เจียงสื้อสื้อรู้ว่าพวกเขาคงต้องการคุยเรื่องงานกันแน่นอน ดังนั้นเธอจึงกลับไปที่ห้องก่อนอย่างรู้ตัวว่าต้องทำอย่างไร
จิ้นเฟิงเฉินกับฟางยู่เชินมาที่ห้องหนังสือ
ทันทีที่เข้าไป ฟางยู่เชินก็เอ่ยปากพูดขึ้น “ย่วนชิงโซงยอมรับว่าฟางอี้หมิงขอให้เขายื่นส่งออกยาสมุนไพร”
จิ้นเฟิงเฉินประหลาดใจเล็กน้อย “ยอมรับเร็วขนาดนี้เลย?”
“อืม” ฟางยู่เชินพยักหน้า “สุดท้ายแล้วย่วนชิงโซงก็เป็นคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง เพื่อปกป้องตัวเอง เขาสารภาพทุกอย่างออกมาจนหมด”
“ถ้าอย่างนั้นนายคิดจะทำยังไงต่อ?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
ฟางยู่เชินนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันอยากเผชิญหน้ากับฟางอี้หมิงโดยตรง”
“นายแน่ใจนะว่าเขาจะยอมรับสารภาพทุกอย่างที่ตัวเองทำ?”
“ไม่แน่ใจ”
ฟางอี้หมิงมีไหวพริบมากตั้งแต่เด็ก และยังเฉลียวฉลาดอีกด้วย อยากให้เขายอมรับ เกรงว่าคงต้องเสียความพยายามไปไม่น้อยแน่
เมื่อคำตอบเป็นไปตามความคาดหมาย มุมปากจิ้นเฟิงเฉินกระตุกโค้งขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “คนฉีดยาพิษคนนั้นจับได้หรือยัง?”
“ยัง แต่ตำรวจมีเบาะแสแล้ว คงจะสามารถจับกุมได้ในเร็วๆ นี้”
จิ้นเฟิงเฉินครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น “ก็ทำตามที่นายว่ามาเมื่อกี้ ไปเผชิญหน้ากับฟางอี้หมิงโดยตรง ถึงตอนนั้นเขาคงจะยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมรับ นายก็อย่ารีบร้อนไป พวกเราสามารถรอให้ตำรวจจับคนได้ก่อน แล้วค่อยเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง”
“แล้วถ้าเขายังไม่ยอมรับเหมือนเดิมล่ะ?” ฟางยู่เชินถาม
“ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องออกหน้าเอง ในช่วงที่มีการร่วมมือกับSAกรุ๊ป ก็เป็นเขาที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ฉันคิดว่าถึงตอนนั้นเขาคงไม่สามารถเถียงข้างๆ คูๆ ได้อีกแล้วว่าเรื่องต่างๆ ไม่เกี่ยวข้องกับเขา”
อันที่จริงถ้าหากให้เขาออกหน้าเองตั้งแต่ต้น บางทีเรื่องราวอาจจะคลี่คลายได้เร็วกว่านี้
แต่เพื่อฝึกฝนความสามารถของฟางยู่เชิน เขาจึงเลือกให้ฟางยู่เชินจัดการเอง
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ดี วันพรุ่งนี้ฉันจะพกเครื่องบันทึกเสียงไปหาฟางอี้หมิง”
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นค่อยมาบอกฉันอีกที” จิ้นเฟิงเฉินตบไหล่เขา
“โอเค”
จิ้นเฟิงเฉินหันตัวเดินออกจากห้องหนังสือไป เหลือไว้แค่ฟางยู่เชินเพียงคนเดียว
เมื่อกลับมาถึงห้อง เจียงสื้อสื้อเพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เมื่อเห็นเขาจึงเอ่ยถาม “คุยเสร็จแล้ว?”
“อืม”
จิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าไป แล้วหยิบผ้าขนหนูในมือของเธอมาช่วยเช็ดผมให้เธออย่างเป็นธรรมชาติ
“คุยกันเรื่องยาใช่หรือเปล่า?” เจียงสื้อสื้อถามอีก
“อืม”
พยางค์เดียวอีกแล้ว
เจียงสื้อสื้อหันกลับไป และมองเขาอย่างตำหนิ “คำตอบมีแค่ ‘อืม’ คำเดียวเหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินวางมือลง มุมปากระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “เธออยากฟังอะไร?”
“ฉันอยากรู้ความคืบหน้าเรื่องไฟไหม้โกดังว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว หาหลักฐานยืนยันว่าฟางอี้หมิงเป็นคนทำได้แล้วหรือยัง?”
“มีหลักฐานแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอ”
เจียงสื้อสื้อสงสัย “หมายความว่าไง?”
“หาคนที่ช่วยฟางอี้หมิงยื่นใบขนส่งออกยาเจอแล้ว แล้วก็ยอมรับสารภาพแล้วว่าฟางอี้หมิงให้เขายื่นการขนส่ง”
“จริงเหรอ?” เจียงสื้อสื้อตื่นเต้นเล็กน้อย
“ฟางอี้หมิงไม่มีทางยอมรับแน่” จิ้นเฟิงเฉินกล่าว “เขาจะต้องยืนกรานปฏิเสธแน่ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา”
เจียงสื้อสื้อไหล่ตก พลางถอนหายใจ “ดีใจเปล่าเลย”
เมื่อเห็นท่าทีผิดหวังของเธอ จิ้นเฟิงเฉินก็อดหัวเราะไม่ได้ “เอาล่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องกังวล ยู่เชินจะต้องจัดการเรียบร้อยแน่”
“ฉันเชื่อในตัวลูกพี่ลูกน้องของฉันแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ยิ่งเวลาล่าช้ามากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งไม่เป็นผลดีกับเขาเท่านั้น” ประเด็นสำคัญคือเจียงสื้อสื้อเกรงว่าคณะกรรมการบริหารจะให้เวลาไม่พอ
เมื่อถึงตอนนั้นฟางอี้หมิงจะต้องฉวยโอกาสซ้ำเติมได้ทีขี่แพะไล่แน่นอน ถึงตอนนั้นพี่ชายต้องเจอปัญหาใหญ่แน่
“ยังมีฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินเช็ดผมให้เธอต่อ “หลังจากนั้นฉันจะออกหน้าช่วงยู่เชินเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!