“ให้ฉันอย่างนั้นเหรอ”
เย่เสี่ยวอี้ไม่เชื่อ เธอมองไปทางฟางยู่เชินด้วยสีหน้าสงสัย “ให้ฉันจริงๆเหรอคะ”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “อืม”
พอเขาได้รับคำตอบที่แน่ชัด เย่เสี่ยวอี้ก็เปลี่ยนสีหน้าที่ดุร้าย กลายเป็นรอยยิ้มในทันที “ยู่เชิน คุณน่าจะพูดให้เร็วกว่านี้ ทำให้ฉันเข้าใจคุณผิดไปซะได้”
เธอแสร้งทำเป็นบ่น แล้วจ้องไปที่ฟางยู่เชิน
ฟางยู่เชินยกยิ้มอย่างลำบากใจ
พออ้าปากก็พูดว่า “ยัยผู้หญิงไร้ยางอาย” ใครจะมีอารมณ์อธิบายให้ชัดเจนล่ะ
“ถอดสร้อยคอออกมา” เย่เสี่ยวอี้มองไปทางเหลียงซินเวย
น้ำเสียงคล้ายสั่งการทำให้เหลียงซินเวยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เธอยังคงไม่พูดอะไร รีบถอดสร้อยคอออกมา แล้วยื่นให้กับเธอ เย่เสี่ยวอี้ตรวจสอบสร้อยคอในมือของเธออย่างละเอียด ก่อนจะย่นคิ้วแล้วพูดอย่างไม่เกรงใจว่า “นี่มันเด็กเกินไป”
“ฉันไม่ชอบ” เธอโยนสร้อยคอให้เหลียงซินเวย
เหลียงซินเวยตกใจรีบรับมันไว้ ถ้ามันตกพื้นจนเสียหาย เธอจ่ายค่าเสียหายไม่ไหวแน่ๆ
ฟางยู่เชินมองไปที่เย่เสี่ยวอี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีความรู้สึก ก่อนจะถามเสียงเรียบ “แล้วคุณชอบแบบไหน”
“ฉันชอบ……”
เย่เสี่ยวอี้เดินไปที่เคาน์เตอร์ แล้วทำการเลือกด้วยตัวเอง
เหลียงซินเวยก้มหน้าลงไปมองที่สร้อยคอใบโคลเวอร์สี่แฉกในมือของเธอ ก่อนจะเม้มปากแน่น
ที่จริงแล้ว สร้อยคอเส้นนี้สวยมากจริงๆ
แต่ว่า เธอซื้อไม่ไหวหรอก
เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วคืนสร้อยคอให้พนักงาน
ฟางยู่เชินเหลือบมองเธอเล็กน้อย สีหน้าของเขาครุ่นคิด
“ฉันอยากได้สร้อยเส้นนี้ค่ะ”
สร้อยคอที่เย่เสี่ยวอี้เป็นคนเลือก บนตัวสร้อยมีเพชรขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง แล้วมีเพชรเล็กฝังอยู่รอบ ๆ ซึ่งพออยู่ใต้แสงไฟ มันจึงส่องประกายระยิบระยับ
บางที นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เธอเรียกว่าหรูหรานั่นแหละ
“ยู่เชิน คุณช่วยใส่ให้ฉันหน่อยสิคะ “เย่เสี่ยวอี้รับสร้อยคอจากพนักงาน แล้วหันกลับมายื่นให้ฟางยู่เชิน
ฟางยู่เชินขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็รับสร้อยคอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
ใบหน้าที่แต่งหน้ามาอย่างงดงามของเย่เสี่ยวอี้ยิ้มอย่างอ่อนหวานออกมาในทันที
หนุ่มหล่อสาวสวย ดูยังไงก็เหมาะสม และคู่ควรกันมาก
เหลียงซินเวยรู้สึกว่าเธอเป็นตัวเกะกะ เธอก้มหน้าลง ยกมือขึ้นจับแขนอีกข้างหนึ่งแน่น พยายามใช้ปลายนิ้วของเธอจิกแขน พยายามระงับความขมขื่นในหัวใจของเธอ
“เรียบร้อยแล้วครับ”
พอใส่สร้อยคอให้เสร็จ ฟางยู่เชินก็รีบถอยห่างออกไป
เขาถือโอกาสตอนที่เย่เสี่ยวอี้หันไปมองในกระจก มองไปทางเหลียงซินเวย พบว่าเธอเอาแต่ยืนก้มหน้า ดูหมดหวังมาก
เขาอ้าปาก เตรียมจะพูด
“ยู่เชินคะ สวยไหมคะ” เย่เสี่ยวอี้หันกลับมามองเขาด้วยสีหน้าคาดหวังคำตอบ
ฟางยู่เชินผงะ ก่อนจะพยักหน้า “สวยครับ”
“งั้นซื้อเส้นนี้แล้วกันค่ะ”
“ได้ครับ”
หลังจากที่พนักงานเอาสร้อยคอใส่กล่องเสร็จ ฟางยู่เชินก็ยื่นมันให้เย่เสี่ยวอี้เลย “ของคุณครับ”
เย่เสี่ยวอี้ขมวดคิ้ว “ไม่เอาค่ะ ฉันอยากจะให้คุณมอบให้ฉันต่อหน้าทุกคนในวันเกิดของฉัน”
สิ่งที่เธอต้องการของขวัญอย่างนั้นเหรอ
แค่สร้อยคอเส้นหนึ่ง เธอซื้อมันเองก็ได้
แต่สิ่งที่เธอต้องการคือการบอกให้ทุกคนรู้ ว่าเขาให้ความสำคัญกับเธอ ถึงได้ให้ของขวัญกับเธอ
ฟางยู่เชินไม่ได้พูดอะไร เขาเรียกให้พนักงานเอาไปใส่ถุงให้เรียบร้อย
“ยู่เชินค่ะ เดี๋ยวคุณไปเดินซื้อของกับฉันต่อ ได้ไหมคะ” เย่เสี่ยวอี้ควงแขนของเขาอย่างสนิทสนม
หางยู่เชินไม่ตอบ แต่กลับมองไปทางเหลียงซินเวย
พอสบตาเข้ากับดวงตาที่ลึกล้ำของเขา เหลียงซินเวยอดที่สะดุ้งไม่ได้
เธอรีบหลบสายตาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “พวกคุณไปเถอะค่ะ ฉันขอตัวกลับบ้านก่อน”
พอพูดจบ เธอก็หันหลังเดินจากไปทันที
“เวยเวย”
ฟางยู่เชินทำท่าจะเดินตามไป
“ยู่เชินคะ” เย่เสี่ยวอี้รีบคว้าตัวเขาไว้ “ถ้าเธออยากกลับก็ให้เธอกลับ เราสองคนไปเดินซื้อของกันต่อเถอะค่ะ”
เดิมทีเธอยังกังวลว่าผู้หญิงคนนั้นจะหน้าด้าน ไม่ยอมจากไปหรือเปล่า
เหลียงซินเวยไม่ได้รับสาย แต่ทันทีที่เสียงเรียกเข้าดับลง เธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที
แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
เธอคิดว่าเขาจะโทรมาอีกครั้ง แต่กลับไม่มี
หรือว่า เธอจะโทรกลับไปดี
ตอนที่เธอกำลังลังเลอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
เธอตกใจจนเกือบทำโทรศัพท์ตก แต่พอเห็นการแจ้งเตือนการโทร หัวใจของเธอก็สงบลง
“ค่ะพี่สื้อสื้อ” เธอกดรับสาย
“เวยเวย เป็นยังไงบ้าง เลือกของขวัญได้หรือยัง ”
เสียงอ่อนโยนของเจียงสื้อสื้อดังมาตามสาย ขอบตาของเธอแดงก่ำอย่างควบคุมไม่อยู่
เธอสูดหายใจเข้าลึก พยายามกลั้นน้ำตาของเธอกลับเข้าไป
“เวยเวย ฟังอยู่หรือเปล่า” ยังไม่ทันได้ฟังคำตอบจากเธอ เจียงสื้อสื้อก็อดที่จะถามออกมาอีกไม่ได้
“พี่สื้อสื้อคะ ฉันฟังอยู่ค่ะ ของขวัญเลือกได้แล้วค่ะ”
“งั้นก็ดีแล้ว ตอนนี้น้องอยู่กับพี่ชายพี่หรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เขาจะเดินไปซื้อของกับคุณเย่ต่อค่ะ”
“คุณเย่เหรอ”
“อืม เราบังเอิญไปเจอคุณเย่ตอนที่เรากำลังเลือกของขวัญพอดีค่ะ”
“บังเอิญขนาดนี้เลย แล้วตอนนี้น้องอยู่ที่ไหน” เจียงสื้อสื้อได้ยินเสียงรถ
เหลียงซินเวยมองไปรอบๆด้าน “อยู่ป้ายรถเมล์ค่ะ”
พอเจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนี้ เธอก็รีบถาม “พี่ชายของพี่ให้น้องกลับบ้านคนเดียวเหรอ”
“พี่สื้อสื้อคะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว”
“ไม่ได้สิ พี่ขอให้น้องช่วยเขา แต่เขาจะได้รับผลประโยชน์แล้วถีบหัวส่งแบบนี้ได้อย่างไร? “
เหลียงซินเวยกลัวว่าเธอจะโกรธ จึงรีบอธิบาย “พี่สื้อสื้อคะ ฉันไม่เป็นไรค่ะ อย่าโทษคุณฟางเลยนะคะ”
ในเวลานี้เอง เธอเห็นรถบัสมาถึงแล้ว จึงรีบพูดกับเจียงสื้อสื้อที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์“พี่สื้อสื้อคะ รถบัสมาถึงแล้วค่ะ ฉันต้องรีบไปแล้ว แค่นี้ก่อนนะคะ”
ก่อนที่เจียงสื้อสื้อจะโต้ตอบ เธอก็วางสายแล้วขึ้นรถบัสไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!