เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงสื้อสื้อจึงโล่งอก คล้ายกับว่าขอเพียงแค่มีเขาอยู่ ปัญหายุ่งยากอะไรล้วนสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
แต่เมื่อคิดดู เขาแบกรับบริษัทใหญ่ขนาดนี้เอาไว้ตัวคนเดียว เรื่องแบบนี้จะต้องพบเจอมาไม่น้อยแน่นอน
เจียงสื้อสื้อคิดแล้วก็สงสาร
จิ้นเฟิงเฉินมองออกถึงความรู้สึกของเจียงสื้อสื้อ จึงส่งสายตาให้กับจิ้นเฟิงเหราเป็นสัญญาณให้เขาออกไป
จิ้นเฟิงเหรารีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว จิ้นเฟิงเฉินเดินมาด้านหน้าเจียงสื้อสื้อ โอบกอดเธอเอาไว้แล้วปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องกังวลแล้ว จะไม่มีเรื่องอะไร ผมเห็นด้วยที่จะให้คุณมาที่บริษัท หลักๆก็คือเป็นห่วงว่าคุณอยู่ที่บ้านแล้วจะเบื่อ ไม่ได้ต้องการให้คุณลำบากมากขึ้น คุณหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนี้ ผมไม่ชอบ"
เจียงสื้อสื้ออิงแอบอยู่ในอ้อมแขนเขา เอ่ยเสียงเบาว่า "ก่อนหน้านี้รู้สึกว่าคุณทำงานอย่างลำบาก นึกเพียงว่าคุณแค่เหนื่อย......."
เธอหยุดชะงักไป "แต่ตั้งแต่ที่ฉันมาทำงานที่บริษัท ถึงได้รับรู้ถึงความลำบากและความยากของคุณจริงๆ"
"ความจริงแล้วสำหรับผมการทำงานไม่ใช่เรื่องลำบาก" จิ้นเฟิงเฉินเอ่ย
จะพูดให้ถูกต้องแม่นยำกว่าเดิมก็เพื่อครอบครัว ความลำบากของเขานั้นคุ้มค่า
เจียงสื้อสื้อเงยหน้า สายตาตกลงบนคางสะอาดของเขา เอ่ยว่า "เฟิงเฉิน ฉันอยากจะช่วยแบ่งเบาความรับผิดชอบแทนคุณบ้างจริงๆนะคะ ไม่อยากให้คุณลำบากขนาดนี้"
จิ้นเฟิงเฉินหลุบตาลง มองเข้าไปในนัยน์ตาใสสะอาดของเธอ มุมปากก็ยกขึ้นแย้มรอยยิ้มบางๆ "ขอเพียงแค่คุณอยู่ข้างกายผมก็มากพอแล้ว"
เอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็กระชับอ้อมแขนที่กอดเธอเอาไว้แน่น เอ่ยต่อว่า "ดังนั้นเป็นเด็กดีนะ ไม่ต้องเป็นกังวลมากขนาดนั้น"
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า "ค่ะ"
แม้ว่าจะเอ่ยรับปากแล้ว แต่ในใจก็ยังคงเป็นกังวลอยู่บ้าง
เธอลอบถอนหายใจในใจเงียบๆ ขอให้ถึงตอนนั้นเรื่องราวไม่ยุ่งยากเกินไป
......
เลิกงานตอนเย็นกลับมาถึงบ้าน เมื่อเจียงสื้อสื้อเข้าไปในบ้าน ขาสั้นป้อมของเถียนเถียนก็วิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
"หม่ามี๊!" เสียงอ่อนวัยของเด็กน้อยที่ทำให้หัวใจคนละลายดังขึ้น
เธอโค้งตัวลงไปอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ถามยิ้มๆว่า "ทำไมวันนี้ถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้กันจ๊ะ?"
"วันนี้คุณครูให้ดอกคำฝอยเป็นรางวัลหนึ่งดอกค่ะ" เถียนเถียนชี้มาที่ดอกคำฝอยเล็กๆดอกหนึ่งที่ติดอยู่บนหน้าอกตัวเอง
เจียงสื้อสื้อเผยสีหน้ายินดีออกมาอย่างให้ความร่วมมือ "ว้าว เถียนเถียนของพวกเราเก่งที่สุดเลยจ้ะ"
เมื่อได้รับคำชมเชย เถียนเถียนก็กอดคอเธอเอาไว้อย่างอารมณ์ดีแล้วแนบริมฝีปากหอมแก้มเธอไปหนึ่งครั้ง
เจียงสื้อสื้อหอมแก้มเธอเบาๆ หลังจากนั้นก็เหลือบมองไปทางเสี่ยวเป่าที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
เห็นเพียงแค่เขาเอามือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง เมื่อสบตาเข้ากับเธอก็รีบเบนสายตาหนีทันที
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว เด็กคนนี้เป็นอะไรไปนะ ทำไมถึงรู้สึกว่าทำความผิดอะไรมาจึงไม่กล้ามองเธอกัน?
เธอวางเถียนเถียนลงแล้วเดินไปหาเสี่ยวเป่า จากนั้นก็ย่อตัวลงมองเขา "เสี่ยวเป่า ลูกเป็นอะไรไปหรือจ๊ะ"
เสี่ยวเป่าส่ายหน้า "ไม่มีอะไรครับ"
เจียงสื้อสื้อเม้มริมฝีปาก ถามเสียงอ่อนโยนว่า "เสี่ยวเป่า แม่เป็นหม่ามี๊ ถ้าหากว่าลูกพบเรื่องอะไรมา สามารถบอกหม่ามี๊ได้ โอเคไหมจ๊ะ"
"ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ" เสี่ยวเป่าหันหน้ามา นัยน์ตาสีดำนิลมองตรงมาที่เธอ
เป็นแววตาที่เยือกเย็นมาก
เจียงสื้อสื้อยิ้มน้อยๆ "อย่างนั้นก็ดีจ้ะ"
เมื่อกินอาหารเย็นแล้ว เจียงสื้อสื้อก็พาเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนขึ้นไปชั้นบน
เสี่ยวเป่ากลับมาที่ห้องของตัวเอง เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองแผ่นหลังเล็กๆของเขาเดินเข้าห้องไป
ไม่รู้ว่าตัวเองความรู้สึกไวเกินไปหรือไม่ เธอมักจะรู้สึกว่าเสี่ยวเป่ามีเรื่องหนักอึ้งในใจ
"หม่ามี๊ หม่ามี๊วาดรูปเป็นเพื่อนหนูได้ไหมคะ"
เสียงของเถียนเถียนดึงอารมณ์ความรู้สึกเธอกลับมา เธอก้มหน้า แววตาอ่อนโยนตกลงบนใบหน้าอ่อนเยาว์รูปไข่ของเถียนเถียน มุมปากก็ยกขึ้น "ได้สิจ๊ะ"
แม้ว่าจะวาดรูปเป็นเพื่อนเถียนเถียน แต่ความคิดของเธอยังอยู่ที่เสี่ยวเป่า
เสียงทอดถอนใจหลุดออกมาจากริมฝีปาก เจียงสื้อสื้อลุกขึ้นยืน
เถียนเถียนเงยหน้ามองเธอ "หม่ามี๊ หม่ามี๊เป็นอะไรไปหรือคะ"
"เถียนเถียนเด็กดี หม่ามี๊ไปดูพี่ชายครู่หนึ่งแล้วจะกลับมานะจ๊ะ"
เจียงสื้อสื้อลูบศีรษะเล็กๆของเธอ จากนั้นก็ก้าวเท้ายาวเดินออกจากห้องไป
เธอเดินไปถึงหน้าประตูห้องเสี่ยวเป่า ค่อยๆเปิดประตูเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้องเงียบๆ
เสี่ยวเป่านั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือด้วยท่าทางจริงจังมาก จึงไม่ได้เห็นว่าเธอเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!