เรื่องของฉัน ฉันรู้ตัวเองดี
ได้ยินคำนั้น ฟางยู่เชินก็รู้แล้วว่าคำพูดของตน เธอไม่ได้ฟังเลยสักนิด
เขาก็ได้ก้มหน้าแล้วยิ้ม ก็เหมือนว่าอยู่ๆ ก็ได้โล่งใจไปหมด
อย่างเช่น เธอไม่ได้ชอบตน
เรื่องความรู้สึกนั้น มันก็เป็นเรื่องที่บังคับไม่ได้อยู่แล้ว ควรปล่อยวางก็ต้องปล่อยวาง ไม่ว่ากับใครก็เป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง
เขาเข้าใจแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจ
ฟางยู่เชินลุกขึ้น เห็นว่าเธอได้ดื่มเหล้าไม่หยุด ก็ได้เตือนไปเบาๆ ว่า “ไม่ต้องดื่มมากไป ที่นี่ไม่ปลอดภัย”
ซ่างกวนหยวนหันไปมองเขา
เขาก็ได้ยิ้ม “ฉันไปหาเพื่อนของฉันแล้ว เธอเองก็ระวังตัวล่ะ”
พูดจบ เขาก็ได้เดินจากไป
ซ่างกวนหยวนก็ได้มองเขาอยู่ตลอด มองเขากลับไปหาเพื่อนของเขา แล้วก็พูดคุยหัวเราะกับเพื่อน มองแล้วเป็นตัวเองมาก
เห็นทีเขาได้ตัดใจแล้วจริงๆ
เธอก็ได้มองกลับ เงยหน้า แล้วก็ดื่มเหล้าในแก้วไปจนหมด จากนั้นก็ได้ลุกขึ้นเดินจากไป
ตอนที่ฟางยู่เชินพูดคุยกับเพื่อนนั้น หันไปมองที่บาร์ ก็พบว่าซ่างกวนหยวนไม่อยู่แล้ว นัยน์ตาก็ได้มีความผิดหวังโผล่มาเล็กน้อย
ไม่นาน เขาก็ยิ้ม
“ยู่เชิน นายยิ้มอะไร?” เพื่อนก็ได้ถามด้วยความสงสัย
เขาได้ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร พวกเราดื่มกันต่อเถอะ”
จนกระทั่งเวลาได้เดินมาถึงเที่ยงคืนกว่า ฟางยู่เชินถึงได้เดินออกจากคลับ ลมกลางคืนที่เย็นก็ได้พัดมา พัดกลิ่นเหล้าจางไปบ้าง
เวลานี้ หญิงสาวเล่นสเก็ตบอร์ด สวมหมวกแก๊ปก็ได้หยุดตรงหน้าเขา
“สวัสดีค่ะ คนที่เรียกคนช่วยขับเป็นคุณใช่ไหม?”
หญิงสาวเงยหน้า สายตาที่ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าคู่นั้น ก็ได้เป็นประกาย
ฟางยู่เชินก็ได้อึ้งไป เหมือนว่าได้มีอะไรขีดผ่านในใจเบาๆ
“คนที่เรียกคนช่วยขับเป็นคุณใช่ไหมคะ?” หญิงสาวก็ได้ถามอีกครั้ง
ฟางยู่เชินได้สติ ยิ้มที่มุมปาก “อืม ฉันเรียกเอง”
......
เจียงสื้อสื้อนั่งอยู่บนเตียง วิดีโอคอลกับจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่อิตาลี
มองชายหนุ่มที่อยู่ทางนั้นผ่านหน้าจอ เจียงสื้อสื้อก็ทำใจมองอย่างอื่นไม่ได้ ความคิดถึงในใจนั้นแทบที่จะกลบเธอไปแล้ว
“เป็นอะไรครับ?” จิ้นเฟิงเฉินเห็นว่าเธอมองตนอยู่ตลอดแบบนั้น นัยน์ตาก็ยิ้มอย่างอบอุ่น ถามอย่างอ่อนโยน
เจียงสื้อสื้อก็ได้ทำปากคว่ำ เหมือนเด็กน้อยที่น้อยใจยังไงอย่างงั้น เงียบไปสักพัก พูดเสียงเบาว่า “ฉันคิดถึงคุณแล้ว”
ใจของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้เต้นแรง เสียงก็ได้อ่อนโยนกว่าเดิม “ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน”
เป็นการปลอบเธอ และก็เป็นความจริงที่ได้พูดมาจากใจ
เขาคิดถึงเธอ คิดถึงแทบตาย
มุมปากของเจียงสื้อสื้อก็ได้ชี้ขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ เหยียดขาที่ไขว้ “คุณจะกลับมาตอนไหนเหรอ? ฉันคิดถึงคุณจริงๆ นะ”
“ใกล้แล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้กลับประเทศไปเมื่อไหร่ ก็เลยทำได้แค่ตอบไปว่า “ใกล้แล้ว” กับเธอ
“คุณโกหกฉัน!” เจียงสื้อสื้อไม่ยอมแล้ว “ให้เวลาที่แน่นอนกับฉันไม่ได้เหรอคะ?”
“รอได้ยาแล้ว ผมก็กลับไป” จิ้นเฟิงเฉินพูด
“ฉันได้ยินที่หวั่นชีงพูด โม่เหยียกับหานยู่ได้รับเอกสารที่สมบูรณ์ของเชื้อไวรัสแล้ว พวกเขาน่าจะวิจัยยาที่มาต่อต้านไวรัสได้ เพราะงั้นคุณกลับมาได้แล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม “ยามันไม่ได้วิจัยออกมาได้ง่ายๆ หรอก ผมไม่อยากรอนาน เข้าใจไหมครับ?”
ที่สำคัญกว่านั้นให้เธอรอนานไม่ได้
เจียงสื้อสื้อก็ได้นั่งตรง “ร่างกายของฉันไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ ยาก็ได้ทานตามเวลา ไวรัสก็ไม่ได้ออกฤทธิ์เร็วขนาดนั้น คุณก็......”
เธอไม่ได้เพียงคิดถึงอย่างเดียว แต่ยังเป็นห่วงเขา
“สื้อสื้อ” จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ขัดคำพูดเธอ “ผมเข้าใจถึงสุขภาพร่างกายของคุณดีกว่าคุณ”
เจียงสื้อสื้อก็ได้เม้มปาก ไม่พูดอะไรต่อ
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้มองเธออย่างอ่อนโยน พูดเสียงเบาว่า “เชื่อใจผม ผมต้องเอายากลับไปได้แน่”
มองเขา จมูกของเจียงสื้อสื้อก็ได้เริ่มตัน เธอได้เม้มปาก น้ำเสียงก็เริ่มติดขัด “แต่ว่าฉันคิดถึงคุณจริงๆ นี่นา”
“เด็กโง่ คุณคิดถึงผมก็วิดีโอคอลมาหาผม ผมอยู่ตลอด”
พอเขาพูด “เด็กโง่” ออกมาก็ทำให้เจียงสื้อสื้อร้องไห้ออกมาทันที
เห็นว่าเธอร้องไห้ ก็เหมือนได้มีคนมาแทงที่หัวใจของเขาอย่างจัง เขาก็ได้ปลอบเสียงเบาว่า “เด็กดี ไม่ร้องแล้ว ช่วงที่ผมไม่อยู่ คุณก็คิดไว้ก่อนว่าคุณจะไปเที่ยวที่ไหน รอคิดออกแล้ว ถึงตอนนั้นผมไปเที่ยวเป็นเพื่อนคุณ”
“จริงเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อมองเขาทั้งน้ำตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!