เฉินเป่ยชวนขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เขาหยุดเดิน บอดี้การ์ดสองนายที่เดินตามเขามาก็หยุดเดินเช่นกัน มั่วเชียนอดไม่ได้ที่จะกระตุกปาก แต่ไม่ได้โต้แย้งอันใด
หลินเฟยเอ๋อร์ผู้นี้ช่างใจกล้าเสียจริง บอสของพวกเขาพาเธอมาคุยเรื่องสัญญากันเพียงเท่านั้น เธอกลับได้ใจคิดอยากมีสถานะอีกหรือ?
เฉินเป่ยชวนหันไปมองหลินเฟยเอ๋อร์ และถามอย่างเฉยเมยออกไปว่า “พวกเรามีความสัมพันธ์แบบไหนกันหรือ?”
“……” หลินเฟยเอ๋อร์บื้อใบ้ไปชั่วขณะ ไร้คำพูดจะตอบ จากนั้นเธอก็หัวเราะเบาๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เป่ยชวน”
“คำพูดแบบนี้ ผมไม่อยากได้ยินอีกเป็นครั้งที่สองครับ”
มุมปากเขาโค้งเป็นวงพระจันทร์ที่แสนเย็นชา จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาแกะมือของหลินเฟยเอ๋อร์ที่กำลังคล้องแขนเขาอยู่ออกไป ในขณะเดียวกันก็สาวเท้าเดินห่างออกไป
“เป่ยชวน!” หลินเฟยเอ๋อร์ตะโกนอย่างไม่ยินยอมออกมา แล้วรีบเดินตามไป
ในตอนที่เฉินเป่ยชวนกำลังเดินจากไปอย่างไม่แยแสอยู่นั้น เฉียวจิ่งเหยียนที่ถูกเสียงตะโกนดึงความสนใจไปก่อนหน้าทันได้เห็นใบหน้าเรียวแหลมดั่งมีดเหลา และโครงหน้าอันคมสันอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มีใบหน้าคล้ายกับตัวเขาในกระจกที่ส่องอยู่ทุกวัน
ดวงตาเขาเหมือนจะสว่างขึ้น จากนั้นส้อมในมือก็ตกลงไปกับพื้นดัง ‘แกร๊ง’
“หม่ามี๊! คุณอาคนนั้นหน้าเหมือนกับผมเลยครับ!” เฉียวจิ่งเหยียนตัวน้อยพูดเสียงดังระดับเดซิเบล
เมื่อนั้นน้ำเสียงที่น่ารัก บวกกับใบหน้าหล่อเหลาของเด็กน้อยก็ดึงดูดความสนใจของคนเป็นจำนวนมาก
รวมถึงเฉินเป่ยชวน
บริกรหนุ่มกำลังแหวกม่านให้เขาก้าวขึ้นบันได แต่พอได้ยินเสียงของเด็กน้อย เขาจึงชะลอการเดินให้ช้าลง จากนั้นก็หันกลับไปมอง
สายตาของเขากวาดมองไปทั่วใบหน้าของเฉียวจิ่งเหยียน ครั้นแล้วสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ร่างของหญิงสาวผอมบางที่กำลังนั่งตัวตรงอยู่ด้านข้าง
“ใครหรือ?” เฉียวชูเฉี่ยนมึนงงเล็กน้อย
“เขา!” เฉียวจิ่งเหยียนตัวน้อยส่งเสียงเล็กๆ แล้วชี้ไปทิศทางหนึ่ง
เฉียวชูเฉี่ยนมองตามนิ้วที่เฉียวจิ่งเหยียนชี้ไป พอเธอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มอย่างชัดเจน กลับเพิ่มแรงในการจับมีดและส้อมให้มากขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลาก่อน คุณสามี