กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 309

บทที่ 309.2 ปราณสังหารซ่อนอยู่ทั่ว
ProjectZyphon
เฉินผิงอันไม่ได้กลับไปยังที่พัก แต่เดินไปทั่วเมืองหลวงเพียงลำพังราวกับผีเร่ร่อน ระหว่างนี้ยังแอบแฝงตัวเข้าไปในหอเก็บหนังสือของตระกูลปัญญาชนแห่งหนึ่ง หยิบหาหนังสือมาอ่านไปเรื่อยเปื่อย

ก่อนฟ้าจะสางถึงแอบออกมาอย่างเงียบเชียบ จากนั้นก็ไปนั่งฟังบทสอนของเหล่าปราชญ์ที่กั๋วจื่อเจียนของเมืองหลวง จนกระทั่งเที่ยงพระอาทิตย์ลอยตรงศีรษะถึงได้เดินกลับเข้าไปในตรอกจ้วงหยวน เขาจงใจหลบเลี่ยงบ้านหลังที่เกี่ยวข้องกับผู้เฒ่าแซ่ติงและหนุ่มปักบุปผาโจวซื่อ

ในตรอกจ้วงหยวนมีร้านขายหนังสือเล็กแคบอยู่หลายร้าน นอกจากจะขายหนังสือแล้วยังขายสี่เครื่องเขียนล้ำค่าที่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเครื่องประดับอันงดงามบนโต๊ะหนังสืออีกบางส่วน เพราะฝีมือหยาบเรียบง่าย ยังดีที่ราคาไม่สูง ถึงอย่างไรคนที่มาซื้อของในแถบนี้ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นบัณฑิตยากจนที่เข้ามาสอบในเมืองหลวง เฉินผิงอันซื้อบันทึกภูเขาและแม่น้ำเนื้อหาเบาสบายจากร้านแห่งหนึ่งมาสองสามเล่ม แน่นอนว่าไม่ได้เอาออกมาอ่านในช่วงนี้ แค่อยากจะให้บนภูเขาลั่วพั่วมีหนังสือเก็บไว้มากหน่อยเท่านั้น

รอจนเฉินผิงอันเดินกลับไปถึงตรอกที่พัก เด็กน้อยหน้าตางดงามก็เพิ่งเลิกเรียนกลับมาพอดี คนทั้งสองเดินอยู่ในตรอกด้วยกัน ดูเหมือนเด็กชายจะมีเรื่องลำบากใจ อดกลั้นอยู่นานก็ยังไม่กล้าพูดออกมา

เฉินผิงอันแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น กลับไปถึงที่พัก ตอนกลางคืนกินอาหารเย็นร่วมกับครอบครัวของเด็กชาย ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้าจะเช่าห้องพัก ครอบครัวนี้เพิ่มชามและตะเกียบอีกคู่หนึ่งมาให้เฉินผิงอัน โดยจะเก็บเงินเพิ่มอีกสามสิบอีแปะทุกวัน หญิงชรารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าทุกมื้อจะต้องมีปลามีเนื้อ แต่ในความเป็นจริงแล้วเฉินผิงอันออกไปข้างนอกเป็นประจำ หากไม่ออกเช้ากลับดึก พลาดช่วงเวลาอาหารเย็นไปแล้ว ก็หายไปนานเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว นี่ทำให้หญิงชราดีใจอย่างยิ่ง

วันนี้บนโต๊ะอาหารมีแต่อาหารจืดชืด หญิงชราขออภัยด้วยรอยยิ้ม บอกว่าวันนี้ทำไมคุณชายเฉินไม่บอกไว้ก่อน จะได้เตรียมวัตถุดิบทำอาหารไว้ล่วงหน้า

เฉินผิงอันยิ้มบอกว่าขอแค่กินอิ่มก็พอแล้ว

หญิงชราจึงถามว่าพรุ่งนี้จะเอาอย่างไร พอได้ยินว่าพรุ่งนี้เฉินผิงอันจะออกไปข้างนอก หญิงชราก็ทอดถอนใจ บ่นว่าคุณชายเฉินยุ่งเกินไปแล้ว กินข้าวที่บ้านสักมื้อยังยากขนาดนี้ อันที่จริงฝีมือทำอาหารของลูกสะใภ้ไม่เลวเลย ไม่กล้าพูดว่าเอร็ดอร่อย แต่ก็ต้องกินได้เยอะแน่นอน

สตรีแต่งงานแล้วที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาพุ้ยข้าว ไม่กล้าคีบกับข้าวสักครั้งเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วคลี่ยิ้มซื่อๆ แม่สามีชมตน ช่างหาได้ยากยิ่งนัก

เฉินผิงอันกินข้าวแล้วก็ยกม้านั่งตัวเล็กไปยังมุมถนนที่เด็กชายและปู่ชอบไปเล่นหมากล้อมกับคนอื่นเป็นประจำ ที่หาได้ยากก็คือถนนสายใหญ่เส้นนี้ถูกปูด้วยหินสีเขียว คนที่อยู่อาศัยที่นี่มาแล้วหลายรุ่นมองคนเดินผ่านไปผ่านมา บ้างก็พูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับเพื่อนบ้านพอให้คลายเหงา หากเห็นลูกหลานตระกูลคนรวยควบม้าผ่านไป หรือมีหญิงสาวจากหอโคมเขียวที่พอจะมีชื่อเสียงเดินนวยนาดผ่านมาก็สามารถทำให้ถนนทั้งเส้นสว่างไสวได้แล้ว

เฉินผิงอันนั่งอยู่ไม่ห่างจากวงหมากล้อมเท่าไหร่นัก คนมุงล้อมอยู่ตรงนั้นเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่าเด็กชายก็ยกม้านั่งออกมาเช่นกัน แถมยังมานั่งข้างตน

ก่อนหน้านี้เขาปลด ‘ปราณกระบี่’ วางไว้ในห้อง มารับลมเย็นอยู่ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านแล้วยังแบกกระบี่ไว้ คงไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่พกไว้ติดตัว แต่ให้กระบี่บินสืออู่ที่เชื่อฟังมากกว่าอยู่ที่ห้อง หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกใครขโมยไป เมืองหลวงของแคว้นหนันเยวี่ยนเวลานี้ไม่สงบสุข คิดว่าอีกไม่นานมังกรซ่อนพยัคฆ์หลบทั้งหลายคงจะลุกกันขึ้นมาแล้ว

สัมผัสได้ถึงท่าทางผิดปกติของเด็กชาย เฉินผิงอันจึงถามด้วยรอยยิ้ม “มีเรื่องในใจรึ?”

เด็กชายเข้าเรียนที่โรงเรียนจึงพอจะรู้มารยาทบ้างแล้ว เขาก้มหน้าลง “คุณชายเฉิน ขอโทษด้วย”

เฉินผิงอันพูดเบาๆ “หมายความว่าอย่างไร?”

เด็กชายนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเตี้ย สองมือกำแน่นวางไว้บนหัวเข่า ไม่กล้ามองเฉินผิงอัน “เวลาที่คุณชายเฉินไม่อยู่บ้าน ท่านแม่ข้ามักจะฉวยโอกาสไปพลิกค้นของของคุณชายเฉิน”

เฉินผิงอันอึ้งตะลึง เดิมทีนึกว่าเป็นหญิงชราปากร้ายคนนั้นที่มักจะ ‘แวะไป’ พลิกค้นของในห้องเขาเป็นประจำ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นมารดาของเด็กชายที่มองดูเหมือนคนซื่อ

อารมณ์ของเด็กชายยิ่งหนักอึ้ง “ภายหลังคุณชายเฉินออกจากบ้านไปนาน ท่านแม่จึงแอบไปเอาตำราที่คุณชายเฉินวางไว้บนโต๊ะมาให้ข้า ข้าทนไม่ไหวจึงแอบเปิดอ่าน ข้ารู้ว่าทำแบบนี้ไม่ดี”

เดิมทีเฉินผิงอันอยากจะพูดง่ายๆ ว่า ‘ไม่เป็นไร’ แต่เขารีบกลืนมันกลับลงท้องไปอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนมาพูดใหม่ว่า “ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละ”

ก่อนหน้านี้ตอนที่เดินเที่ยวในเมืองหลวง มีวันหนึ่งอยู่ในงานวัดที่คึกคักได้เห็นแม่ลูกท่าทางร่ำรวยคู่หนึ่ง ด้านหลังมีข้ารับใช้ที่ดวงตาฉายประกายคมกริบกลุ่มหนึ่งแอบติดตามมาอย่างลับๆ เด็กชายอายุห้าหกขวบเห็นพี่สาวหน้าตางดงามคนหนึ่งกำลังเลือกของอยู่ที่แผงลอย เขาจึงวิ่งไปกระตุกชายแขนเสื้อของเด็กสาวคนนั้น แน่นอนว่าเด็กชายไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่ต้องการดึงดูดความสนใจของผู้ใหญ่ ตอนแรกเด็กสาวไม่ได้สนใจเขา แต่เพราะเด็กชายมาจากตระกูลร่ำรวยสูงศักดิ์ เห็นว่าพี่สาวคนนี้ไม่สนใจตนจึงเริ่มโมโห น้ำหนักมือจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กสาวถูกตอแยจนทนไมไหว แต่นางก็รู้ความจึงไม่ได้ถือสาเด็กชายที่ไม่รู้ประสา เพียงแค่เงยหน้ามองไปทางแม่เด็กที่ยืนอยู่ห่างไปไม่ไกล ฝ่ายหลังจึงเรียกลูกชายของตนกลับมา ไม่ให้เขาทำตัวเหลวไหลอีก

หากเหตุการณ์นี้ยุติลงเพียงเท่านี้ เฉินผิงอันก็คงแค่มองผ่านเลยไป

แต่สตรีแต่งงานแล้วที่มีสง่าราศีผู้นั้นกลับเอ่ยประโยคหนึ่งที่ทำให้เฉินผิงอันไม่อาจเข้าใจได้จนกลายเป็นปมในใจที่คิดไม่ตกมาโดยตลอด

สตรีซึ่งมาจากตระกูลที่มีฐานะกลับสั่งสอนบุตรชายตัวเองด้วยประโยคที่ว่า “เจ้าเห็นหรือไม่ว่าพี่สาวโกรธแล้ว เลิกซุกซนได้แล้ว”

มองปราดๆ เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร สีหน้าท่าทางของสตรีแต่งงานแล้วคู่ควรกับคำว่าสุภาพเยือกเย็น สายตาที่มองบุตรชายตัวเองเต็มไปด้วยความเมตตารักใคร่ ท่าทีที่ปฏิบัติต่อเด็กสาวก็ไม่ได้เลวร้ายเลยแม้แต่น้อย

จนกระทั่งบัดนี้ที่เฉินผิงอันได้พูดคุยกับเด็กชายถึงได้เข้าใจต้นสายปลายเหตุ

นี่มีส่วนคล้ายคลึง แต่ก็มีส่วนที่ไม่เหมือนหายนะที่น่าเศร้าซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสซ่งอวี่เซาแห่งแคว้นซูสุ่ย

สตรีแต่งงานแล้วสอนบุตรชายแบบนี้ เป็นสิ่งที่ผิด

หรือว่าหากเด็กสาวที่อยู่ตรงร้านแผงลอยไม่โกรธ เด็กชายก็ทำตัวแบบนี้ได้?

เมื่อเทียบกับเรื่องน่าเศร้าในยุทธภพของผู้อาวุโสซ่งอวี่เซา ‘เรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้ทำลายขนบธรรมเนียมประเพณี’ ในหมู่ชาวบ้านร้านตลาดประเภทนี้ จะบอกว่าร้ายแรงก็คงไม่ได้ แต่หากพร่ำบ่นไม่จบไม่สิ้นก็อาจตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่แน่ว่าสตรีแต่งงานแล้วอาจจะรู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลจึงไม่คิดจะละเว้นคนอื่น ได้คืบแล้วจะเอาศอก คิดว่าคนของตระกูลตนรังแกได้ง่ายหรือไร? แม้แต่เด็กสาวคนนั้นก็อาจจะไม่รับน้ำใจเสมอไป

เฉินผิงอันควักแผ่นไม้ไผ่แผ่นนั้นออกมาดูปลายซ้ายขวาทั้งสองด้าน เส้นสายตาไล่ไปตามพื้นที่ระหว่างกลางไม่หยุด

ด้านบนมีรอยสลักมากมาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!