ซ่างหยิงถอนหายใจอย่างแรง “ถ้าพี่ชายของเธอพูดรู้เรื่องละก็ ฉันคงไม่ต้องไปหาเวยเวยหรอก”
เธอรู้จักลูกชายของตัวเองดีที่สุด และเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง อะไรที่ตัดสินใจไปแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนใจอีก
“อันนี้มันก็จริง” เจียงสู้เสื้อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “แต่ว่า เรื่องของความรักมันไม่เคยได้รับผลกระทบจากคนรอบข้างอยู่แล้ว ทางที่ดีน้าสะใภ้เล็กก็ควรเตรียมใจไว้บ้างนะคะ”
“เรื่องนี้ฉันรู้ดี ฉันกำลังเตรียมที่จะจัดงานเลี้ยงงานหนึ่ง ให้เสี่ยวอี้มาที่บ้านแล้วค่อยหาทางจับคู่เธอกับยู่เชินอีกที”
มองดูสีหน้าของซ่างหยิงที่มั่นอกมั่นใจยังมีแบบแผน เจียงสื้อสื้อก็ขมวดคิ้ว “น้าสะใภ้เล็กคะ น้าจะจับคู่พวกเขาด้วยการบังคับไม่ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นพี่ชายจะรู้สึกต่อต้านเย่เสี่ยวอี้เอาได้”
“เธอไม่ต้องห่วง มันจะไม่เป็นแบบนั้นหรอก”
ถึงปากของซ่างหยิงจะพูดออกมาอย่างนั้น แต่เจียงสื้อสื้อก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
ใครจะไปรู้ว่าเพื่อจับคู่พี่ชายกับเย่เสี่ยวอี้ เธออาจจะทำเรื่องอะไรที่มันน่าตกใจออกมาก็ได้
หรือว่าเธอควรจะไปเตือนพี่ชายไว้บ้าง
……
เพื่องานเลี้ยงในคืนนี้ ฟางยู่เชินตั้งใจเลิกงานก่อนเวลา
“สื้อสื้อ เธอเตรียมตัวเสร็จรึยัง?” เธอมาถึงหน้าห้องของเจียงสื้อสื้อ ยกมือขึ้นมาเคาะประตู
ผ่านไปสักพัก ประตูห้องก็เปิดออก
เจียงสื้อสื้อได้ใส่ชุดราตรีที่เบอร์เกนมอบให้เธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เธอไม่ได้แต่งหน้า แม้แต่ผมก็ยังปล่อยไว้อย่างลวกๆ แต่ออร่าของเธอก็ยังเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“สวยมาก” ฟางยู่เชินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“จริงเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อก้มลงไปมองชุดราตรีของตัวเอง ในน้ำเสียงเหมือนมีแฝงไปด้วยความรังเกียจ
ถ้าไม่ใช่เพราะเบอร์เกนบอกให้เธอต้องใส่ชุดราตรีที่เขามอบให้ เธอก็ไม่อยากที่จะแตะต้องชุดราตรีชุดนี้อีกเป็นอันขาด
“จะให้ตามช่างมาสักคนมั้ย” ฟางยู่เชินถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันคนเดียวก็พอแล้ว”
มันไม่ใช่งานเลี้ยงที่สำคัญอะไรสักหน่อย ไม่ต้องลงทุนมากขนาดนั้นก็ได้ เธอแค่แต่งหน้าง่ายๆ ก็พอแล้ว
“ก็ได้ งั้นฉันรออยู่ข้างล่างนะ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ”
ฟางยู่เชินลงไปข้างล่าง
พอว่างหยิงเห็นเขาลงมา เธอก็ถามด้วยความสงสัยว่า “สื้อสื้อยังเตรียมตัวไม่เสร็จอีกเหรอ?”
เธอรู้ว่าฟางยู่เชินกับสื้อสื้อจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยง จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
“ครับ” ฟางยู่เชินเดินเข้าไป มองไปยังนิตยสารที่อยู่ในมือเธอ คิ้วที่คมกริบเลิกขึ้น “แม่ครับ แม่ไปชอบดูนิตยสารแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
“ฉันไม่ได้ชอบดู แค่ในนี้มีคนที่ฉันรู้จักเท่านั้น”
“ใครเหรอครับ?”
“ก็เสี่ยวอี้ไง”
พอได้ยินชื่อนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางยู่เชินก็เกร็งไปทันที จากนั้นก็แย้มปาก “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง”
น้ำเสียงของเขาค่อนข้างเย็นชา
ซ่างหยิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “แกไม่อยากดูหน่อยเหรอ?”
“ไม่มีอารมณ์”
คำง่ายๆ สามพยางค์สามารถแสดงถึงความรู้สึกที่เขามีต่อเย่เสี่ยวอี้ได้อย่างชัดเจน
แต่ซ่างหยิงนั้นรู้สึกไม่ชอบใจแล้ว “ยู่เชิน นี่แกไม่ชอบเสี่ยวอี้ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แม่ครับ ผมเคยพูดไปอย่างชัดเจนแล้ว ว่าผมไม่ชอบเธอ”
“แล้วเหลียงซินเวยล่ะ?”
แววตาของฟางยู่เชินกระตุกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เงียบไป
“ที่เงียบแสดงว่าใช่มั้ย?” ซ่างหยิงลองถามดู
“แม่ครับ ต่อไปอย่าดึงเหลียงซินเวยเข้ามาอีกนะครับ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเธอ”
เขาก็ยังไม่ได้ตอบคำถามของตัวเองอย่างตรงๆ
แต่จากที่รู้จักลูกชายของตัวเองมา คำคำของเขาไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละ
ซ่างหยิงไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง และตัดสินใจที่มันออกมาตรงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!