เจียงสื้อสื้อขัดขืนไปก็ไม่มีความหมาย ได้แต่โดนหิ้วเข้าไปในลิฟต์
เธอกำหมัดแน่น ความคิดแล่นไปอย่างรวดเร็ว
จะมานั่งรอความตายอย่างเดียวไม่ได้เด็ดขาด ต้องหาทางเอาตัวรอดด้วยตนเองก่อน
ติ้ง!
ลิฟต์มาถึงที่ชั้นยี่สิบสอง
พอประตูเปิดออก ชาวต่างชาติสองคนก็หิ้วเจียงสื้อสื้อออกไป
บนพื้นทางเดินปูด้วยพรมหนาๆ ตอนที่เดินอยู่ข้างบนไม่ส่งเสียงเลยสักนิด แสงไฟสีส้มสลัวส่งลงมา ความเงียบอันไม่มีที่สิ้นสุดถาโถมเข้ามา เจียงสื้อสื้อกำหมัดแน่นกว่าเดิม
ชายสองคนหยุดลงที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ประตูเปิดออก เจียงสื้อสื้อก็ถูกผลักเข้าไปข้างในทันที
ด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็ล้มลงกับพื้น
โชคยังดีที่บนพื้นถูกปูด้วยไว้พรม
เธอรีบลุกขึ้นยืน พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเบอร์เกนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่างที่ยาวถึงพื้น
เบอร์เกนหันหลังมาอย่างช้าๆ สายตาที่ลึกซึ้งมองมาที่เธอ
เธอรู้สึกตกใจทันที เธอพยายามถามไปด้วยความใจเย็นว่า “นี่คุณคิดจะทำอะไร?”
ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามแสดงออกว่าตัวเองนั้นใจเย็นแค่ไหน แต่น้ำเสียงที่สั่นเทาก็ยังเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเธอออกมาอยู่ดี
เบอร์เกนก้าวเท้าเดินเข้ามา มาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เขาพิจารณาเธอขึ้นลงด้วยสายตาที่ไม่ร้อนรนอะไร มุมปากค่อยๆ แย้มขึ้น
“สวยมากเลยครับ”
เธอช่างเป็นผู้หญิงที่สวยแต่กำเนิดจริงๆ ถึงแม้จะแต่งหน้ามาอย่างลวกๆ แต่หน้าตาก็ยังสวยจนไม่อาจละสายตาออกไปได้
เขาแค่มอบชุดราตรีสีดำธรรมดาๆ ชุดหนึ่งให้เธอเท่านั้น ไม่ได้สั่งทำพิเศษ แต่พอใส่เข้าไปในตัวเธอ ก็เหมือนมันเคยผ่านการวัดตัวแล้วตัดเย็บให้เธอโดยเฉพาะ สมส่วนมาก ทำให้สัดส่วนที่เพอร์เฟคของเธอถูกแสดงออกมา
ทำให้ผิวพรรณของเธอยิ่งกระจ่างใสมากขึ้น
พอแสงไฟสาดส่องถึงเธอ ทำให้เธอยิ่งสวยจนไม่อาจปิดบังได้
แต่ผู้หญิงแบบนี้ กลับเป็นของผู้ชายคนอื่น
ความจริงข้อนี้ มันทำให้เบอร์เกนรู้สึกไม่ชอบใจเลย สีหน้าเคร่งขรึมลงไปมาก
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?” เจียงสื้อสื้ออดกลั้นความกลัวในใจเอาไว้ แล้วถามออกไปอีกครั้ง
เบอร์เกนยักคิ้ว “ไม่ได้คิดจะทำอะไร แค่อยากให้คุณเป็นคู่ออกงานในคืนนี้ของผมเท่านั้นครับ”
“แค่นี้จริงๆ เหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“จริงครับ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันจะเชื่อคุณไปก่อน แต่หวังว่าคุณจะไม่ลืมเรื่องที่เคยสัญญาไว้กับฉันนะคะ”
เบอร์เกนแย้มปากขึ้น “คุณไม่ต้องเป็นห่วงครับ พองานเลี้ยงเสร็จสิ้น ผมก็จะบอกคุณเรื่องวันเวลาที่ซ่างกวนหยวนกลับมาครับ”
ไม่มีอะไรมายืนยันว่าเขาจะรักษาสัญญารึเปล่า แต่เธอก็อยากพนันดูสักตั้ง
ขอแค่ความหวังเพียงน้อยนิด เธอก็ไม่อยากปล่อยให้มันหยุดมือไป
……
ภายในงานเลี้ยง ฟางยู่เชินไม่มีอารมณ์ไปคบค้าสมาคมกับใครทั้งนั้น เขาเอาแต่จ้องมองยังประตู กลัวแต่จะคลาดกับตอนที่เจียงสื้อสื้อเข้ามา
“ประธานฟาง” จิ่งหลิวเยว่นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอฟางยู่เชินที่นี่ พอเห็นเขาก็รีบเข้ามาหาทันที
ฟางยู่เชินหันหน้ามามอง ตอนที่เห็นจิ่งหลิวเยว่ มุมปากของเขาก็แย้มขึ้น “สวัสดีครับ ประธานจิ่ง”
“คุณมาคนเดียวเหรอครับ?” จิ่งหลิวเยว่เห็นว่าเขาไม่มีคู่มาด้วย จึงได้ถามไปด้วยความสนใจ
“ไม่ครับ น้องสาวของผมก็มาด้วย”
น้องสาวของเขาเหรอ?
จิ่งหลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “คุณหมายถึงพี่สะใภ้ของผมใช่มั้ย?”
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ใช่ครับ”
จิ่งหลิวเยว่รีบมองไปรอบๆ “เธออยู่ไหน แล้วพี่ใหญ่ผมมาด้วยมั้ยครับ?”
“เขายังไม่กลับมาเลยครับ มีแค่น้องสาวคนเดียว”
“ทำไมเขาไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่กลับอีกครับ?” จิ่งหลิวเยว่ถามด้วยความสงสัย
ครั้งก่อนที่เขาติดต่อกับพี่ใหญ่ ก็เพื่อพูดคุยเรื่องข้อมูลชุดหนึ่งของไวรัส มันผ่านไปสักพักแล้วนะ
“เขามีเรื่องให้เสียเวลานิดหน่อย” ฟางยู่เชินไม่ได้พูดความจริงให้เขาฟัง แค่หาข้ออ้างตอบไปลอยๆ เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!