เหลียงซินเวยนึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับฟางยู่เชินในสถานการณ์แบบนี้
เธอพาอานอานมาที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งในศูนย์การค้า ได้หนังสือมาสองเล่มแล้วเตรียมที่จะออกไป
แต่ใครจะไปคิด พอประตูลิฟต์เปิดออก ก็พบกับฟางยู่เชินและเย่เสี่ยวอี้พอดี
พอเย่เสี่ยวอี้เห็นเธอ ก็รีบเข้ามาคว้าแขนของฟางยู่เชินเอาไว้ เชิดคางขึ้น แล้วมองเธอด้วยความมั่นใจ
เหลียงซินเวยรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที พยักหน้าให้ทั้งสองครั้งหนึ่ง แล้วจูงมืออานอานเข้าไป
“สวัสดีครับลุงฟาง” อานอานกล่าวทักทายฟางยู่เชินด้วยความสุภาพ
ฟางยู่เชินยิ้มให้เขา “สวัสดีจ้ะ”
สายตามองไปยังเหลียงซินเวยที่กำลังหันหลังให้กับเขา แววตาของเขาปรากฏความรู้สึกที่ยากจะสังเกตเห็นออกมาแวบหนึ่ง
เย่เสี่ยวอี้มองดูท้ายทอยของเหลียงซินเวย มุมปากแย้มขึ้น ตั้งใจบีบเสียง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย้ายวนว่า “ยู่เชินคะเดี๋ยวเราไปกินอะไรกันดีคะ?”
พอได้ยินเสียงนั้น คิ้วของเหลียงซินเวยก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“แล้วแต่”
สองพยางค์ที่แสนเรียบเฉย สามารถรับรู้ได้ว่าฟางยู่เชินนั้นไม่มีอารมณ์เท่าไหร่
เย่เสี่ยวอี้ทำปากจู๋ แล้วบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ “คุณควรจริงจังกว่านี้หน่อยนะคะ คุณต้องตัดสินใจมาสิคะว่าเดี๋ยวเราจะไปกินอะไรกัน”
ฟางยู่เชินเหลียวมองเธอแวบหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่รำคาญนิดหน่อย “คุณตัดสินใจเลยครับ ผมไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี”
ทำไมเขายังเป็นแบบนี้อีก?
ไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด!
เย่เสี่ยวอี้รู้สึกโมโหขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว ตอนที่เธอกำลังจะโวยวายออกมาอยู่นั้น แต่สายตาที่มองไปยังเหลียงซินเวยก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
“จริงด้วย คุณเหลียงทำงานอยู่ในร้านอาหารไม่ใช่เหรอคะ? เธอต้องรู้จักร้านอร่อยๆ แน่เลย”
พอได้ยินเย่เสี่ยวอี้พูดถึงตัวเอง กระดูกสันหลังของเหลียงซินเวยก็เกร็งขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ มือที่จูงอานอานไว้ก็กำแน่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
อานอานหันมามองเธอด้วยความสงสัย
“คุณเหลียงคะ คุณช่วยเราตัดสินใจหน่อยได้มั้ยคะ?”
เหลียงซินเวยหายใจเข้าลึกๆ “ต้องขอโทษด้วยนะคะ คุณเย่ นี่คือเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ คนนอกอย่างฉันไม่เหมาะที่จะไปช่วยตัดสินใจแทนพวกคุณหรอกค่ะ”
พอได้ยินคำว่า “คนนอก” สองพยางค์นั้น สายตาของฟางยู่เชินก็มีการเคลื่อนไหวเล็กน้อย
“คุณเองก็รู้เหรอคะว่าตัวเองนั้นเป็นคนนอก” เย่เสี่ยวอี้หัวเราะเยาะเย้ยออกมาทีหนึ่ง “ถือว่าคุณยังรู้จะเจียมตัวอยู่”
“ติ้ง——”
ลิฟต์ถึงแล้ว
ประตูเปิดออก เหลียงซินเวยจึงรีบจูงมืออานอานออกไป เดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับไปมองเลยแม้แต่นิดเดียว
เดินไปเร็วมาก
อานอานที่ก้าวตามไม่ทัน เสียหลักจนล้มลงไป
“อานอาน!”
เหลียงซินเวยรีบหยุดเท้าลง นั่งลงไปตรวจดูอาการของเขา
อานอานลุกขึ้นมา ตบๆ ตามตัว แล้วมองเธอด้วยความสงสัย “แม่ครับ วันนี้แม่เป็นอะไร? ทำไมถึงเดินเร็วขนาดนี้?”
“แม่……”
เหลียงซินเวยบังเอิญเหลือบไปเห็นฟางยู่เขินกับเย่เสี่ยวอี้ที่กำลังเดินเข้ามาจากทางหางตา แล้วเธอก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
เธอจับมือของอานอานขึ้นมาอีกครั้ง แล้วพูดไปว่า “เหมือนแม่จะลืมปิดน้ำในห้องน้ำ เราจึงต้องเดินให้เร็วหน่อย รีบกลับบ้าน ถ้าเรากลับไปช้า เดี๋ยวน้ำมันจะไหลเต็มบ้านไปหมด”
ในครั้งนี้ เธอเดินช้าลง เพื่อให้อานอานสามารถเดินตามเธอทัน
แต่ก็ยังถือว่าเร็วกว่าคนๆ อยู่ดี
เย่เสี่ยวอี้มองดูสองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล มุมปากก็แย้มขึ้นอย่างพึงพอใจ
ผู้หญิงคนนั้นถือว่ารู้จักเจียมตัวบ้างแล้ว
ฟางยู่เชินมองดูแผ่นหลังที่เดินไปไกลแล้ว ในใจก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายขึ้น
จากการกระทำของเหลียงซินเวย สามารถรับรู้ได้ว่าเธอกำลังตีตัวให้ออกห่างจากเขาอยู่
เป็นเพราะกู้เนี่ยนอย่างนั้นเหรอ?
เย่เสี่ยวอี้หันหน้ามา เห็นเขาที่มองไปยังทิศทางที่เหลียงซินเวยจากไปโดยไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงได้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที “แม่นั่นไปแล้ว คุณยังมองอะไรอยู่อีกคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!