ตอน บทที่1229 ทางที่ดีเธอควรจะทำตามกฎระเบียบของที่นี่ จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่1229 ทางที่ดีเธอควรจะทำตามกฎระเบียบของที่นี่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่เขียนโดย เมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ซ่างกวนหยวนขอให้จิ้นเฟิงเฉินขึ้นไปชั้นบน แล้วเรียกพ่อบ้านมา
“ลุงจาง บอกมาตามความเป็นจริงนะคะ ว่าใครเป็นคนทำอาหารเช้าในวันนี้”
“เป็น… เป็นสาวใช้เข้ามาใหม่ทำครับ” พ่อบ้านยังคงปกปิดมันให้เจียงสื้อสื้อ
แต่ซ่างกวนหยวนเป็นคนฉลาด เธอจึงเดาได้ทันที “คนที่ทำคือสาวใช้ที่ชื่อซูหยุนคนนั้น ใช่ไหมคะ”
พ่อบ้านทำได้เพียงพยักหน้า “ใช่ครับ”
ซ่างกวนหยวนหรี่ตามอง แล้วพูดอย่างเย็นชา “ไปเรียกเธอมาที่นี่เดี๋ยวนี้”
พ่อบ้านทำได้เพียงเข้าไปเรียกอีกคนออกมา
“ซูหยุน คุณหนูเรียกเธอออกไปหา”
พอเจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนี้ เธอก็งงมาก “เรียกฉันเหรอคะ”
“คุณหนูรู้แล้วว่าวันนี้เธอเป็นคนทำอาหารเช้า”
“แล้วยังไงคะ”
แค่เพราะเธอเป็นคนทำอาหารเช้า ก็จะหาเรื่องเธออย่างนั้นเหรอ
พ่อบ้านถอนหายใจ “ไม่ต้องถาม แล้วออกไปพบคุณหนูเดี๋ยวนี้ อย่าให้คุณหนูต้องโมโห”
ด้วยความอ่อนใจ เจียงสื้อสื้อจึงต้องออกไปพบซ่างกวนหยวนอย่างเชื่อฟัง
ซ่างกวนหยวนนั่งอยู่ในห้องรับแขก เธอเอนหลังพิงโซฟา นั่งไขว่ขา สองมือกอดอก แสดงออกถึงความหยิ่งยโส
เจียงสื้อสื้อสูดหายใจเข้าลึก แล้วก้มหน้าเดินเข้าไป
“คุณหนูคะ คุณหนูเรียกฉันเหรอคะ”
ซ่างกวนหยวนลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเธอจับจ้องมาที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชา “วันนี้เธอเป็นคนทำอาหารเช้าใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าคุณชายเฟิงเฉินชอบกินอะไร” ซ่างกวนหยวนหรี่ตาของเธอของเธอเขม็ง
“คุณชายเฟิงเฉินชอบกินอะไร ฉันไม่รู้เลยนะคะ” เจียงสื้อสื้อแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ซ่างกวนหยวนเลิกคิ้ว “เธอไม่รู้อย่างนั้นเหรอ”
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ค่ะ”
“จริงเหรอ”
“จริงๆค่ะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างแรง “คุณชายเฟิงเฉินชอบกินอาหารเช้าในวันนี้เหรอคะ คงจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่าคะ”
“บังเอิญอย่างนั้นเหรอ” ซ่างกวนหยวนทวนคำสองคำนี้ซ้ำ แล้วยิ้มเยาะออกมาทันที แต่รอยยิ้มนั้นไม่เข้าถึงดวงตาที่เย็นชานั้นเลย “เขาก็บอกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆเหรอ”
“คุณหนูคะ ถ้าคุณหนูไม่ชอบ ฉันจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ” เจียงสื้อสื้อพูดอย่างระมัดระวัง
ซ่างกวนหยวนลุกขึ้นยืน ตอนที่จะเดินผ่านเธอไป ก็หยุดเดินกะทันหัน แล้วมองมาที่เธออย่างเย็นชา “เธออย่าปล่อยให้ฉันจับได้ว่าเธอพยายามจะทำอะไร ไม่อย่างนั้นฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่ๆ”
เจียงสื้อสื้อชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะได้สติกลับมา แล้วก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตอบอย่างนอบน้อม “คุณหนูคะวางใจได้ค่ะ ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงๆ ฉันแค่อยากจะทำงานหาเงินรักษาแม่ของฉันเท่านั้นเอง”
“ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องของเธอ นี่คือบ้านของตระกูลซ่างกวน ทางที่ดีเธอควรจะทำตามกฎระเบียบของที่นี่”
“ทราบแล้วค่ะ”
พอซ่างกวนหยวนเดินจากไป เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่อก่อนตอนที่รู้จักกับเธอ เจียงสื้อสื้อไม่รู้เลยว่าเธอเจ้าอารมณ์ขนาดนี้
สมกับคำที่คนอื่นพูดไว้
คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ
พอเห็นว่าซ่างกวนหยวนขึ้นไปชั้นบนแล้ว พ่อบ้านถึงได้กล้าเดินเข้ามา แล้วกระซิบบอก “ต่อไปนี้เธอเป็นแค่ผู้ช่วยก็พอแล้ว รู้ไหม”
เธอรู้ว่าพ่อบ้านหวังดีกับเธอ เจียงสื้อสื้อไม่รู้สึกไม่ดีเพราะน้ำเสียงที่ดุดันของเขา แต่กลับยิ้มแล้วพยักหน้าเข้าใจ “เข้าใจแล้วค่ะ ลุงจาง”
“เด็กคนนี้” พ่อบ้านส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูเหมือนกัน เมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นเธอเข้มงวดกับสาวใช้คนไหนแบบนี้มาก่อน”
“บางทีเธอคงกำลังกลัว” เจียงสื้อสื้อพูดพึมพำ
พ่อบ้านไม่ได้ยินชัด “เธอพูดว่าอะไร”
เจียงสื้อสื้อยกยิ้ม “ฉันบอกว่าคุณหนูอาจจะทำเพื่อตระกูลซ่างกวนค่ะ เธอถึงได้เข้มงวดแบบนี้”
พ่อบ้านพยักหน้าเห็นด้วย “คงจะใช่ ยังไงก็ตาม เธอก็ต้องระวังด้วยแล้วกัน”
“ได้ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อหันหน้ามองขึ้นไปชั้นบน รอยยิ้มที่มุมปากของเธอก็ลึกขึ้นเล็กน้อย
ไม่ว่ายังไง อาหารเช้าที่เธอทำ เฟิงเฉินก็กินจนหมดแล้ว
……
หลังเลิกงานในช่วงบ่าย เหลียงซินเวยก็รีบตรงกลับบ้าน
เสียงที่ดังมาตามสาย ก็เดาได้ว่าเธอตกใจมากแค่ไหน ฟางยู่เชินอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ใช่แล้ว ผมมาที่นี่เพื่อขอให้คุณเป็นคู่ควงออกงานของผม”
ที่สำคัญที่สุด คืนนี้อาจมีเรื่องอื่นเกิดขึ้น ดังนั้นเขาต้องเตรียมตัวล่วงหน้า
เขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอ
อีกฝั่งของโทรศัพท์เงียบงัน ฟางยู่เชินจึงเลิกคิ้วขึ้น “คุณไม่เต็มใจเหรอ”
“ฉันเต็มใจสิคะ” เหลียงซินเวยตอบอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเธอถึงรู้ว่าตัวเองตอบเร็วเกินไป จึงรีบอธิบายเพิ่มเติม “ได้เป็นคู่ควงออกงานของพี่ ถือเป็นเกียรติสำหรับฉันมากค่ะ”
ฟางยู่เชินอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “เวยเวย ทำไมคุณถึงน่ารักขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องพูดสุภาพขนาดนี้ก็ได้ครับ”
เสียงหัวเราะอันอบอุ่นส่งผ่านมาตามสายเข้าไปในหูของเธอ เหมือนกับก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในใจกลางทะเลสาบ ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่น
นี่เขาชมว่าเธอน่ารักอย่างนั้นเหรอ
เธอรีบยกมือขึ้นปิดใบหน้าที่ร้อนผ่าว ก่อนจะพูดว่า “ฉันพูดสุภาพตรงไหนกันคะ”
“ผมไปรับคุณได้ไหม” ฟางยู่เชินถามอย่างไม่มั่นใจ
เขาอุตส่าห์พูดถึงบนาดนี้แล้ว ถ้าเธอปฏิเสธอีกครั้ง มันคงจะดูไม่ดี
“ค่ะ ฉันจะรอนะคะ”
ฟางยู่เชินยกยิ้ม “ผมจะรีบไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยครับ”
หลังจากวางสาย เหลียงซินเวยก็นั่งลงบนโซฟา แล้วอดที่จะยิ้มออกมาอย่างดีใจไม่ได้
เธออยากเดินเข้างานเลี้ยงกับคนที่เธอชอบ และเข้าไปในฐานะคู่ควงออกงานของเขา
แต่ว่า เธอนึกถึงสิ่งที่สำคัญขึ้นมาได้
คืนนี้ตอนที่เธอขึ้นไปพูดบนเวที เขาจะต้องเห็นด้วย
พระเจ้า
ก่อนหน้านี้เธออุตส่าห์ไม่รู้สึกประหม่าไปแล้วนะ แต่ตอนนี้ต้องรู้สึกประหม่าขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่ได้นะ เธอจะต้องท่องคำพูดที่จะขึ้นพูดให้ขึ้นใจ ไม่อย่างนั้นไปทำเรื่องขายหน้าบนเวทีต้องแย่แน่ๆ
คนอื่นเธอไม่คิดอะไรมาก แต่เธอไม่อยากทำอะไรขายหน้าต่อหน้าเขา
พอคิดได้แบบนี้ เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดต้นฉบับที่เธอเขียนไว้ออกมา แล้วเริ่มท่องจำมันอย่างจริงจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!