ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 1225

สรุปบท บทที่​1225 ใช่​ครับ ผมชอบเธอ: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอน บทที่​1225 ใช่​ครับ ผมชอบเธอ จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่​1225 ใช่​ครับ ผมชอบเธอ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่เขียนโดย เมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ในวันครบรอบของห้างสรรพสินค้า บรรยากาศ​ดูครึกครื้น​มาก มีลูกค้าเข้ามาเยอะขึ้น​ด้วย

เหลียงซินเวยตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลย คอยยืนรับแขกตลอดเวลา​

แม้ว่าเธอจะสวมรองเท้าส้นต่ำ แต่ทำงานหนัก​แบบนี้ก็ทำให้เธอรับไม่ไหวเหมือนกัน

รอจนลูกค้าเริ่มน้อยลง เธอจึงหลบอยู่ในห้องเก็บของ​ แล้ว​ถอดรองเท้าออก

ซี๊ด

เธอสูดหายใจเข้า แล้ว​ก้มหน้า​ลง แววตามองไปที่เท้าเล็กๆ ของเธอ ที่ถูก​เสียดสี​จนตุ่มน้ำแตก เจ็บจนทำให้เธอขมวดคิ้วแน่น

ถึงแม้จะเจ็บ แต่งานก็ต้องดำเนินต่อไป

เธอดึงพลาสเตอร์ยาออกมาจากกระเป๋าของเธอ แล้ว​ฉีกมันออก ก่อนจะนำมาแปะที่บาดแผล

แบบนี้คงจะยืดเวลาได้อีกสักพัก​

“เวยเวย”

เสียงของผู้จัดการดังมาจากด้านนอก เธอรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว “ค่ะผู้จัดการ ฉันอยู่ในนี้ค่ะ”

ผ่านไปสักพัก​ ผู้จัดการก็เดินเข้ามา พอเห็นเธอนั่งพักอยู่ จึงโกรธเล็กน้อย “เธอมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ไม่รู้​หรือไงว่าข้างนอก​ยุ่งมากแค่ไหน”

“ขอโทษค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

เหลียงซินเวยรีบสวมรองเท้าอย่างรวดเร็ว แต่ตอนที่แตะถูก​บาดแผล เธอก็อดที่จะส่งเสียงซี๊ดอย่างเจ็บปวด​ออกมาไม่ได้

“เธอเป็นอะไร” ผู้จัดการรีบถาม

เธอยิ้มแล้วส่ายหน้า​ไปมา “ไม่เป็นไรค่ะ ตรงปลายเท้ามีตุ่มน้ำพองขึ้น​มา​ ตอนนี้ฉันติดพลาสเตอร์ยาเรียบร้อย​แล้ว​ค่ะ​”

ผู้จัดการมองที่เท้าของเธอ แล้ว​ขมวดคิ้วเล็กน้อย​ “ไม่เป็นไรจริงๆ​เหรอ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ใส่ส้นสูงก็จะเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ ชินกับมันแล้วค่ะ”

ผู้จัดการพยักหน้า “งั้นก็ดีแล้ว​ รีบออกไปช่วยงานข้างนอก​เถอะ”

น้ำเสียงดูผ่อนคลายลงมากอย่างเห็นได้ชัด

เหลียงซินเวยพยักหน้า แล้วรีบเดินออกไป

การทำงานหนัก​ยังคงดำเนินไปอีกหลายชั่วโมง จนกระทั่งห้างปิด ร้านอาหารปิดลง พนักงานทุกคนเริ่มทำความสะอาดร้าน

เหลียงซินเวยรู้สึกเหมือนร่างกายของเธอกระดูก​เคลื่อน​ไป​หมด ปวดเมื่อย​ไปทุกที่ เธอแทบอยากจะกลับบ้านไปพักผ่อนให้เร็วที่สุด

เธอกับเพื่อนร่วมงานเดินออกจากที่จอดรถชั้นใต้ดิน แล้ว​เดินตรงไปที่ป้ายรถเมล์

ทันทีที่เธอไปถึงชานชาลา ก็มีรถมาจอดตรงหน้าเธอพอดี

เดิมทีเธอคิดว่ามารับคนอื่น เธอจึงเดินเลี่ยงไปอีกหน่อย​

“เวยเวย”

ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามาในหู

เธอหันกลับ แล้ว​​มอง​ไปตามเสียง จึงเห็นกู้เนี่ยนนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ

“เวยเวย นั่นเพื่อนของเธอไม่ใช่เหรอ” เพื่อนร่วมงานตื่นเต้น​มากกว่าเธออีก เธอพูดพร้อมกับดึงชายเสื้อของเธอ

“เบาเสียงหน่อยสิ” เหลียงซินเวยมองไปรอบๆ อย่างเขินอาย ก่อนจะเดินไป แล้วก้มตัว​ลงมองเข้าไปในรถ “คุณมาที่นี่ได้ยังไง​คะ”

กู้เนี่ยนยกยิ้ม “ถ้าผมบอกว่าขับรถ​ผ่านมาพอดี คุณจะเชื่อไหมครับ”

ถ้าเป็นช่วง​กลางวัน เธออาจจะเชื่อก็ได้

แต่ตอนนี้มันดึกมากแล้ว...

พอเห็นเธอนิ่งคิดอย่างจริงจัง กู้เนี่ยนก็ยิ้มกว้างมากขึ้น ก่อนจะลูบคาง “ขึ้นรถเถอะครับ ฉันจะพาไปส่ง”

เหลียงซินเวยเหลือบมองเพื่อนร่วมงานของเธอด้วยความลำบากใจ แล้วนิ่งคิด ก่อนจะถามอย่างเกรงใจ “คุณช่วยไปส่งเพื่อนร่วมงานฉันกลับบ้านด้วยได้ไหมคะ”

กู้เนี่ยนพยักหน้าโดยไม่ลังเล “ได้ครับ ขึ้นรถได้เลยครับ”

พอเพื่อนร่วมงานได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็ดีใจมาก แล้วรีบผลักเหลียงซินเวยเข้าไปในรถ

ทันทีที่ฉันขึ้นขึ้นนั่งบนรถ เพื่อนร่วมงานของเธอก็อดที่จะถามออกมาไม่ได้ “คุณกำลัง​ตามจีบเวยเวยอยู่หรือเปล่า​คะ​”

“ส้งหร่าน เธอกำลังพูด​เรื่อง​ไร้สาระอะไรอยู่” เหลียงซินเวยตกใจจนเรียกชื่อเต็มของเธอ

และคุณก็ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของเพื่อนตนเอง “นี่ฉันกำลังช่วยเธออยู่นะ ถ้าฉันจะไม่ช่วยถามให้ชัดเจน แล้วเขามีเจตนาไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง​”

“พี่กู้ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”

เหลียงซินเวยกลัวว่ากู้เนี่ยนจะโกรธจึงรีบพูดอธิบาย “พี่กู้คะ เพื่อนร่วมงานของฉันแค่พูดล้อเล่น ไม่ต้องใส่ใจนะคะ”

กู้เนี่ยนเงยหน้า​ขึ้นมองกระจกมองหลัง แม้ว่ารถจะมืด แต่เขาก็ยังสามารถเห็นท่าทางตื่นตระหนกของ​เธอ​ได้

เขาอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “พี่ไม่ใส่ใจหรอก”

“เธอบอกว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น คงไม่รังเกียจที่ฉันจะถามคำถามนั้นออกมาใช่ไหม​” ส้งหร่านยิ้มแล้วมองกู้เนี่ยนที่นั่งตรงที่นั่งคนขับ

บรรยากาศดูน่าอึดอัดเล็กน้อย​

กู้เนี่ยนมารู้สึกเสียใจทีหลัง​ที่ตนเองหุนหันพลันแล่นเกินไป เขาไม่ควรสารภาพ​รัก​ในเวลาที่ไม่สมควร​แบบนี้

“พี่กู้คะ” เหลียงซินเวยพูดขึ้น​มา​ก่อน

“อืม”

“ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องความรัก​ในตอนนี้”

เสียงของเธอเบามาก แต่กู้เนี่ยนยังคงได้ยินอย่างชัดเจน ในใจถึงแม้​จะ​ได้รับบาดเจ็บ​ แต่เขาก็ยังยิ้มและปลอบเธอ “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้หมายความว่าต้องการให้คุณคบกับผมตอนนี้เลย ผมแค่อยากจะบอกคุณ​ ว่าผมชอบคุณ​ก็เท่านั้น​เอง​ “

“อ๋อ”

รถตกอยู่ใน​ความ​เงียบอีกครั้ง

กู้เนี่ยนกลัวว่าเธอจะคิดมากเกินไป จึงพูดเสริม “คุณ​ก็​คิดซะว่าผมพูดไร้สาระ ไม่ต้องเก็บไปคิดมากนะครับ”

“ฉันไม่ได้เก็บไปคิดมากค่ะ”

ทั้งๆที่เขาคนถูกปฏิเสธจะเสียใจมากกว่า แต่เขาก็ยังพูดปลอบใจเธอ

เหลียงซินเวยรู้สึกผิดเล็กน้อย “พี่กู้คะ ไม่ว่ายังไง​ พวกเราก็เป็นเพื่อนกันนี่คะ”

“อืม เป็นเพื่อนกัน” กู้เนี่ยนพยักหน้า รอยยิ้มโศกเศร้า​ประดับอยู่บน​ใบหน้า​

รถค่อยๆ หยุดที่หน้าประตูเข้าหมู่บ้านจัดสรร​ เหลียงซินเวยจึงพูด “ขอบคุณ” แล้วเปิดประตูรถเดินลงไป

พอเห็นเธอโบกมือให้ตนเอง แล้ว​หันหลังเดินเข้าไปในหมู่บ้าน​จัดสรร​ หัวใจของกู้เนี่ยนก็กระตุก​ก่อนจะรีบเปิดประตูออกจากรถ แล้ววิ่งตรงไปหาเธอ

“เวยเวยครับ”

เขาคว้าข้อมือของเธอไว้ เหลียงซินเวยต้องหยุดเดินไป แล้ว​หันกลับมา ก่อนจะมองหน้าเขานิ่ง

กู้เนี่ยนหายใจเข้าลึก แล้ว​มองด้วยสีหน้า​จริงจัง​ “ผมรู้ว่าคุณไม่อยากพูดถึงเรื่องความรักในตอนนี้ แต่ถ้าวันหนึ่งคุณพร้อม คุณช่วยคิดถึงผมเป็นคนแรกได้ไหมครับ”

ความจริงใจของเขา ทำให้เหลียงซินเวยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

กู้เนี่ยนรู้ว่าตัวเองกำลังทำให้เธอลำบากใจ จึงค่อยๆ ปล่อยมือออก แล้วยิ้มขอโทษ “ขอโทษนะครับ ถือว่าผมไม่ได้พูดก็แล้วกัน​”

พอพูดจบ เขาก็หันหลังเดินจากไป

มองแผ่นหลังที่ดูอ้างว้างของเขา ถึงแม้​เหลียงซินเวยจะรู้สึกผิดมาก แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป

เธอรู้ว่าถ้าไม่ชอบคนคนหนึ่ง ก็ไม่ควรให้ความหวังกับอีกฝ่าย จะได้ไม่เป็นการทำร้ายอีกฝ่าย​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!