ซ่างหยิงหันมาจ้องหน้าเจียงสื้อสื้อ โดยไม่พูดอะไรทั้งนั้น
เจียงสื้อสื้อถูกจ้องจนรู้สึกกลัว พยายามฝืนยิ้มออกมา “น้าสะใภ้เล็ก น้าเอาแต่จ้องหนูแบบนั้นทำไมคะ?”
“สื้อสื้อ” ในที่สุดซ่างหยิงก็พูดออกมาสักที
“คะ”
“เธอช่วยเก็บแผนเล็กๆ ของเธอเอาไว้ก่อนได้มั้ย?” ซ่างหยิงถาม
เจียงสื้อสื้อรู้สึกงง จึงรีบถามไปว่า “แผนเล็กๆ อะไรเหรอคะ?”
“เธอกำลังคิดจะจับคู่พี่ชายของเธอกับเหลียงซินเวยอยู่ใช่มั้ย?”
เจียงสื้อสื้อเม้มปาก ไม่ได้ตอบ
เธอมีความคิดแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ยังไงพี่ชายก็พูดมาแบบนั้นแล้ว ถ้าเธอยังคิดจะจับคู่เขากับเวยเวยอีกมันก็จะไม่มีความหมายอะไรแล้วจริงๆ
ซ่างหยิงถอนหายใจออกมา “ฉันเคยพูดกับเธอแล้ว ฉันอยากให้ยู่เชินได้ภรรยาที่ช่วยส่งเสริมกิจการของเขา แต่ไม่ใช่แม่หม้ายลูกติดที่เคยแต่งงานมาแล้ว”
แม่หม้าย? แต่งานมาแล้ว?
ดูเหมือนน้าสะใภ้เล็กจะเข้าใจผิดเรื่องเวยเวยผิดเอามากๆ เลย
เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าจำเป็นต้องอธิบายใช้ชัดเจน แต่เธอยังไม่ทันได้พูดก็ถูกซ่างหยิงห้ามเอาไว้ก่อน
“พอแล้ว เธอเองก็ไม่ต้องพูดแทนเหลียงซินเวยแล้ว เพราะไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีทางยอมให้ยู่เชินได้ลงเอยกับผู้หญิงคนนั้นแน่นอน”
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “น้าสะใภ้เล็กคะ ความสัมพันธ์ยังไม่ทันได้เริ่มเลย แล้วทำไมน้าถึงห้ามไม่ให้พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วล่ะคะ?”
“กันไว้ดีกว่าแก้ เข้าใจมั้ย?”
มุมปากของเจียงสื้อสื้อกระตุก “น้าสะใภ้เล็กคะ น้าคิดมากเกินไปแล้วค่ะ พี่ชายได้พูดกับฉันอย่างชัดเจนแล้ว ว่าเขากับเวยเวยเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น น้าไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ทุกอย่างมันไม่แน่นอนหรอกนะ” ตั้งแต่ที่ได้ยินลูกชายพูดกับสื้อสื้อเมื่อกี้ ซ่างหยิงก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ เธอกลัวว่าลูกชายจะไปชอบเหลียงซินเวยนั่นเข้าจริงๆ
เจียงสื้อสื้อทนไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมา “น้าสะใภ้เล็กคะ น้าไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอก เรื่องของพี่ชายให้เขาเป็นคนตัดสินใจเองจะดีที่สุดนะคะ” ที่สำคัญ เรื่องของความรักจะถูกแทรกแซงด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำของคนอื่นได้ยังไง
……
ก่อนหน้านี้ที่เจียงสื้อสื้อกลับเมืองจิ่น ฝู้จิงเหวินก็ได้กลับอิตาลีไปแล้ว
เขาไปหาข่ายสื้อลิน
แต่พออีกฝ่ายเห็นหน้าเขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่ยินดีเท่าไหร่นัก
“ฉันนึกว่าคุณลืมฉันไปแล้วซะอีก” ข่ายสื้อลินเอามือกอดอก จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจ คิ้วกับดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
เขาบอกให้เธอไปถามเที่ยวบินกับเบอร์เกน แต่ตัวเองกลับแอบบินไปเมืองหลวง
จะบอกเธอสักคำก็ไม่ได้
เรื่องนี้มันทำให้เธอคิดได้ในทันที ในใจของเขา เจียงสื้อสื้อเป็นคนที่สำคัญที่สุดเสมอ
ส่วนเธอนั้น
อย่างมากก็เป็นได้แค่เครื่องมือที่ไว้ใช้งานเท่านั้น
พอนึกถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาทันที สีหน้าดูเย็นชายิ่งกว่าเดิม
กับคำพูดของเธอ ฝู้จิงเหวินทำเหมือนไม่ได้ยิน แถมยังถามไปอีกว่า “ทางศาสตราจารย์คูรี่เป็นยังไงบ้างครับ?”
ข่ายสื้อลินรู้สึกใจเสีย มุมปากแสดงความประชดประชันออกมา “ฝู้จิงเหวิน คำพูดที่เป็นห่วงเป็นใยแค่ไม่กี่คำฉันยังไม่มีสิทธิ์ได้รับเลยรึยังไง?”
“คุณแอบไปเมืองหลวงอย่างไม่บอกกล่าว พอกลับมาถึงก็อยากได้ข้อมูลของศาสตราจารย์คูรี่จากฉัน คุณทำแบบนี้มันไม่ดูใจดำไปหน่อยเหรอ?”
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว “ข่ายสื้อ เราเป็นแค่เพื่อนกัน เรื่องความห่วงใยก็ไม่ต้องแล้ว”
“เพื่อนเหรอ?” ข่ายสื้อลินยิ้มเยาะเย้ยออกมา สายตาที่มองเขาก็เย็นชาขึ้นไปทุกที “ฉันนึกว่าในใจของคุณ แม้แต่เพื่อนยังไม่ได้เป็นเลย”
ฝู้จิงเหวินเงียบไป
ข่ายสื้อลินหายใจเข้าลึกๆ “ไม่ว่าเมื่อไหร่ คุณก็แค่ต้องการแค่หลอกใช้ฉันที่เป็นเพื่อนคนนี้ ฝู้จิงเหวิน คุณช่างทำร้ายความรู้สึกของฉันเหลือเกิน”
เธอไม่ควรมีความหวังที่ไม่ควรหวังในตัวเขา ถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็คงไม่ต้องผิดหวังแบบนี้
ความเงียบค่อยๆ แผ่ขยายออกจากทั้งสองคน บรรยากาศรอบๆ ก็ตกอยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง
พักใหญ่ ฝู้จิงเหวินถึงได้พูดออกมาช้าๆ ว่า “ผมขอโทษ”
ข่ายสื้อลินนั้นเข้มแข็งมาโดยตลอด ไม่ยอมร้องไห้ง่ายๆ แต่ทันทีที่ได้ยินคำว่า “ผมขอโทษ” ดวงตาของเธอก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่เอาไหน
เธอรีบเงยหน้าขึ้น แล้วบังคับน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไป
“ฝู้จิงเหวิน อย่าคิดว่าแค่คำขอโทษคำเดียว ฉันก็จะยอมบอกข้อมูลของศาสตราจารย์คูรี่ให้คุณนะ” เธอพูดออกมาด้วยความเย็นชา
“ไม่ครับ ถึงคุณจะไม่ยอมบอกผมก็ไม่เป็นไร” เสียงถอนหายใจถูกส่งออกมาจากริมฝีปากของฝู้จิงเหวิน “ที่ผ่านมา ผมเอาแต่หลอกใช้คุณ ผมต้องขอโทษคุณจริงๆ นะครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!