“ฉันกับหยวนหยวนกินข้าวเสร็จแล้วจะไปเดินช้อบปิ้งที่ห้างกัน เสร็จแล้วจะโทรหาคุณนะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินได้รับข้อความนี้ที่เจียงสื้อสื้อส่งมา คิ้วก็ขมวดอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็เอาโทรศัพท์มือถือวางไว้ข้างๆ
เขาไม่ชอบให้สื้อสื้อไปติดต่อกับซ่างกวนหยวนคนนั้น
ฟางยู่เชินนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ถามอย่างระมัดระวังว่า “เฟิงเฉิน นายคิดว่าซ่างกวนหยวนเป็นยังไงบ้าง”
“ทำไมถามแบบนี้” จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม
“ไม่มีอะไร ก็แค่ถามดู นายก็รู้ว่าฉันชอบเธอ ดังนั้นก็เลยอยากจะถามความคิดนายดู”
“ไม่เป็นยังไง”
คำตอบไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายเลยสักนิด ฟางยู่เชินหัวเราะพลางแซวเขาว่า “ฉันว่าในสายตานาย นอกจากสื้อสื้อแล้ว ผู้หญิงคนอื่นก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วโดยไม่ปริปากพูด
“แต่ว่า ในสายตาของผม เธอคือคนที่ดีที่สุด” ฟางยู่เชินพูด
“เธอไม่เหมาะกับคุณ”
คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบนี้ ฟางยู่เชินประหลาดใจมาก “ทำไม”
“ความคิดของเธอลึกล้ำกว่าคุณ ไม่ใช่คนธรรมดา”
“ที่แท้คุณก็พูดแบบนี้” ฟางยู่เชินยิ้มพลางส่ายหน้า “ในด้านธุรกิจ ใครก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น อีกทั้งความคิดของเธอยากแท้หยั่งถึงมากกว่าผม ก็ดีแล้ว ต่อไปหากต้องอยู่ด้วยกันจริงๆ เธอก็สามารถช่วยผมได้”
ความคิดเขาช่างไร้เดียงสาและเรียบง่ายมากจริงๆ
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรแล้ว
“แต่ว่า เธอไม่ชอบผม” อารมณ์ฟางยู่เชินตกต่ำท้อแท้ลงอย่างมาก
“เดี๋ยวก็เจอคนที่ดีกว่า” จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้น เดินมาข้างๆเขา ตบไหล่เขา
ฟางยู่เชินยิ้มเจื่อน “อาจจะมั้ง”
เขาชอบแค่ซ่างกวนหยวน ต่อให้เจอคนที่ดีกว่านี้ แต่ไม่ถูกใจเขาก็เท่ากับไม่ได้เจอ
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว” จิ้นเฟิงเฉินเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เรื่องคนร้ายนั่นเป็นยังไงบ้าง”
พอพูดเรื่องเป็นการเป็นงาน ฟางยู่เชินก็รีบเก็บความคิดของตนเองทันที พูดว่า “เขายังปากแข็งไม่ยอมรับผิด อีกทั้งไม่ว่าจะถามยังไง เขาก็ไม่พูดว่าใครเป็นคนสั่งเขา”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “อย่างนั้นคุณคิดจะทำยังไง”
“ผมให้ส้งหยาวไปสืบดูสภาพครอบครัวเขาแล้ว อาจจะพอมีวิธี”
“ฟางอี้หมิงซื้อคนในครอบครัวเขาไปแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว” จิ้นเฟิงเฉินพูด
ด้วยแผนอย่างนั้นของฟางอี้หมิง เป็นไปได้ว่าจะทำแบบนี้จริงๆ
ฟางยู่เชินหัวเราะเบาๆ“ผมกลัวว่าเขาจะไม่ได้ซื้อตัว ถ้าซื้อตัวจริงๆ อย่างนั้นก็จัดการได้ง่าย”
เมื่อทั้งสองฝ่ายมีธุรกรรมทางการเงินร่วมกัน อย่างนั้นก็มีหลักฐานชัดเจนแน่นหนาแน่นอน
“ดูท่าคุณจะมั่นใจมาก”
ในช่วงเวลาสั้นไป เขาเติบโตขึ้นไม่น้อย จากช่วงแรกเริ่มที่ตื่นตระหนกเวลาพบเจอเรื่องอะไร ถึงตอนนี้ต้องคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ
ถ้าคุณท่านฟางมองเห็น ต้องปลาบปลื้มใจมากแน่นอน
“ผมมั่นใจแน่นอน” ฟางยู่เชินยิ้มอย่างมั่นใจในตัวเอง
จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆพูดว่า “งั้นครั้งนี้ผมก็ไม่ช่วยคุณแล้วนะ รอข่าวดีของคุณ”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “พรุ่งนี้ก็จะมีข่าวคราวแล้ว”
พูดจบ ทั้งสองคนสบตากันยิ้ม
……
ทางนี้ บ้านของซ่างกวนหยวน
ซ่างกวนหยวนนั่งอยู่ข้างเตียงในห้องนอน มองดูเจียงสื้อสื้อที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง
เธอจ้องมองเจียงสื้อสื้ออยู่พักหนึ่ง จึงลุกขึ้นเดินมาหน้าโต๊ะที่อยู่ด้านข้าง
บนโต๊ะมีกล่องอุปกรณ์ทางการแพทย์วางอยู่หนึ่งชิ้น
เธอเปิดออก หยิบหน้ากากอนามัยและถุงมือจากด้านในออกมาใส่ แล้วหยิบอุปกรณ์เจาะเลือดออกมา
ไวรัสที่อยู่ภายในร่างของเจียงสื้อสื้อ เธออยากจะรู้ให้แน่ชัดว่าเป็นประเภทเดียวกับที่พิเอร์สให้ตนเองดูหรือไม่
เธอเดินกลับมาข้างเตียง เอาแขนของเจียงสื้อสื้อที่อยู่ในผ้าห่มออกมา หลังจากหาเส้นเลือดเจอแล้วฆ่าเชื้อ ทิ่มเข็มเจาะเลือด
อาจจะเพราะรู้สึกได้ถึงความเจ็บ คิ้วของเจียงสื้อสื้อขมวดเล็กน้อย
เลือดสีแดงเข้มไหลเข้ามาในหลอดทดลอง
หลังจากเจาะเลือดเสร็จแล้ว ซ่างกวนหยวนก็เก็บของทั้งหมดให้เรียบร้อย นั่งลงอย่างเรียบเฉยอยู่ข้างเตียง
ผ่านไปประมาณยี่สิบกว่านาที เจียงสื้อสื้อก็ตื่นแล้ว
เธอเพิ่งจะลืมตา ในดวงตาก็พร่ามัวเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พบความผิดปกติ จึงรีบลุกขึ้นนั่ง
“สื้อสื้อ เธอฟื้นแล้วเหรอ”
เสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างหู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!