จิ้นเฟิงเฉินเดินออกจากสถาบันและเห็นเบอร์เกนที่อยู่ตรงหน้า
“คุณจิ้น สวัสดียามดึกครับ” เบอร์เกนมองเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
จิ้นเฟิงเฉินหยุดเดิน กำมือทั้งสองข้างกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ จ้องมองที่เขาด้วยสายตาที่เย็นชา
“ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนว่ามาที่อิตาลี? ผมจะได้ต้อนรับคุณในฐานะเจ้าบ้านอย่างเต็มที่”
แม้ว่าเบอร์เกนจะกำลังยิ้มอยู่ แต่ก็ยังรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มนั้น
“ผมจะไปกล้ารบกวนคุณเบอร์เกนได้ยังล่ะครับ?” เสียงของจิ้นเฟิงเฉินนั้นค่อนข้างเรียบเฉย
“จะเกรงใจอะไรขนาดนั้นครับ?” เบอร์เกนมองไปยังสถาบันวิจัยที่อยู่ข้างหลังเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มมากขึ้น “การที่คุณไม่มารบกวนผม สถานการณ์มันยิ่งดูแย่หนักเข้าไปอีกไม่ใช่เหรอครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไร
“คุณพูดมาหน่อยซิว่าคุณทำลายสถาบันวิจัยของผมไปกี่ที่แล้ว?” เบอร์เกนยักคิ้วให้เขา “ถ้าคุณไม่อยากพูด เดี๋ยวผมพูดแทนคุณเอง ไม่นานมานี้ คุณทำลายสถาบันวิจัยของผมไปหลายแห่ง และยังเอาตัวอย่างไวรัสบางส่วนไปด้วย คราวนี้คุณทำลายสถาบันวิจัยที่สำคัญที่สุดของผมโดยตรง แต่น่าเสียดายที่คุณไม่สามารถเอาผลการวิจัยที่สำคัญที่สุดไปได้ "
ตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกมา เบอร์เกนไม่ได้ปกปิดความสะใจบนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย
“คุณสงสัยไหมว่าทำไมคนของผมถึงถอนตัวเร็วได้ขนาดนี้?”
จิ้นเฟิงเฉินกระตุกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็แค่มองเขาอย่างเงียบไ
“เพราะผมรู้ว่าคุณมาอิตาลีนานแล้ว” ความจริงจุดนี้จิ้นเฟิงเฉินได้คาดการณ์ไว้แล้ว
"ในงานเลี้ยงวันเกิดของภรรยาผม ผมก็จำคุณได้แล้ว" เบอร์เกนพูด "ในเมื่อคุณเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของผม ผมจึงเป็นรู้จักคุณดีที่สุด"
หลังจากที่สถาบันถูกทำลายไปครั้งก่อน เขามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตัวจิ้นเฟิงเฉิน เขารู้ทุกอย่างตั้งแต่ภูมิหลังทางครอบครัวไปจนถึงนิสัยเล็กๆ น้อยๆ จิ้นเฟิงเฉินจนหมดแล้ว
“เหตุการณ์ในวันนี้เป็นฉากที่คุณจัดขึ้นใช่ไหมครับ?” จิ้นเฟิงเฉินถาม
“ถูกต้องครับ ผมแค่รอดูคุณอยู่ที่นี่”
เบอร์เกนหันไปพูดกับลูกน้องของเขาว่า "พวกคุณยังไม่รีบไปต้อนรับคุณท่านจิ้นอีก"
ทันทีที่เขาพูดแบบนั้นออกมา ลูกน้องของเขาตะโกนพร้อมกันว่า “ยินดีต้อนรับครับคุณท่านจิ้น”
เห้อซูหานกับชีซาที่อยู่ในสถาบันวิจัยที่ได้ยินเสียงนี้ ก็หันมามองหน้ากันแล้วรีบวิ่งออกไปทันที
พอพวกเขาออกไปเห็นเบอร์เกน ทั้งคู่ก็ตกใจทันที
“คุณชาย นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ?” เห้อซูหานวิ่งไปข้างๆจิ้นเฟิงเฉิน จ้องมองที่พวกเบอร์เกนด้วยสายตาที่หวาดระแวง
“ไม่มีอะไร” จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเขา เหมือนมุมปากของเขาจะแย้มขึ้นมาแวบหนึ่ง แล้วเขาก็ลดเสียงลงและพูดว่า “เดี๋ยวหาวิธีจัดการพวกเขาทิ้งซะ”
เห้อซูหานพยักหน้า “ครับ”
ชีซาก็ได้ยินแบบนั้นเหมือนกัน เธอก็พูดห้ามอย่างรวดเร็ว “อย่าทำเป็นคิดทำอะไรวู่วามนะ ใครจะไปรู้ว่าพวกเขายังมีคนรอซุ่มโจมตีอยู่รึเปล่า?”
เบอร์เกนเห็นว่าพวกของจิ้นเฟิงเฉินออกมาแล้ว เขาก็เปลี่ยนจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อจากเป็นใบหน้าที่เคร่งขรึมแล้วพูดไปว่า "นี่คุณท่านจิ้น ผมต้องการเลี้ยงเครื่องดื่มคุณสักแก้ว คุณน่าจะมีเวลาใช่ไหมครับ?"
“ถ้าผมปฏิเสธล่ะครับ?” จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบแต่ถามกลับ
“งั้นก็อย่าโทษที่ผมลงมือแล้วกันครับ”
ทันทีที่เบอร์เกนพูดจบ คนที่อยู่ข้างหลังเขาก็พากันชักปืนออกมา
เมื่อเห็นแบบนี้ เห้อซูหานก็รีบขึ้นมาปกป้องจิ้นเฟิงเฉินอยู่ข้างหน้า ส่วนคนอื่นๆ วิ่งไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วชักปืนออกมาเล็งไปที่พวกเบอร์เกนเหมือนกัน
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที
ชีซามองไปรอบ ๆ เอนตัวเข้าไปหูจิ้นเฟิงเฉินแล้วพูดว่า "ถ้าต้านไม่ไหว เราก็ถอยกลับไปที่สถาบันวิจัยแล้วค่อยหาวิธีหนีออกไปอีกที"
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเธอด้วยท่าทางครุ่นคิด
ในขณะนั้นเองเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้น
“คุณเบอร์เกนคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณยังทำงานอยู่อีกเหรอคะ?”
มันเป็นเสียงที่คุ้นเคย
จิ้นเฟิงเฉินมองตามเสียงไป รูม่านตาแข็งเกร็ง เป็นซ่างกวนหยวนนี่เอง
สายตาของซ่างกวนหยวนกวาดตามองผ่านใบหน้าของเขาแล้วไปหยุดอยู่ที่เบอร์เกน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!