บทที่1025 คุณจะถามหรือไม่ถาม – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!
ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่1025 คุณจะถามหรือไม่ถาม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ซ่างกวนหยวนมาเพื่อลองถามเจียงสื้อสื้อ แต่ในเมื่อถามอะไรไม่ได้เลย เธอจึงไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไป
“สื้อสื้อ ฉันต้องกลับไปทำงานที่บริษัทแล้ว คงอยู่คุยด้วยไม่ได้แล้วล่ะ” เธอลุกขึ้นยืนแล้วพูดยิ้มๆ
“อืม เดินทางปลอดภัยนะ”
เจียงสื้อสื้อเดินไปส่งเธอที่ประตู พอเห็นเธอจากไปแล้วจึงหันกลับและเดินเข้าบ้านไป
ขณะที่เธอเดินขึ้นไปชั้นบน เธอก็คิดไปด้วยว่าตกลงแล้วซ่างกวนหยวนมาหาเธอจริงหรือเปล่า
เธอหยุดเดินขึ้นมากะทันหัน
ไม่ใช่สิ อีกฝ่ายไม่ได้มาหาเธอจริงๆ แต่แค่จะมาหลอกถามเธอ
ไม่อย่างนั้นคงไม่ถามคำถามพวกนั้นออกมา
“สื้อสื้อ ถ้าฉันบอกว่าคนที่ฉันชอบคือประธานจิ้น เธอจะโกรธไหม”
พอคิดถึงคำถามนี้ ริมฝีปากของเจียงสื้อสื้อก็ยกยิัม แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่ปรากฏในแววตาของเธอ
เธอยังเคยคิดว่าซ่างกวนหยวนอยากเป็นเพื่อนกับเธอจริงๆ แต่เธอไม่คิดเลยว่ามันจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
พอนึกถึงตนเองที่คิดว่าซ่างกวนหยวนเป็นเพื่อนสนิท และปฏิบัติต่อเธอด้วยความจริงใจ แต่ท้ายที่สุด อีกฝ่ายกลับอยากแย่งสามีของเธอ
เธอรู้สึกอึดอัดและไม่ชอบใจเอามากๆ
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ และแอบบอกตัวเองในใจว่าจากนี้ไปต้องลดการติดต่อกับซ่างกวนหยวนให้น้อยที่สุด
…...
จิ้นเฟิงเฉินเดินทางไปที่ฟางซื่อกรุ๊ปพร้อมกับฟางยู่เชินตั้งแต่เช้า
“เฟิงเฉิน คุณแน่ใจเหรอว่าต้องการจะคุยกับฟางอี้หมิงตรงๆ” ฟางยู่เชินเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
เขากลัวว่าฟางอี้หมิงจะไม่ยอมรับ
จิ้นเฟิงเฉินตอบเสียงเรียบนิ่งออกมาว่า “อืม”
ฟางยู่เชินไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้ว จึงพูดออกมาเพียงประโยคเดียว “ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้คุณโชคดี”
ฟางยู่เชินยืนมองจิ้นเฟิงเฉินเดินออกจากห้องทำงานของประธานไป
ในห้องทำงานรองประธานบริษัท ฟางอี้หมิงหยิบปฏิทินบนโต๊ะขึ้นมา แล้วขีดกากบาทบนตัวเลขวันที่ด้วยปากกา
“หนึ่ง สอง สาม……”
เขานับตัวเลขที่ถูกกากบาทไว้บนนั้น แล้วยกยิ้มกริ่ม “วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้ว ฉันจะคอยดูว่าฟางยู่เชินจะเปลี่ยนกระแสวิกฤตนี้ไปได้อย่างไรในอีกสามวันที่เหลือ”
“ก๊อกก๊อก”
มีเสียงเคาะประตูสั้นๆดังขึ้น
เขาหันกลับไปมอง “มีอะไร”
“รองประธานครับ ประธานจิ้นมาขอพบครับ” เสียงที่พูดรายงานอย่างระมัดระวังของผู้ช่วยดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของประตู
จิ้นเฟิงเฉินอย่างนั้นเหรอ
สีหน้าของฟางอี้หมิงเปลี่ยนไปทันที ไม่ทันคิดพิจารณาว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมาที่นี่ เขารีบวางปฏิทินลง รีบลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตูด้วยตัวเอง
พอเปิดประตู ก็เห็นจิ้นเฟิงเฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ช่วยของเขาด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“น้องเขย มาได้ยังไงกันครับ”
ฟางอี้หมิงพยายามใช้คำเรียกที่สนิทสนมว่า “น้องเขย” เพื่อดึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองให้ดูใกล้ชิดกันมากขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินทำเหมือนไม่ได้ยิน เขาเพียงถามเสียงเรียบนิ่ง “รองประธานฟาง คุณมีเวลาไหม ผมอยากคุยกับคุณสักหน่อย”
“มีครับ มีแน่นอน” สีหน้าของฟางอี้หมิงเต็มไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจง เขาจะกล้าบอกว่าไม่มีได้อย่างไร
“เชิญข้างในห้องเลยครับ”
ฟางอี้หมิงหันข้าง หลบทางให้เขาเข้าไป ก่อนจะหันกลับไปสั่งงานผู้ช่วย “ไปชงกาแฟมาสองแก้ว”
“ครับ” ผู้ช่วยรีบเดินออกไป
หลังจากปิดประตู ก็มีแสงเย็นวาบผ่านดวงตาของฟางอี้หมิงไป เขาสูดลมหายใจ ก่อนจะปรับสีหน้าให้ยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินไปหาจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบคำถามของเขา แค่เหลือบมองเขา และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมสามารถทำให้คุณหมดอำนาจในฟางซื่อได้อย่างสมบูรณ์”
“นี่คุณ”
คำพูดของเขาแค่คำเดียวก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตของฟางอี้หมิงได้แล้ว
แต่ฟางอี้หมิงก็สงบสติได้อย่างรวดเร็ว “ตกลง ผมจะช่วยคุณติดต่อพิเอร์ส แต่คุณต้องให้ผมได้รู้ก่อนว่าจุดประสงค์ที่คุณต้องการให้ผมติดต่อหาเขาคืออะไร”
“ผมต้องการให้คุณถามเขาเกี่ยวกับยาที่ได้ไปเขาเอาไปทำอะไร ถามเขาเรื่องความคืบหน้าเกี่ยวกับการวิจัยตัวยาล่าสุดของ SAกรุ๊ป”
ฟางอี้หมิงขมวดคิ้ว “เขาจะยอมบอกความลับแบบนี้กับผมได้ยังไง”
จิ้นเฟิงเฉินมองมาที่เขา “ก็ต้องอยู่ที่ความสามารถของคุณแล้ว”
“อยู่ที่ความสามารถของผมอย่างนั้นเหรอ” ฟางอี้หมิงยิ้มเยาะ “คุณช่างเชื่อในความสามารถของผมจริงๆ สำหรับพิเอร์สกับSAกรุ๊ป ฉันก็เป็นแค่คู่ค้าทางธุรกิจ ผมแค่ขายสมุนไพรให้เขาเท่านั้นเอง จะรู้เรื่องที่อีกฝ่ายใช้สมุนไพรไปทำอะไรยังไงกัน อย่าว่าแต่จะถามเรื่องความก้าวหน้าของการวิจัยยาอะไรนั่นเลย”
จิ้นเฟิงเฉินไม่อยากได้ยินเขาพูดแก้ตัวอะไรมาก เขาจึงถามอย่างหมดความอดทน “ตกลงคุณถามหรือไม่ถาม”
ฟางอี้หมิงนึกถึงคำขู่ของเขา ถึงแม้จะไม่อยากทำ แต่ก็ต้องพยักหน้าอย่างจำยอม “ได้ ผมจะถามให้”
ตราบใดมีชีวิต ย่อมต้องมีความหวัง
เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงเส้นตายที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริษัทแล้ว และสถานการณ์ของฟางยู่เชินก็ไม่ดีเท่าไหร่
“ผมหวังว่าจะได้ฟังผลเร็ว ๆ นี้”
เมื่อพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเขาด้วยแววตาคลุมเครือ แล้วหันหลังและเดินจากไป
หลังจากที่เขาจากไป ฟางอี้หมิงก็กวาดสิ่งของบนโต๊ะลงบนพื้นอย่างโกรธเคือง สองมือของเขาจับอยู่ที่ขอบโต๊ะ สีหน้าของเขาดำคล้ำราวกับน้ำหมึก แววตามืดมน
รอก่อนเถอะ สักวันหนึ่งเขาจะไม่ยอมให้จิ้นเฟิงเฉินกับฟางยู่เชินอยู่อย่างสุขสบายอย่างแน่นอน
ฟางเฉิงได้ยินว่าจิ้นเฟิงเฉินมาหาลูกชายของตนเอง เขาจึงรีบมาหา แต่พอเขาเข้าไปในห้องทำงาน แล้วเห็นกองเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน
ฟางอี้หมิงหันหลังให้กับเขา
เขาเดินเข้าไป และถามอย่างระมัดระวัง “เกิดอะไรขึ้น จิ้นเฟิงเฉินมาข่มขู่ลูกใช่ไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!