ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 1228

สรุปบท บทที่​1228 คงจะเป็นความบังเอิญ​: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

บทที่​1228 คงจะเป็นความบังเอิญ​ – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่​1228 คงจะเป็นความบังเอิญ​ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เหลียงซินเวยนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน นิ่งคิดถึงคำสารภาพรักของกู้เนี่ยนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เธอกับกู้เนี่ยนรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เขาดีกับเธอมาก ถ้าเป็นไปได้ เธอควรจะใช้ถ้อยคำที่สุภาพกว่านี้ ไม่ควรจะปฏิเสธ​ออกไปตรงๆแบบนี้

พอเธอมาถึงร้านอาหารตะวันตกกำลังจะเริ่มทำงาน ส้งหร่านก็ดึงเธอไปด้านข้าง แล้วกระซิบถามเบาๆ “เธอตอบรับ​พี่กู้แล้วหรือยัง”

เหลียงซินเวยส่ายหน้า​ “ไม่”

“ทำไมล่ะ” ส้งหร่านไม่เข้าใจ​ “พี่กู้ไม่ดีตรงไหน​กัน”

“เขาเป็นคนดีมาก แต่ฉันไม่ได้ชอบเขา”

ส้งหร่านถอนหายใจออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาไหนของเพื่อน “ทำไมเธอโง่แบบนี้ ไม่ชอบตอนนี้ก็ลองคบหา​ดูได้ บางทีอาจจะ​ชอบขึ้น​มา​ก็ได้”

เหลียงซินเวยเม้มปาก “ที่จริงแล้ว…”

“ที่จริง​แล้ว​อะไร” ส้งหร่านพูดขัดจังหวะเธออย่างใจร้อน “ฉันจะต้องโมโห​เธอจนบ้าตายแน่ๆ ในกรณีของเธอหายากมากที่จะมีผู้ชายที่เต็มใจจะช่วยเลี้ยงลูกเธอด้วย ตอนนี้อุตส่าห์​มีมาคนหนึ่ง เธอยังปฏิเสธอีก ฉันนี่อยากจะ ... “

ส้งหร่านโมโหมากจนไม่รู้จะพูดอะไร

เหลียงซินเวยมองเธออย่างขบขัน “ทำไมเธอถึงโกรธแบบนี้ล่ะ ฉันยังไม่รีบร้อนเลย ทำไมเธอถึงรีบร้อน​แทนล่ะ”

“ฉัน...ก็ฉันเห็นเธอทำงานหนักขนาดนี้ รู้สึกปวดใจแทนเธอไง” ส้งหร่านหันไปด้านข้างด้วยความโมโห​

“เอาล่ะ ฉันผิดไปแล้ว​ อย่าโมโห​ไปเลยนะ” เหลียงซินเวยกอดแขนเธอแล้วพูดออดอ้อนขึ้นมา​ทันที​

ส้งหร่านหันไปมองที่เธอ “มาอ้อนฉันก็ไม่มีประโยชน์​ ไปอ้อนพี่กู้จะดีกว่า”

“พูดอะไรบ้าๆ” เหลียงซินเวยถลึงตามองเธอ แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คืนนี้เป็นงานเลี้ยงครบรอบของห้างสรรพสินค้า​ ดีใจหน่อยสิ อย่าโกรธ​เลยนะ”

“ฉันนี่ยอมให้เธอจริงๆ” ส้งหร่านส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ แล้วยิ้มออกมา

“ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน ฉันจะเอาสิ่งที่เธอพูดไปคิดดู​นะ​”

“ทางที่ดีทำให้ได้​อย่างนี้” ส้งหร่านถอนหายใจอย่างแรง “ถ้ามีผู้ชายที่เต็มใจจะดูแลเธอ เธอจะได้หายเหนื่อยลงไปบ้าง”

เหลียงซินเวยเม้มปาก “ที่จริง​แล้ว​ ฉันอยากพึ่งพาตัวเองมากกว่า”

“อย่าคิดว่าตัวเอง​เป็นยอดมนุษย์​ รอวันไหนเธอล้มป่วย​ขึ้นมา​ ฉันจะคอยดูว่าเธอจะทำยังไง​”

ส้งหร่านเห็นว่าเธอลำบากแค่ไหนในช่วงตลอด​หลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นเธอจึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีผู้ชายที่ดีมาดูแลเธอสักคน

“เข้าใจแล้ว” เหลียงซินเวยเหลือบเห็นผู้จัดการเดินเข้ามา จึงรีบพูด “ผู้จัดการมาแล้ว​ ไม่พูดแล้ว”

เธอตบไหล่ส้งหร่านแล้วรีบกลับไปทำงานต่อ

ผู้จัดการเรียกทุกคน​เข้าประชุม แล้วบอกพวกเธอว่าวันนี้จะเปิดร้านแค่ครึ่งวัน แล้ว​จะปิดร้านในตอนบ่าย

“ตอนเย็นเป็นงานเลี้ยงครบรอบของห้างสรรพสินค้า​ หวังว่าทุกคนจะสนุกกับงานนะ”

ทุกคนดีใจกันมาก ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส

“เวยเวย ตามฉันมา”

เหลียงซินเวยที่กำลังสนทนากับเพื่อนร่วมงานหลายคน ได้ยินเสียงเรียกจึงหันไปมอง เห็นผู้จัดการกำลังกวักมือเรียกเธอไปหา

เธอรีบเดินตามไป “ผู้จัดการคะ คุณมีอะไรจะสั่งฉันเหรอคะ”

“งานเลี้ยง​ในคืนนี้ เราต้องส่งตัวแทนจากแต่ละร้านขึ้นไปพูดบนเวที เจ้านายให้ฉันตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ฉันจึงแนะนำเธอไป”

“ผู้จัดการคะ ฉัน... ฉันกลัวว่าจะทำไม่ได้ค่ะ”

ฉันรู้เสมอว่าผู้จัดการเอ็นดู​เธอมาก แต่ไม่จำเป็นต้องดูแลเธอถึงขนาด​นี้​ก็ได้

งานสำคัญแบบนั้น...

ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีความมั่นใจ แต่เธอทำไม่ได้จริงๆ อีกทั้งยังอาจจะทำให้ร้านอับอายด้วย

“ฉันบอกว่าเธอทำได้ เธอก็ต้องทำได้” ผู้จัดการค่อนข้างมั่นใจในตัวเธอมาก

เหลียงซินเวยไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ผู้จัดการคะ คุณให้คนอื่นไปแทนเถอะนะคะ”

“เวยเวย ถ้าเธอปฏิเสธอีก ฉันจะโกรธแล้วนะ” ผู้จัดการขมวดคิ้ว

“ฉัน…” เหลียงซินเวยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดปากตอบตกลง “ก็ได้ค่ะ ฉันจะทำตามที่ผู้จัดการ​สั่งค่ะ”

หลังจากยุ่งอยู่นานกว่าหนึ่งชั่วโมง เธอก็ยกโจ๊กมาวางที่โต๊ะ แล้ววางเครื่องเคียงที่ปรุงอย่างพิถีพิถันลงบนโต๊ะทีละจาน

เธอรู้ว่าของโปรดของจิ้นเฟิงเฉินคือไข่ดาว เธอจึงเตรียมไว้ให้เป็นพิเศษ

เธอมองดูโต๊ะอาหารเช้าที่ตั้งใจเตรียมอย่างดี ในใจก็รู้สึกอิ่มเอมมาก

ถึงแม้​เขาจะลืมเธอไปแล้ว แต่เธอเชื่อว่าหลังจาก​เขากินอาหารที่เธอทำแล้ว เขาจะต้องรู้สึกคุ้นเคยแน่ๆ

“พวกคุณหนูจะลงมาแล้ว เธอรีบกลับไปซ่อนตัวในครัวเร็วเข้า” พ่อบ้านรีบเข้ามาพูด

เจียงสื้อสื้อยื่นหน้า​มองออกไป จึงเห็นซ่างกวนหยวนกับจิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามาที่ห้องอาหารพอดี เธอรีบหันหลังแล้ววิ่งเข้าไปในห้องครัวทันที

หลังจากซ่อนตัวแล้ว เธอก็อดที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกไม่ได้ วันเวลาแบบนี้จะต้อง​เป็นไปอีกนานแค่​ไหน​กัน

ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องอาหาร ซ่างกวนหยวนก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นอาหารโต๊ะ​ “ทำไมวันนี้เตรียมอาหารไว้เยอะจัง”

พ่อบ้าน​รีบตอบออกไป “เมื่อวานนี้​ดูเหมือนว่าคุณ​ชายเฟิงเฉินจะไม่ชอบอาหารตะวันตกมากเท่าไหร่​ ผมก็เลยสั่งให้ทางห้องครัวเตรียมอาหารเช้าแบบจีนมาครับ”

ซ่างกวนหยวนไม่สงสัยในสิ่งที่เขาพูดเลย เธอดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงไป

จิ้นเฟิงเฉินนั่งลงที่เก้าอี้​ข้างๆเธอ

พ่อบ้านสั่งให้​พวกเขาตักโจ๊กแยกใส่ถ้วยเสิร์ฟ​ แล้วถอยออกมา เหลือไว้เพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น

จิ้นเฟิงเฉินตักโจ๊กใส่ปากหนึ่งคำ ก่อนจะคีบไข่ดาวใส่ถ้วย หลังจากกัดเข้าไปหนึ่งคำ เขารู้สึก​แปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย

“พวกเขารู้ได้ยังไงว่า​ผมชอบไข่ดาวครึ่ง​สุกครึ่ง​ดิบแบบนี้” เขาหันไปถามซ่างกวนหยวน

ซ่างกวนหยวนเหลือบมองที่ไข่ดาวบนจานของเขา ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น “ฉันไม่เคยบอกพวกเขาค่ะ”

“อย่างนั้นเหรอครับ” จิ้นเฟิงเฉินไม่คิดมาก “คงจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ครับ”

เจียงสื้อสื้อที่ซ่อนตัวอยู่ในครัวได้ยินคำพูด​นี้ จึงยกยิ้มออกมา

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญค่ะ แต่ฉันเตรียมให้คุณเป็นพิเศษ​ต่างหาก​ล่ะ​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!