พูดอย่างตามใจว่า “เสี่ยวลุ่ยเป็นคนฉลาด ชื่อนี้ฟังดูดีกว่าที่ฉันตั้งอีกนะ”
จงเหยียนซีลูบหัวของเจ้าสุนัข พลางเรียกว่าเจ้าขาวไม่หยุด เจ้าขาว ภูมิใจในตัวเองมากที่ตั้งชื่อนี้ให้มัน
ทางจงเหยียนเฉินก็ไม่พูดอะไรเลย นั่งอยู่ตรงนั้นเอาแต่ศึกษาเกมที่เพิ่งแพ้ไป
ซูจ้านเดินเข้ามาพร้อมด้วยถุงใบใหญ่ ไม่เพียงซื้อผลไม้และไอศกรีม ยังซื้อพวกขนมต่างๆ ให้เด็กทั้งสองด้วย
เขาวางของไว้บนโต๊ะ แล้วตะโกนเรียกเด็กๆ “มานี่เร็ว เดี๋ยวไอศกรีมละลายหมดนะ”
จงเหยียนซีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว วิ่งว่องไวไปหาซูจ้าน “ไอศกรีมของหนูล่ะคะ หนูจะทาน”
ซูจ้านเอาให้เธอ และยื่นอีกกล่องให้จงเหยียนเฉินที่เงียบไม่พูดจา “นี่ ดูอารมณ์ไม่ดีเลยนะ ไม่ทานไอศกรีมด้วยเหรอ”
จงเหยียนเฉินไม่เงยหน้าและพูดว่า “ไม่ทานครับ”
ท่าทางบ่งบอกว่าหากไม่ศึกษาจนเข้าใจก็จะไม่ล้มเลิก
ซูจ้านหัวเราะหึ “เด็กคนนี้นี่จริงๆ เลย ดูท่าจะแพ้อีกแล้วล่ะสิ”
จงจิ่งห้าวนั่งลงตรงข้ามลูกชาย “เรามาเล่นกันสักตา”
ซูจ้านมองไปทั่วบ้านก็ไม่เห็นหลินซินเหยียนจึงถามว่า “พี่สะใภ้ล่ะ เธอจะทานเค้กที่ฉันซื้อกลับมาเลยไหม”
จงจิ่งห้าววางเค้กไว้ข้างๆ บนโต๊ะ ไม่ได้สนใจคำพูดของซูจ้าน เริ่มวางหมากลงบนกระดานหมากรุก และพูดกับลูกชายว่า “ลูกเดินก่อน”
จงเหยียนเฉินเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณเดินก่อน”
จงจิ่งห้าวเลิกคิ้ว “นิสัยแข็งกร้าวเกินไปมันไม่ดีหรอกนะ” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็เดินก่อน
“ผมไม่ได้แข็งกร้าว ผมแค่อยากเห็นพลังของตัวเอง ไม่อยากให้ใครยอมให้ผมครับ” จงเหยียนเฉินมองดูเกมหมากรุกอย่างจริงจัง เดินทุกขั้นตอนอย่างรอบคอบระมัดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม