เย่เฉินหยุนนึกถึงใบหน้าของอานอานที่ละม้ายคล้ายคลึงกับเหลียงซีเอน คิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
“พี่คะ พี่กำลังคิดอะไรอยู่ ฉันกำลังถามพี่อยู่นะ”เย่เสี่ยวอี้ไม่รอให้เขาตอบคำถาม ก็ร้องโวยวายออกมาอย่างหมดความอดทน
เย่เฉินหยุนดึงสติกลับมา พยักหน้า“อ้อ เธอมีลูกหนึ่งคน”
เย่เสี่ยวอี้ยิ้ม ในรอยยิ้มแฝงด้วยการดูถูกเยาะเย้ย “คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว”
แค่ข้อนี้ข้อเดียว ผู้หญิงคนนั้นก็แพ้แล้ว แพ้อย่างราบคาบ
คิดมาถึงตรงนี้ เย่เสี่ยวอี้ก็อารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย
“เอาละ ไม่พูดถึงเธอแล้ว เธอจะกินอะไรก็รีบสั่ง ”เย่เฉินหยุนผลักเมนูอาหารมาตรงหน้าเธอ
เย่เสี่ยวอี้ก้มหน้ามองเมนู สั่งไปสองอย่างแบบมั่วๆ
แล้วก็พูดเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมาอีก“พี่คะ ฉันว่าพี่อยู่ห่างๆผู้หญิงคนนั้นหน่อยก็ดีนะคะ เธออายุน้อยขนาดนั้นก็มีลูกคนหนึ่งแล้ว ต้องเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เรียบร้อยประเภทนั้นแน่”
เย่เฉินหยุนขมวดคิ้ว พูดเบาๆว่า“เสี่ยวอี้ ไม่ต้องพูดแล้ว เธอว่าคนอื่นลับหลังแบบนี้ไม่ดีเลยนะ”
เย่เสี่ยวอี้ส่งเสียงฮึ่มในลำคออย่างไม่พอใจ “เธอกล้าทำ ยังจะกลัวคนอื่นว่าอีกเหรอคะ”
ครั้งนี้ เหลียงซินเวยส่งชามะนาวมาให้หนึ่งกา“คุณลูกค้าทั้งสองท่าน คิดออกว่าจะสั่งอาหารอะไรหรือยังคะ”
“เสร็จแล้ว”เย่เฉินหยุนส่งเมนูอาหารที่เลือกเรียบร้อยแล้วให้เธอ
“อีกไม่นานอาหารก็จะมาเสิร์ฟแล้วนะคะ อดทนรอสักครู่นะคะ”
เหลียงซินเวยรับมา แล้วหมุนตัวไปที่เคาน์เตอร์สั่งอาหาร
“เวยเวย”เพื่อนร่วมงานโน้มตัวมา กระแทกที่หลังเธอเบาๆ
เหลียงซินเวยขมวดคิ้วเล็กน้อย“ทำไมเหรอ”
“เด็กผู้หญิงคนนั้นคือใครเหรอ ทำไมฉันรู้สึกว่าสายตาที่เธอมองเธอเหมือนกับกำลังมองศัตรูคู่แค้นอย่างนั้น”
เพื่อนร่วมงานทำหน้าอยากรู้อยากเห็น
เหลียงซินเวยกรอกเมนูอาหารเสร็จ ก็หันหน้าไปมองเธออย่างไม่สบอารมณ์“ถ้าเธอเอาความตั้งใจนี้ไปใช้เรื่องงาน ก็คงไม่ต้องถูกผู้จัดการด่าทุกวันนะ”
“ก็คนมันสงสัยอยากรู้นี่”
“อยากรู้เหรอ”เหลียงซินเวยขมวดคิ้ว “อย่างนั้นอีกเดี๋ยวเธอมาให้บริการพวกเขา”
“หืม”เพื่อนร่วมงานตั้งสติไม่ทัน
“รบกวนเธอด้วยนะ”เหลียงซินเวยยัดเมนูอาหารใส่ในมือเธอ เดินเข้าข้างหลังครัวไปอย่างสุขสบายใจ
เธอหวังว่าจะได้อยู่ห่างๆจากสองพี่น้องตระกูลเย่ พอเจอพวกเขา ความกังวลในใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
……
แต่เรื่องมันไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง ต่อให้เธออยากจะหลบเลี่ยงสองพี่น้องนั้นแค่ไหน ก็มีคนที่ไม่ยอมปล่อยเธอ
เธอรออาหารของลูกค้าที่ครัวด้านหลัง จู่ๆเพื่อนร่วมงานก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา พูดเสียงดังว่า“เวยเวย มีคนเจาะจงชื่อเธอให้เธอไป”
ไม่ต้องถาม เธอก็รู้ว่าคือใคร
เธอเดินออกไป สายตามองไปยังเย่เสี่ยวอี้และเย่เฉินหยุนที่อยู่ไม่ไกล สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เดินไปหา
“ไม่ทราบว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรคะ”
ได้ยินดังนั้น เย่เสี่ยวอี้ก็เงยหน้าขึ้น คิ้วที่เขียนอย่างสวยงามขมวด“นี่ ฉันไม่ได้บอกว่าให้เค็มน้อยหน่อยเหรอ ทำไมอาหารถึงเค็มขนาดนี้ ฉันดื่มน้ำติดต่อกันหลายแก้วแล้วนะ อยากให้ฉันเค็มตายใช่มั้ย”
“ขอโทษค่ะ เป็นความสะเพร่าของฉันเอง ไม่ได้ลงหมายเหตุให้ชัดเจน”เหลียงซินเวยไม่มีอารมณ์จะอธิบาย กล่าวขอโทษไปทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!