ปฏิกิริยาตอบสนองของหลิงเวยนั้นถือว่ารวดเร็ว สายตาขึงมองไปทางหลินลุ่ยซี “เป็นเธอ?”
แต่เธอก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เธอมีสถานะเป็นตัวแทนของบริษัทรุ่นเหม่ย อยู่ที่ต่างประเทศมาโดยตลอด และเพื่อคดีในครั้งนี้ถึงได้กลับมา
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนไม่รู้จักกัน
เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองคิดจะทำร้ายเธอจึงวางแผนใส่ตัวเองกัน?
ตอนนี้เองที่ตำรวจนายหนึ่งเดินมาถึงด้านหน้าหลิงเวย “พวกเราสงสัยว่าคุณเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีที่มีเจตนาฆ่าคนสองคดี เชิญคุณไปกับพวกเราสักรอบครับ”
“ฉันเปล่านะ ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณกำลังพูดอะไรกัน” หลิงเวยลองปฏิเสธ
“เชิญกลับไปทำการสืบสวนกับผมด้วยครับ” นายตำรวจไม่ได้พูดกับเธออีก แต่ให้ลูกน้องนำตัวเธอไป
หลิงเวยหยิบโทรศัพท์ออกมา คิดจะโทรศัพท์ แต่นายตำรวจยื่นมือมาหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอไป
“ตอนนี้คุณเป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องการก่ออาชญากรรม ให้ความร่วมมือสักหน่อยจะดีกว่านะครับ ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ไม่ให้ความร่วมมือในการสืบสวน ก็มีความผิดทางกฎหมายเช่นกัน” นายตำรวจฝีปากเฉียบคม กล่าวจบแล้วก็มองไปทางจงเหยียนซี ภายใต้การช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้เธอปลดเชือกที่อยู่บนร่างกายออกได้แล้ว ทั้งยังมอบเสื้อตัวหนึ่งให้คลุมบนร่างกาย ร่างกายเธอสกปรกมาก หน้าตาผมเผ้าล้วนเต็มไปด้วยคราบน้ำมันเบนซิน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ คนเหล่านี้ไม่ใช่คนที่เธอเรียกมา และไม่ได้อยู่ภายใต้การคาดการณ์ของเธอเช่นกัน เธอกล้าให้หลิงเวยลักพาตัวเธอ ก็เพราะเธอรู้ว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเธอ
สาเหตุที่ไม่เปิดเผยใบหน้า ก็เป็นเพราะเธอเป็นห่วงหน้าตาตนเอง
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเธอยืนกรานในความคิดของตนเอง วันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอก็ไม่มีหน้าจะไปพบใคร ดังนั้นถึงได้หลบอยู่เบื้องหลัง
ก่อนหน้านี้เธอเพียงแค่คาดเดา ตอนนี้เธอสามารถยืนยันได้แล้ว
เธอสูดลมหายใจลึก มองไปทางหลิงเวยด้วยท่าทางเย็นชา มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือก
“เป็นเธอจริงๆ? เธอเป็นใครกันแน่? ทำไมต้องวางแผนทำร้ายฉันด้วย?” ในใจหลิงเวยเริ่มรู้สึกลนลาน
จงเหยียนซีก้าวมาหยุดตรงหน้าเธอ “เป็นฉันที่วางแผนทำร้ายคุณหรือคะ ไม่ใช่ว่าคุณวางแผนจะฆ่าฉันหรือคะ ไม่ใช่คุณยอมรับด้วยตนเองหรือว่า คุณเป็นคนวางเพลิงไฟไหม้ที่นี่? จำคำพูดที่เพิ่งจะพูดเมื่อครู่นี้ไม่ได้แล้วหรือคะ”
หลิงเวยตวาดเสียงดังด้วยความโมโห “เธอเป็นใครกันแน่?!”
ตอนนี้เห็นได้ชัดเจนมากว่าเธอเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้
“คุณลองเดาดูสิว่าฉันเป็นใคร ฉันก็เป็นเพียงแค่ฉัน? เมื่อไรที่เปลี่ยนไปกัน? ถ้าจะเปลี่ยนไปก็เป็นเพราะคุณ ที่ทำให้ฉันได้เห็นความอัปลักษณ์ในใจของคนได้อย่างชัดเจน” เอ่ยจบแล้วเธอก็หันไปเอ่ยขอบคุณนายตำรวจที่ส่งเสื้อให้กับตัวเอง
“คุณก็ต้องไปทำบันทึกกับพวกเราที่สถานีตำรวจด้วยเช่นกันครับ” นายตำรวจคนนั้นเอ่ย
“ได้ค่ะ” จงเหยียนซีเอ่ยตกลงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
หลิงเวยหน้าเผือดสี เอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “หรือว่าเธอคือ...”
เธอยังไม่ทันจะเอ่ยจบก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายจับขึ้นรถ จงเหยียนซีที่เดินตามอยู่ข้างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจนายนี้ก็ขึ้นรถตำรวจคันหนึ่งเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบทำคดีนี้ยังค้นหาและเก็บหลักฐานอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ
หลี่เฉิงเจี๋ยที่แอบอยู่ในมุมมืดหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา มองรถตำรวจที่แล่นออกไปไกลแล้วก็รู้สึกยินดีในการตัดสินใจของตัวเอง
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาปรากฏตัวขึ้นได้ทันเวลาขนาดนี้ จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่นะ
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ นี่มันเหมือนกับว่าเตรียมซุ่มโจมตีล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว
คุณหนูตระกูลจงนั้นมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งจริงๆ
เขาเก็บโทรศัพท์มือถือ หมุนตัวจากไป เงื่อนไขที่จงเหยียนซีพูดคุยกับเขาในวันนี้ก็คือ ถ้าหากว่าหลิงเวยอยากจะทำร้ายเธอ พวกเขาก็จะวางแผนซ้อนแผน ถ่ายบันทึกเรื่องที่หลิงเวยคิดจะใส่ร้ายเธอเอาไว้เป็นหลักฐาน
แน่นอนว่าจงเหยียนซีต้องใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อในขั้นตอนนี้
เมื่อครู่คนของหลี่เฉิงเจี๋ยเพียงแค่จับคนมาแล้วก็จากไป ไม่สอดมือเข้าไปในเรื่องทำร้ายคน และกรุยทางให้กับการเป็นไปของเรื่องราวหลังจากนี้ เพื่อป้องกันการถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้อง
นี่ก็เป็นสิ่งที่เขากับจงเหยียนซีตกลงกันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เขาสามารถปลีกตัวออกจากเรื่องนี้ได้ จงเหยียนซีคิดอยากจะลงโทษหลิงเวย พวกเขาแต่ละคนก็มีแผนการเป็นของตัวเอง ดังนั้นจึงได้ร่วมมือกันสำเร็จ
ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องนำสิ่งที่บันทึกเอาไว้มอบให้กับจงเหยียนซี เช่นนั้นเรื่องที่เขารับปากจงเหยียนซีเอาไว้ ก็สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เขาขึ้นรถแล้วขับจากไป
เมื่อขับไปถึงเขตเมือง เขาก็จอดรถไว้บนถนนที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจ จงเหยียนซีเพียงแค่ไปทำบันทึก น่าจะออกมาเร็วอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม