สรุปเนื้อหา บทที่ 1413 มีอะไรก็สามารถบอกลุงได้ทุกอย่างเลย – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว
บท บทที่ 1413 มีอะไรก็สามารถบอกลุงได้ทุกอย่างเลย ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
"คุณครูคนนั้นถูกนำตัวส่งไปที่สถานีตำรวจแล้ว"
จิ้นเฟิงเฉินกำลังกอดเธออยู่ก่อนจะกระซิบข้างหูของเธอเบาๆ "ไม่ต้องกังวลไปฉันจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว"
"ฉันเชื่อว่าคุณสามารถจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยได้อย่างแน่นอน แต่ฉันก็ยังโมโหมากๆ " เจียงสื้อสื้อพอคิดถึงว่าเสี่ยวเป่าต้องพบเจอกับอะไรมาบ้างในใจก็รู้สึกเหมือนมีก้อนสำลีเกาะกุมอยู่
รู้สึกแย่จริงๆ
เธอยังอยากที่จะพุ่งเข้าไปหาครูคนนั้น แล้วตะโกนถามเขาว่าทำไมต้องทำแบบนี้กับเด็กคนหนึ่งด้วย
"ไม่ต้องโมโหแล้ว หลังจากนี้ไปเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก" จิ้นเฟิงเฉินรับรองกับเธอ
"มันจะไม่สามารถเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน" เจียงสื้อสื้อสงบความรู้สึกในใจลงได้แล้วก็พูดว่า "หลังจากนี้ ถ้าหากจะหา คุณครูให้เสี่ยวเป่า หรือเถียนเถียน จะต้องตรวจสอบ อีกฝ่ายให้แน่ชัดก่อนว่าการปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นของอีกฝ่ายเป็นยังไง"
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม "ฉันรู้แล้ว"
เจียงสื้อสื้อไว้ใจเขา ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า "เสี่ยวเป่านี่จะรู้ความมากเกินไปแล้ว เจอเรื่องแบบนี้แล้วยังไม่ยอมบอกพวกเราอีก ต้องมาทนรับเรื่องนี้คนเดียวเงียบๆ มัน…." พูดถึงตรงนี้ ตาของเธอก็เริ่มเดินขึ้น
"เฟิงเฉิน ฉันละเลยเสี่ยวเป่ามากเกินไปหรือเปล่า?"
เฟิงเฉินหัวเราะออกมาเบาๆ "ไม่หรอกเสี่ยวเป่าเองก็รู้ความตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว แล้วยังเป็นเด็กที่เข้มแข็งและแน่วแน่ เขาจะทำแบบนี้ฉันเองก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่"
เจียงสื้อสื้อหลับตาลง ก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้ "ไม่รู้จริงๆ นะเนี่ยว่าแท้จริงแล้ว การเป็นคนที่รู้ความนั้นเป็นเรื่องไม่ดี" เธอยอมให้เขาร้องไห้กลับบ้านมา แล้วมาร้องไห้โวยวายกับผู้ใหญ่แล้วฟ้องว่ามีคนรังแกเขา จะดีซะกว่าอีก
"พอแล้ว อย่าคิดมาก พักผ่อนเร็วขึ้นสักหน่อย พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก" จิ้นเฟิงเฉินปล่อยเธออย่างนิ่มนวล
เจียงสื้อสื้อส่งเสียง "อืม" ออกมาเบาๆ หลังจากนั้นก็เอนตัวลงนอน
"พักผ่อนเร็วขึ้นสักหน่อย" จิ้นเฟิงเฉิน เอนตัวลงจูบบนหน้าผากของเธอ
"แล้วคุณล่ะ" เจียงสื้อสื้อมองเขา
"ผมยังเหลืองานอยู่อีกนิดหน่อย จัดการเสร็จแล้วค่อยมานอน"
"อย่าหักโหมมากเกินไปนะ"
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า "ราตรีสวัสดิ์"
เขาปิดไฟในห้องเหลือไว้เพียงโคมไฟหัวเตียงที่เปิดอยู่ เจียงสื้อสื้อมองดูเขาออกจากห้องไป แล้วค่อยหลับตาลง อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป จึงหลับไปอย่างรวดเร็ว
จิ้นเฟิงเฉินเพิ่งเข้ามาถึงในห้องหนังสือครู่เดียว จิ้นเฟิงเหราก็เข้ามา
"พี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเสี่ยวเป่า?" จิ้นเฟิงเหราถามออกมาด้วยความกังวล
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบตาขึ้นไปมองเขา แล้วตอบกลับไปว่า "ไม่มีอะไร"
จิ้นเฟิงเหรา จ้องเขาอยู่แป๊บหนึ่ง "พี่ พี่คิดจริงๆ เหรอว่าผมจะเชื่อว่าไม่มีอะไร?"
ทันทีที่เขารู้เรื่อง เขาก็รีบร้อนออกจากบริษัทมา ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ หรือว่าเขากังวลมากเกินไป?
จิ้นเฟิงเฉินไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง "คุณครูสอนไวโอลินของเสี่ยวเป่ามีปัญหาทางจิต ก็เลยลงไม้ลงมือทำร้ายเสี่ยวเป่า"
"ไอ้เวรนั่น!" จิ้นเฟิงเหราสบถออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "ถ้าอย่างนั้นบาดแผลที่อยู่บนตัวของเสี่ยวเป่าก็เป็นฝีมือของมันหมดเลยใช่ไหม?"
"อืม เขาไม่เพียงแต่ทุบตีเสี่ยวเป่า แต่ยังตั้งใจพูดดูถูกเหยียดหยามเสี่ยวเป่าด้วย"
นั่นยิ่งทำให้จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้งถ้าไม่ใช่ว่าเขารู้เรื่องนี้ได้ทันเวลา เรื่องแบบนี้ก็คงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แล้วจิตใจของเสี่ยวเป่าเองก็คงจะต้องมีปัญหาและเปลี่ยนเป็นยิ่งอยู่ยิ่งใช้ความรุนแรงมากขึ้นอย่างแน่นอน
"แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน?" จิ้นเฟิงเหราถาม
"ตอนนี้ส่งไปที่สถานีตำรวจแล้ว"
จิ้นเฟิงเหราฟังแล้ว ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโกรธแล้วพูดว่า "มันยังน้อยไป! ควรจะจัดการเขาสักทีก่อนถึงจะสมควร!" สามารถพูดได้เลยว่าเสี่ยวเป่านั่นเขาเฝ้าดูการเจริญเติบโตมาโดยตลอดทั้งรักและทะนุถนอมราวกับพ่อดูแลลูกอย่างไรอย่างนั้น ตอนนี้กลับถูกคนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งตัว นอกจากเขาจะโกรธแล้วก็ยังปวดใจมากอีกด้วย
"เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?" จิ้นเฟิงเหราถามอย่างเป็นห่วง
"แผลบนตัวล้วนเป็นแผลภายนอกไม่ได้รุนแรงอะไร แต่ว่า......"
พูดถึงตรงนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็หยุดพูดลง
จิ้นเฟิงเหราเห็นว่าเขามีสีหน้ากังวลใจก็รีบถามขึ้นทันที "ทำไมเหรอ หรือว่ามีปัญหาอย่างอื่น"
"ฉันกังวลเกี่ยวกับสภาพจิตใจของเสี่ยวเป่า" จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว "เขาเลือกที่จะปิดบังพวกเรา ก็เพียงแค่ต้องการพึ่งพาความสามารถของตนเองในการเอาชนะคุณครูคนนั้นก็เท่านั้น"
จิ้นเฟิงเหรายิ้มออกมา "สมเป็นคนตระกูลจิ้นอย่างแท้จริง ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็จะไม่ยอมแพ้"
"โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันรอตรงนี้แป๊บหนึ่ง แล้วเดี๋ยวค่อยไป" จิ้นเฟิงเหราพูดออกมาอย่างโกรธเคือง
หลังจากนั้น เขาก็ก้มหัวลงไปมองเสี่ยวเป่า "เสี่ยวเป่า แด๊ดดี้ของหนูมอบหมายหน้าที่นี้มาแล้ว ตอนที่หนูเข้ารับการรักษากับลุงเซิ่นจะต้องเป็นเด็กดีนะ รู้ไหม?"
เสี่ยวเป่าพยักหน้า "รู้แล้วครับ"
จิ้นเฟิงเหรายิ้ม แล้วบีบแก้มเสี่ยวเป่าไปมา "อาหวังว่าเสี่ยวเป่าจะกลับมามีสุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิมไวๆ นะ"
"นายวางใจเถอะ การรักษาบำบัดกับฉัน เสี่ยวเป่าจะต้องกลับมาสุขภาพแข็งแรงดังเดิมได้อย่างรวดเร็ว" เซิ่นมู่ป๋ายว่าพลางยักไหล่
"รบกวนนายแล้ว" จิ้นเฟิงเหรา หันหน้าไปยิ้มให้กับเขา
"เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ"
"ถ้าอย่างนั้น ฉันไปแล้วนะ" จิ้นเฟิงเหราหันไปโบกมือให้กับพวกเขาก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป
"เสี่ยวเป่าพวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ" เซิ่นมู่ป๋ายยื่นมือไปหาเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นมือออกไปจับมือของเขา ก่อนจะโดนเขาจูงเข้าไปด้านใน
เซิ่นมู่ป๋ายพาเขาเดินเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง
"นั่งสิ" เซิ่นมู่ป๋ายบอกให้เสี่ยวเป่านั่งลงบนโซฟา
หลังจากนั้นก็หยิบเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง แล้วนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามของเสี่ยวเป่า โดยในการรักษาใบหน้าอันหล่อเหลาก็ปกคลุมไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะผ่อนคลาย อาการตึงเครียดของตนเอง
"แด๊ดดี้ของหนูบอกลุงหมดแล้ว" เซิ่นมู่ป๋ายเอ่ยปากบอก
มือทั้งสองข้างของเสี่ยวเป่ากำเข้าหากัน ดูแล้วมีความกังวลนิดหน่อย
เห็นแบบนี้แล้ว เซิ่นมู่ป๋ายก็พูดปลอบไปว่า "ไม่ต้องกังวล ก็สมมติเอาว่าลุงเป็นเพื่อนของนายคนหนึ่งแล้วกัน นายมีอะไรก็สามารถบอกลุงได้ทั้งหมดเลย"
เสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตาแสดงออกถึงความลังเลเล็กน้อย
"ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ลุงคือเพื่อนของนาย เป็นเพื่อนที่รู้ใจ" ประโยคนี้ของเซิ่นมู่ป๋ายทำให้ความกังวลในใจของเสี่ยวเป่าค่อยๆ ลดลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!