ฟางยู่เชินจอดรถไว้ที่หน้าประตูหมู่บ้านจัดสรร แล้วกดโทรหาเหลียงซินเวย
“ผมจอดรออยู่ที่หน้าประตูหมู่บ้านครับ ออกมาได้เลย”
อีกฝ่ายตอบกลับแค่ “ได้ค่ะ” แล้วกดวางสายไป
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ร่างของเหลียงซินเวยก็ปรากฏขึ้นที่ประตูหน้าหมู่บ้าน
ฟางยู่เชินเห็นเธอวิ่งหอบออกมา มุมปากของเขาก็ยกสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเขาก็อ่อนโยนมากด้วย
“ขอโทษนะคะ ที่ให้ต้องรอ” เหลียงซินเวยขึ้นมานั่งบนรถ แล้วหอบเล็กน้อย
“ที่จริงแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องรีบร้อนก็ได้” ฟางยู่เชินยิ้มให้เธอ แล้วสตาร์ทรถขับออกไปอย่างไม่รีบร้อน
ระหว่างทางไปงานเลี้ยง เหลียงซินเวยถือโทรศัพท์ขึ้นมา
แล้วท่องจำบทความที่จะพูด สีหน้าของเธอจริงจังมาก
ฟางยู่เชินหันไปมองโทรศัพท์ในมือของเธออย่างสงสัย จึงเห็นว่ามันเต็มไปด้วยตัวหนังสือ
“นี่อะไรครับ” เขาเอ่ยถาม
เหลียงซินเวยหันไปมองเขา แล้วยิ้มบาง “เป็นบทความค่ะ คืนนี้ฉันต้องขึ้นไปพูดบนเวทีในนามของร้านอาหาร”
พอพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็เบ้ปาก แล้วพูดด้วยความกังวล “ฉันกลัวว่าถึงเวลาฉันจะตื่นเต้นมากเกินไป จนทำเรื่องขายหน้าออกไป”
“งั้นก็ทำใจให้สบาย คุณแค่คิดว่าผู้คนด้านล่างเป็นหัวไชเท้า เป็นผักกาดขาว คุณก็จะไม่ประหม่าแล้ว”
“อุ๊บส์“
เหลียงซินเวยหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว “พี่ฟางคะ ทำไมคุณถึงตลกขนาดนี้”
เขาคิดว่าคนอื่นเป็นหัวไชเท้าเป็นผักกาดขาวได้ยังไงกัน
“ผมเห็นในโทรทัศน์ ถ้าคุณประหม่าก็ลองทำดู บางทีมันอาจจะใช้ได้ผล”
เขาพูดแนะนำเธอด้วยความจริงใจ ดังนั้นเหลียงซินเวยจึงหยุดยิ้ม แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง “ได้ค่ะ ฉันจะลองเอาไปทำดู”
……
งานเลี้ยงฉลองครบรอบห้างสรรพสินค้าของตระกูลเย่ เป็นวันที่เย่เสี่ยวอี้เฝ้ารอคอยมานาน เธอจึงไปเข้าร้านเสริมสวยตั้งแต่เช้า
เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าเธอให้ความสำคัญกับงานเลี้ยงคืนนี้มากแค่ไหน
เธอที่แต่งหน้าแต่งตัวมาอย่างดีเดินทางมาที่โรงแรมตั้งแต่เช้า เพื่อรอต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน
พอเธอเห็นฟางยู่เชินกับเหลียงซินเวยปรากฏตัวที่ปลายอีกด้านของพรมแดง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
ผู้หญิงคนนั้นมากับยู่เชินได้ยังไงกัน
ความโกรธและความหึงหวงพุ่งเข้ามาในหัวใจของเธอ เธอเมินเฉยต่อแขกรับเชิญ รีบดึงชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินตรงไปหาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหลียงซินเวยได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ แต่เธอก็ยังอดที่จะประหม่าไม่ได้
พอรู้สึกถึงความประหม่าของเธอ ฟางยู่เชินจึงจับมือเธอมาคล้องแขนเขาไว้
เหลียงซินเวยหันหน้าไป ดวงตาโตที่งดงามจ้องมองเขาด้วยแววตาสงสัย
“ไม่ต้องประหม่า ผมอยู่ตรงนี้”
ไม่รู้ว่าเธอรู้สึกไปเองหรือเปล่า ว่าคืนนี้เขาดูอ่อนโยนมากจริงๆ อ่อนโยนจนทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว
เหลียงซินเวยกลัวว่าเธอจะตกอยู่ในภวังค์ความอ่อนโยนของเขาจนไม่สามารถออกมาได้ เธอจึงได้แต่แอบบอกกับตัวเองว่าอย่าคิดมาก เขาแค่อยากช่วยตัวเองเท่านั้น
เธอหายใจเข้าลึกๆ แล้วยืดคางขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเดินคล้องแขนเขาไปบนพรมแดงทีละก้าว
“ยู่เชินคะ”
ลมหอมพัดโชยมา ก่อนที่จะมองเห็นคนคนนั้นได้ชัดเจน เหลียงซินเวยก็ถูกผลักออกไปอย่างแรง
เธอที่สวมรองเท้าส้นสูงอยู่ สูญเสียความสมดุล จนล้มตัวไปข้างหลัง
“เวยเวย” ฟางยู่เชินเรียกด้วยความตกใจ ตั้งใจจะเอื้อมมือไปคว้าเธอไว้ แต่เขาถูกโอบเอวไว้แน่น จนขยับไม่ได้
แย่แล้ว!
ทำเรื่องน่าขายหน้าขึ้นจนได้
เหลียงซินเวยหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม
ในขณะที่เธอกำลังคิดว่าเธอจะต้องล้มลงกับพื้นอย่างแรง ท่อนแขนที่แข็งแกร่งก็โอบที่เอวของเธอไว้
เธอรู้สึกหมุนเคว้ง
พอเธอลืมตาขึ้นมา จึงสบตาเข้ากับดวงตาที่เป็นกังวลคู่หนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!