เช้าวันรุ่งขึ้น ซ่างหยิงตื่นขึ้นมาพบว่าเค้กหายไปแล้ว
เธอส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดกับตัวเอง “เด็กหิวโซตัวไหนกินไปแล้ว หรือจะถูกเอาไปทิ้งแล้วกันนะ”
“แม่บ้าน เธอเห็นเค้กที่อยู่บนโต๊ะไหม” เธอหันไปถามแม่บ้านที่กำลังงานยุ่ง
แม่บ้านหยุดงานในมือ แล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบ “ไม่เห็นนะคะ”
“แล้วมันหายไปได้ยังไงกัน” ซ่างหยิงงงงวย
ในขณะนั้นเอง ฟางยู่เชินที่กลับจากการออกกำลังกายตอนเช้า และตรงไปที่ห้องครัวเพื่อเทน้ำดื่ม แล้วเหลือบเห็นซ่างหยิงยืนอยู่ในห้องอาหาร
“คุณแม่ กำลังคิดอะไรอยู่ครับ” เขาเดินไปถามด้วยความสงสัย
ซ่างหยิงนิ่งคิดอยู่สักพัก แล้วชี้ไปที่โต๊ะอาหาร “หนูเวยเวยเอาเค้กมาให้เมื่อวาน แม่วางมันไว้บนโต๊ะอาหาร พอตื่นมาตอนเช้ากลับพบว่ามันหายไปแล้ว”
“เค้กเหรอครับ” ฟางยู่เชินเลิกคิ้ว “ผมกินไปแล้วครับ”
“ลูกกินไปแล้วอย่างนั้นเหรอ” ซ่างหยิงประหลาดใจ
พอเห็นเธอตกใจ ฟางยู่เชินก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ทำไมครับ ผมกินไม่ได้เหรอครับ”
“โอ๊ย ปกติลูกไม่ได้ไม่ชอบของหวานเหรอ”
ซ่างหยิงจำได้ว่าเค้กชิ้นนี้ค่อนข้างใหญ่เหมือนกัน แต่เขากลับกินเค้กจนหมด นี่มันไม่เหมือนเขาเลย
ปกติเขาจะไม่แตะต้องของหวานเลย
“ตอนที่ท้องหิว อะไรก็อร่อยครับ”
ดวงตาของฟางยู่เชินล่องลอย ก่อนจะแสร้งถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณแม่บอกว่าเป็นเค้กที่เวยเวยเอามาให้อย่างนั้นเหรอครับ”
“ใช่จ้ะ เธอทำเอง เดิมทีเธอจะเอามาให้เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียน ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะกลับเมืองจิ่นไปแล้ว”
“อ้อ” ฟางยู่เชินยิ้ม แล้วพูดว่า “คุณแม่ครับ ผมขึ้นไปอาบน้ำแล้ว ผมไม่กินข้าวเช้านะครับ”
“ทำไมถึงไม่กินข้าวเช้าล่ะลูก” ซ่างหยิงมองตามแผ่นหลังของเขา แล้วตะโกนถาม
“มีธุระต้องไปทำครับ”
ฟางยู่เชินรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ฟางยู่เชินก็ออกไปข้างนอกทันที
เขาขับรถไปด้วย หันไปมองถุงที่วางอยู่ตรงเบาะนั่งข้างๆไปด้วย
ในถุงบรรจุกล่องสร้อยคอเพชรรูปโคลเวอร์สี่ใบเส้นนั้น
คราวนี้เขาต้องมอบมันออกไปให้ได้
……
เหลียงซินเวยส่งอานอานไปโรงเรียน แล้วตรงไปที่ร้านเลย
วันนี้เธอทำงานกะเช้า
พอมาถึงร้าน เธอก็รีบเปลี่ยนชุดเครื่องแบบ แล้วเริ่มทำความสะอาดร้านพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน
จู่ๆ เพื่อนร่วมงานก็ตะโกนบอก “เวยเวย ด้านนอกมีหนุ่มหล่อกำลังมองพวกเราอยู่ล่ะ”
เหลียงซินเวยเหลือบมองเพื่อนร่วมงานของเธอที่ในแววตามีรูปหัวใจสีแดง จากนั้นก็มองไปทางที่เธอพูด
พอมองผ่านกระจกหน้าต่าง เธอจึงเห็นฟางยู่เชินที่ยืนอยู่ไม่ไกล รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ค่อยๆ จางลง
พอเพื่อนร่วมงานเห็นเธอจ้องไปที่อีกฝ่ายตาไม่กะพริบ เธอก็ดันศอกชนเธอเบาๆ แล้วพูดแซว “คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ได้เห็นเธอมองผู้ชายตาไม่กะพริบแบบนี้”
“ฉันออกไปข้างนอกแป๊บนึงนะ” เหลียงซินเวยวางผ้าขี้ริ้วลง แล้วเดินออกไป
เพื่อนร่วมงานงุนงง “เธอจะไปไหน”
หลังจากนั้น เธอก็เห็นเหลียงซินเวยเดินไปทางที่ชายหนุ่มรูปหล่อยืนอยู่ จึงอดที่จะหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ “พระเจ้า พวกเขาคงไม่ได้ว่ารู้จักกันหรอกใช่ไหม”
เหลียงซินเวยเดินมาหยุดตรงหน้าฟางยู่เชิน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “คุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
ฟางยู่เชินเลิกคิ้ว “ผ่านมาทำธุระครับ”
“อ๋อ” เหลียงซินเวยพยักหน้าเข้าใจ
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
เหลียงซินเวยก้มหน้าลง กัดเม้มริมฝีปาก พยายามหาหัวข้อสนทนา
ในตอนนี้เอง ฟางยู่เชินก็พูดขึ้นมา “ผมได้ยินมาว่าไม่กี่วันก่อนเป็นวันเกิดของคุณ ใช่ไหมครับ”
เหลียงซินเวยเงยหน้าขึ้นมา แล้วสบตาเข้ากับดวงตาสีเข้มลึกลับของเขาโดยไม่คาดคิด หัวใจของเธอสั่นอย่างรุนแรง เธอรีบละสายตาออกไป แล้วตอบ “อืม” เบาๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!