นับตั้งแต่คราวก่อนที่เย่เสี่ยวอี้มาก่อเรื่องที่ร้าน จนถึงตอนนี้ เหลียงซินเวยพักผ่อนมาได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เดิมทีเธอนึกว่าน่าจะได้รับสายจากผู้จัดการที่โทรมาบอกให้เธอกลับไปทำงานต่อโดยเร็ว
แม้จะได้รับโทรศัพท์แล้ว แต่ไม่ได้ให้เธอกลับไปทำงานต่อ
"เวยเวย นี่เป็นการตัดสินใจของสำนักงานใหญ่ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ "
น้ำเสียงที่จนปัญญาของผู้จัดการดังออกมาจากมือถือ
เหลียงซินเวยฝืนดึงมุมปากที่ตกลง "ทำไมล่ะคะ? ทำไมต้องไล่ฉันออก? เป็นเพราะเรื่องคราวก่อนอย่างนั้นเหรอคะ?"
"ฉันพูดตามตรงแล้วกัน เป็นเพราะเรื่องคราวก่อนจริง ๆ เหตุผลที่สำนักงานใหญ่ให้คือเขาไม่ต้องการพนักงานที่มีปัญหาด้านบุคลิกภาพมาทำงาน"
"มีปัญหาด้านบุคลิกภาพเหรอ?" เหลียงซินเวยนึกว่าตัวเองฟังผิดไป "ฉันทำงานที่ร้านอาหารหลายปีแล้ว ฉันเป็นคนยังไง ไม่มีใครรู้ดีไปมากกว่าคุณแล้วผู้จัดการ"
"ฉันเชื่อเธอแน่นอน แต่ไม่ว่าฉันจะอธิบายยังไง สำนักงานใหญ่ก็ยืนกรานจะไล่เธอออกอยู่ดี"
"ฉันยอมรับไม่ได้" เหลียงซินเวยเอ่ย
ผู้จัดการทอดถอนหายใจ "ฉันจะพยายามแทนเธอต่อไป เธอรอข่าวคราวจากฉันล่ะ"
พอได้ยินผู้จัดการพูดขนาดนี้ ในใจเหลียงซินเวยก็รู้สึกเกรงใจมาก "ขอโทษค่ะ ผู้จัดการ ทำให้คุณลำบากจนได้"
"ไม่ลำบากลำบนหรอก ฉันก็หวังให้เธอได้อยู่ต่อไปนะ"
ทั้งสองคนพูดคุยอย่างเรียบง่ายไม่กี่ประโยค แล้วจึงวางสายโทรศัพท์ไป
เหลียงซินเวยยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดปกติ ตอนที่เรื่องเพิ่งเกิด สำนักงานใหญ่ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ทำไมกลับให้ตัวเองพักงานไปพักผ่อนช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วสำนักงานใหญ่เพิ่งจะมาออกผลการลงโทษล่ะ?
พอคิดว่าตัวเองอาจจะต้องสูญเสียงานไป ในใจเธอก็กระสับกระส่ายเป็นพัก ๆ
เดี๋ยวก็ใกล้จะต้องจ่ายค่าเรียนเทอมถัดไปของคลาสเรียนตามความสนใจของอานอานแล้ว ถ้าหากตัวเองเสียงานไปอีก ถึงตอนนั้นเธอกับอานอานคงไม่มีอันจะกินแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอจะต้องรักษางานเอาไว้ให้ได้
ทว่าสภาพความเป็นจริงนั้นโหดร้าย ไม่นานผู้จัดการก็โทรมาหาเธอ
"เวยเวย ขอโทษนะ สำนักงานใหญ่ยังยืนกรานจะไล่เธอออกอยู่ดี แต่ว่าเธอวางใจได้ ฉันจะช่วยแนะนำงานใหม่ให้เธอเอง"
เหลียงซินเวยรู้ว่าผู้จัดการได้พยายามสุดความสามารถแล้ว เธอเองก็จะไปรบกวนเขาไม่ได้อีก "ขอบคุณค่ะผู้จัดการ"
"เธอพักผ่อนไปอีกสองสามวัน มีงานแล้วฉันจะติดต่อหาเธอ"
"ค่ะ"
หลังจากวางสายโทรศัพท์ เหลียงซินเวยล้มตัวนั่งลงบนโซฟาด้วยจิตใจห่อเหี่ยว
ไม่มีงานแล้วจริง ๆ
ยังไม่ทันได้คิดต่อ จู่ ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้น
เป็นส้งหร่านที่โทรมา
เธอรับสาย "ฮัลโหล"
"เวยเวย ได้ยินมาว่าเธอโดนไล่ออกแล้ว จริงหรือเปล่า?" น้ำเสียงร้อนใจของส้งหร่านดังขึ้นจากมือถือ
เหลียงซินเวยส่งเสียง "อืม" เบา ๆ
"ต่ำช้า ไล่เธอออกจริง ๆ ด้วยเหรอเนี่ย"
เหลียงซินเวยสูดลมหายใจลึก แล้วยิ้มเย้ยหยันตัวเอง "ที่จริงฉันควรจะคิดได้แต่แรกว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้"
"เธอคิดได้ก็สุดยอดแล้วล่ะ"
น้ำเสียงของส้งหร่านฟังดูเหมือนจะโกรธมาก
เหลียงซินเวยเผลอยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ "เป็นฉันที่ถูกไล่ออก เธอโกรธอะไรด้วยล่ะ?"
"ฉันจะไม่โกรธได้ยังไง? เธอรู้ไหมว่าทำไมเธอถึงโดนไล่ออก? เป็นเพราะมีคนไปแจ้งให้ผู้นำสำนักงานใหญ่รู้"
เหลียงซินเวยขมวดคิ้ว "ใคร?"
"ฉันก็แค่ได้ยินมา เธอฟังแล้วอย่าตื่นตระหนกล่ะ" ส้งหร่านเตือนเธอไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะเอ่ยถึงบุคคลนั้น
"เธอพูดมาเถอะ" เหลียงซินเวยพอจะเดาได้ว่าเป็นใคร
นอกจากเย่เสี่ยวอี้ จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ?
"ได้ยินมาว่าเป็นคนตระกูลฟาง"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!