สำหรับครั้งนี้ที่ตอนกลับประเทศมาซงเก้นยังยอมรับอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่ไทยมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น " ผมคิดว่าไม่นานเขาคงถูกปล่อยตัว "
เขากลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้นเจียงโม่หานจะยังคงตามหาจงเหยียนซี
ถึงแม้ว่าจงจิ่งห้าวจะไม่อยู่แต่เขาก็รู้ดีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
ซงเก้นพูดตามตรง " เป็นไปได้ผมอยากให้คนออกหน้า "
เพื่อให้เจียงโม่หานรู้ว่ายากแล้วยอมถอยไป
สีหน้าของจงจิ่งห้าวทำให้คนต้องขบคิด เหมือนกำลังจะคิดว่าเรื่องที่ซงเก้นเพิ่งจะพูดออกมา แต่มองดูแล้วก็ไม่ต่างจากว่ากำลังพูดเรื่องส่วนตัวของลูกสาวกับซงเก้น ถึงแม้ว่าซงเก้นจะรู้ แล้วเขาก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ซงเก้นก็ตกใจคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป จริงๆ แล้วพวกนี้ก็มันเรื่องของคนในครอบครัว แล้วมันก็เกี่ยวโยงกับลูกสาวของเขาด้วย เขาคงไม่ยอมให้คนอื่นเอาเรื่องส่วนตัวของลูกสาวตัวเองมาพูดคุยกันหรอก
เขาจึงพูดขอโทษ " ขอโทษนะครับ ผม.... "
จงจิ่งห้าวยกมือขึ้น ประมาณว่าไม่ต้องพูดแล้ว
ซงเก้นพอจะรู้ว่าเขาคงไม่อยากพูดคุยเรื่องพวกนี้ต่อ จึงพูดถึงเรื่องบริษัทของตัวเอง จริงๆ แล้วเขาไม่ชอบเรื่องการทำธุรกิจ แต่เขาเป็นผู้รับมรดกสืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลเท่านั้น ดังนั้นการแบกรับหน้าที่ทั้งหมดจึงมากดอยู่บนร่างของคนคนเดียวอย่างเขา
ตอนมหาลัยเขาเลือกที่จะเรียนโรงเรียนทหาร ส่วนเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นสักเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้เขาได้ไหว้วานให้ผู้บริหารระดับสูงทำหน้าที่บริหารกิจการแทนเขา แต่พอผ่านเรื่องครั้งนั้นไปแล้ว คนคนนั้นก็ถูกดึงมาเกี่ยวพันด้วย แน่นอนว่าไม่สามารถใช้งานเขาได้อีก ตอนนี้ในมือของเขาไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว
เขารู้ถึงภูมิหลังของจงจิ่งห้าว ดังนั้นด้วยเลยอ่ะให้เขาบอกแนวคิดให้กับตัวเอง หรือแนะนำใครบางคนให้
สำหรับเขาแล้ว กิจการของตระกูลก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเช่นเดียวกัน เขามีหน้าที่ที่จะต้องรักษามันไว้ บริหารในสิ่งที่ได้รับการสืบทอดมา
" ก่อนหน้านี้ประธานกวนได้ร่วมทุนกับโครงการนั้นที่ประเทศD และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก คนที่มีความสามารถรอบข้างคุณมีเยอะเหลือเกินนะครับ " ซงเก้นพูด
กวนจิ้งคือคนแก่ที่คอยอยู่ข้างจงจิ่งห้าว ไม่งั้นเขาก็คงไม่วางใจเอาเรื่องทุกอย่างให้กวนจิ้งเป็นคนจัดการหรอก
เมื่อเวลาผ่านไป กวนจิ้งก็ยังชำนาญขึ้นเรื่อยๆ ทำให้บริษัทถูกบริหารออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ถึงแม้จงจิ่งห้าวจะไม่ยุ่งเรื่องพวกนี้ แต่เมื่อบริษัทมีโครงการอะไรใหญ่ๆ เขาก็มักจะติดตามอยู่เสมอ
ยังโครงการที่แล้วก็สำเร็จลุล่วงได้อย่างสวยงาม ทั้งสองฝ่ายได้ผลตอบรับในอัตราที่น่าพึงพอใจ
ซงเก้นหวังว่าจะได้เรียนรู้เทคนิคเกี่ยวกับการทำธุรกิจจากจงจิ่งห้าวบ้าง ปัญหาที่เขาต้องพบในระหว่างที่ตัวเองบริหารจัดการ ก็อยากได้รับการชี้แนะ พอได้คุยแล้ว เวลาก็ผ่านไปเร็วมาก
จวงเจียเหวินออกไปบริษัท เสิ่นซินเหยากับจงเหยียนซีไปห้างสรรพสินค้ากัน เพื่อไปซื้อของใช้ที่จำเป็นในพิธีแต่งงาน จำเป็นต้องให้ฝ่ายหญิงเป็นคนตระเตรียม เสิ่นซินเหยาเองก็ยังไม่ได้ซื้อ พอดีกับที่จงเหยียนซีกลับมา เธอก็เลยให้จงเหยียนซีออกไปปลดปล่อยใจด้วยกันข้างนอก
ในฐานะที่เป็นพี่สาวของจวงเจียเหวิน และเสิ่นซินเหยาก็จะมาเป็นน้องสะใภ้ของเธอแล้ว จงเหยียนซีก็เอ็นดูเธอเป็นอย่างมาก
คนที่เดินตามหลังเธอทั้งสองก็เป็นคนขับรถ เรายังเป็นคนที่มีฝีมือด้วย
ทั้งสามารถช่วยว่าเธอถือของได้ และช่วยปกป้องให้ว่าเธอปลอดภัยได้ด้วยเช่นกัน
" เธอไม่ได้มาซื้อของใช้ที่จำเป็นในวันแต่งงานเหรอ? ไหงซื้อแต่ของลูกน้อยล่ะ? "
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม