กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม นิยาย บท 772

สรุปบท บทที่ 722 ขอบคุณที่ขอให้ฉันเป็นภรรยาของคุณ: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

อ่านสรุป บทที่ 722 ขอบคุณที่ขอให้ฉันเป็นภรรยาของคุณ จาก กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม โดย จาวฉายจิ้นเป่า

บทที่ บทที่ 722 ขอบคุณที่ขอให้ฉันเป็นภรรยาของคุณ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย จาวฉายจิ้นเป่า อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เฉินชือหานสวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ รูปแบบเสื้อผ้าดูง่ายดาย แต่ไม่ได้ทำให้ความสวยงามในตัวหญิงสาวดูน้อยลง ชุดเป็นลักษณะโชว์ไหล่ครึ่งเดียว สร้อยคอเพชรที่ถูกแขวนอยู่ตรงหน้าอกเม็ดนั้นดูสะท้อนแสงวับวาว ต่างหูเพชรยาวที่มีสีเดียวกันแกว่งไกวช้าๆตามจังหวะเท้าที่ก้าวเดิน ยิ่งไปกว่านั้นที่ขับให้ผิวดูเด่นขึ้นมาก็คือ เกาะอกทรงโค้งสวยงดงามที่มีเชือกพันยาวมาถึงรอบเอว ผมดำหนานั้นถูกม้วนเก็บเข้าไป เมื่อเทียบกับชุดแต่งงานสีขาวแล้วทั้งคู่ต่างส่งให้ตัวเจ้าสาวนั้นดูดีและมีเสน่ห์ไปพร้อมกัน

เหวินเสี่ยวจี้ก็ใส่เป็นเครื่องแบบทหาร ตัวเขาอายุไม่มากนัก ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็นวัยรุ่นอย่างเต็มกำลัง ให้ความรู้สึกดูขวยเขิน แต่ก็ไม่ทิ้งสไตล์ความเป็นชายที่เติบโตอย่างเต็มที่ ให้ความรู้สึกเหมือนดวงอาทิตย์ดวงน้อยอย่างไรอย่างนั้น ดวงตามีประกายแสง และสายตาที่ดูสะอาดสะอ้าน

เขาใส่เครื่องแบบทหารออกมาได้อย่างหล่อเหลา ขณะที่เดินก็ดูผิวไหวราวกับลมเพลมพัด

เพื่อนทหารพวกเขาต่างใช้มือทั้งประสานกัน ยืนบรรจบกันเป็นสองข้างคล้ายซุ้มประตูช้าๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป

หลินซินเหยียนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้แถวหลังสุด เธอมองฉากเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า ก่อนที่มุมปากจะยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

พิธีการแต่งงานของทหารมักจะทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความจริงจัง เธอเอื้อมมือไปกุมมือของจงจิ่งห้าวเอาไว้ " ฉันเองก็หวังว่าลูกของพวกเรา เมื่อโตไปแล้วต้องมีสักคนที่เป็นทหาร "

แต่จงจิ่งห้าวกลับรู้สึกว่าควรจะยอมทำตามในสิ่งที่ลูกหวังมากกว่า การที่พวกเขาหวัง แล้วพวกเขาไม่สามารถทำตามที่เราต้องการได้ หากไม่เป็นดังนั้น เขาก็จะไม่ฝืนใจลูกๆ

" คราวนี้ตอนนี้กับเมื่อก่อนต่างกันราวฟ้ากับเหว ตอนนี้ค่อยๆดูเหมือนเป็นชายขึ้นมาหน่อย " เมื่อก่อนเป็นดาราไอดอล ถึงจะดูหล่อเหลาแต่ก็ดูออกจะหวานไปสักนิด ตอนนี้เหมือนมีความแข็งแกร่งเป็นชายมากขึ้น หลินซินเหยียนมองไปบนเวทีแล้วพูดวิจารณ์ออกมา

พิธีกรบนเวทีแนะนำถึงอดีตที่ผ่านมาของทั้งคู่ ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะว่าความสัมพันธ์ของสองตระกูลนี้ดีมาก ทั้งสองคนก็เปรียบเหมือนดังพี่น้องจนปัจจุบันก็ได้ดำเนินมาถึงตอนนี้ พ่อแม่ของทั้งสองบ้านก็ต่างรู้สึกซึ้งใจเป็นอย่างมาก

ครึ่งชีวิตที่ขึ้นๆลงๆ มาถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะเห็นว่า ลาภยศผลประโยชน์ บุญคุณและความแค้น เป็นเพียงสาเหตุของความทุกข์ที่ผู้คนเอาแต่ใฝ่หา เมื่อได้ปล่อยวางมันลงแล้ว การที่พบว่าตัวเองได้ใช้ชีวิตที่สุขสงบและแข็งแรงถึงเป็นความสุขที่แท้จริง

ถึงทุกวันนี้จะมีหลายคนที่คิดอยากจะมีตำแหน่งที่สูงส่ง อยากได้ชื่อเสียง เพื่อผลประโยชน์มากมาย

คนธรรมดาทั่วไปก็อยากมีเงินมีรถมีบ้าน

แต่ไม่มีใครที่จะฟังงบลงได้แล้วนึกถึงสิ่งที่ตัวเองไม่มีเช่น การไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่เจออุบัติภัย นี่ไม่ใช่ความสุขอีกอย่างหนึ่งหรอกเหรอ?

การที่มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ สิ่งที่พยายามมาทั้งหมดก็ทำให้ได้รู้แล้ว

เฉินชิงกับเหวินชิงเมื่อก่อนยังคงมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนที่ดี ในวันนี้ก็กลายมาเป็นคนบ้านเดียวกันแล้ว ถึงแม้ช่วงระหว่างนั้นจะใช้ชีวิตได้อย่างไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่ก็ยังจับมือรอยยิ้มไปด้วยกันได้ ไม่พูดถึงเรื่องราวที่ผ่านไปแล้ว

เมื่อพิธีกรแนะนำจบ เมื่อเข้าสู่ช่วงกล่าวคำปฏิญาณพิธีกรก็เชิญให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นมากล่าวความในใจแทน หรือพูดง่ายๆว่าไม่มีการกล่าวคำปฏิญาณ

พิธีกรพูดเสียงก้อง " ต่อไปขอเชิญให้เจ้าบ่าวขึ้นมากล่าวคำปราศรัยครับ "

ไมค์ถูกยื่นใส่มือเหวินเสี่ยวจี้ เขากำไมค์เอาไว้ อันดับแรกคงต้องขอบคุณพ่อแม่ " ขอบคุณพวกเขาที่เกิดและเลี้ยงดูผมมาด้วยความรัก ผมเคยใช้ชีวิตในวัยรุ่นอย่างไม่ตระหนัก ทำเรื่องผิดพลาดมากมาย ขอขอบคุณพวกท่านที่ยังยกโทษและให้อภัยผม "

หลี่จิ้งเอามือปิดตาที่แดงก่ำไว้

ในแววตาของเหวินชิงก็มีประกายเคล้าน้ำตาออกมา แต่ก็ฟอร์มทำเป็นตำหนิภรรยาที่อยู่ข้างๆ" วันมงคลเธอร้องไห้ทำไม?ไม่อนุญาตให้ร้อง "

หลี่จิ้งพูดว่า " ฉันร้องไห้ด้วยความดีใจต่างหาก "

เมื่อก่อนสามีกับลูกชายอยู่กันราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาต พอมาวันนี้ลูกก็อยู่สมกับความเป็นลูก พ่อก็ทำตัวเป็นพ่อที่มีเมตตา นี่มันคือสิ่งที่เธอหวังให้มันเกิดขึ้นในเมื่อก่อนนี่นา ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เธอจึงรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจเป็นอย่างมาก

ส่วนผู้ชายในใจก็มีความซาบซึ้ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นก็คงไม่ร้องไห้ง่ายขนาดนั้น

เหวินเสี่ยวจี้พูดกล่าวความในใจจบก็ยื่นใหม่ให้เฉินชือหาน

เฉินชือหานเปลี่ยนไปเยอะมาก เมื่อก่อนเป็นผู้หญิงที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยการโอ๋ตั้งแต่เด็ก โดนตามใจจนเคยตัว แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปจนดูโตขึ้นมาก ไม่ได้เป็นคนใจร้อนไม่หนักเล่นเหมือนแต่ก่อนแล้ว

เธอยืนบนเวทีด้วยความนิ่งสงบ เธอหยิบไมค์ขึ้นมาพูดช้าๆ " คนเราจะต้องผ่านเรื่องราวมามากมายถึงจะสามารถโตขึ้นได้ แต่ตัวฉันเองถูกจัดให้อยู่ในประเภทที่เติบโตขึ้นมาอย่างเชื่องช้า

เมื่อก่อนได้ทำเรื่องไว้มากมาย รวมถึงได้ก่อเรื่องที่ทำให้คนอื่นเจ็บปวด

โอกาสนี้ ฉันอยากขอโทษคนเหล่านั้นที่ฉันได้เคยทำร้ายเขา โปรดให้อภัยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของฉันในตอนนั้นด้วยเถอะนะคะ

ขอบคุณที่พวกคุณมางานแต่งของฉันและเสี่ยวจี้ "

เฉินชือหานหันไปโค้งตัวลงทางหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าว

เมื่อก่อน ใจของเธอผูกติดกับการทำลายครอบครัวคนอื่น และยังทำร้ายหลินซินเหยียนอีก

เธอรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เคยทำ

" เมื่อพระผู้เป็นเจ้าได้ปิดประตูบานหนึ่งของใครบางคน ก็จะมีหน้าต่างบานหนึ่งเปิดไว้ให้เธอเสมอ " เมื่อเธอพูดก็หันไปมองเหวินเสี่ยวจี้ " ขอบคุณความโอบอ้อมที่คุณมีต่อฉัน ขอบคุณที่ในช่วงเวลาที่ฉันไม่สมหวังดังใจและตกระกำลำบากคุณก็ยังอยู่ข้างกายฉันเสมอ ขอบคุณทั้งที่คุณรู้ว่าฉันในเมื่อก่อนนั้นแสนสาหัสเพียงใด แต่ก็ยังยอมรับฉัน และขอให้ฉันเป็นภรรยาของคุณ "

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม