ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 1455

สรุปบท บทที่ 1455 ตีคนนั้นเป็นเรื่องไม่ควร: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปเนื้อหา บทที่ 1455 ตีคนนั้นเป็นเรื่องไม่ควร – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บท บทที่ 1455 ตีคนนั้นเป็นเรื่องไม่ควร ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

จิ้นกรุ๊ปปกคลุมด้วยความกดดันบรรยากาศตึงเครียด พนักงานที่เกี่ยวข้องต่างยอมรับให้การสอบสวน

แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ พนักงานแต่ละคนล้วนไม่มีความผิดปกติ

ได้ยินผลรายงานนี้ จิ้นเฟิงเฉินเงียบอยู่สักพัก ถึงได้กล่าวด้วยเสียงเคร่งขรึม:"การรักษาความปลอดภัยของบริษัทแต่ไหนแต่ไรมาเข้มงวดมาก ไม่มีทางที่จะเป็นบุคคลภายนอกอย่างแน่นอน"

"คุณชายครับ ต้องการจะให้สอบสวนอีกครั้งไหมครับ หรือบางทีอาจมีตรงไหนที่ขาดตกไป" กู้เนี่ยนกล่าวถาม

จิ้นเฟิงเฉินลืมตาขึ้น คู่แววตานิ่งขรึมดุจทะเลลึก ไม่มีความตื่นตระหนก ทำให้คนรู้สึกราวกับว่าจิ้นกรุ๊ปไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โตเกิดขึ้น

"ทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง" จิ้นเฟิงเฉินกล่าว

กู้เนี่ยนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งได้ถามขึ้น :"บุคลากรหลักของโครงการยังต้องสอบสวนอีกครั้งไหมครับ"

"กู้เนี่ยน นายติดตามผมมากี่ปีแล้ว" จิ้นเฟิงเฉินไม่ตอบแต่กลับถามย้อนกลับ

กู้เนี่ยนรีบพยักหน้า "ผมทราบแล้วครับว่าต้องทำอย่างไร"

ข้อต่อนิ้วมือของจิ้นเฟิงเฉินที่เห็นได้อย่างชัดเจนเคาะบนโต๊ะเบาๆ แววตากะพริบความเย็นเยียบ ริมฝีปากเปิดขึ้น:"จัดคนคอยไปเฝ้าคนเหล่านั้นไว้ให้ดี ตอนนี้พวกเขาคือคนที่น่าสงสัยที่สุด"

"ครับ!"

กู้เนี่ยนรับคำสั่งเสร็จก็จากไป

ตอนกลางคืน จิ้นเฟิงเฉินกว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว

พ่อจิ้นแม่จิ้นที่นอนไม่หลับ กำลังนั่งรอเขา

"พ่อครับแม่ครับ ขอโทษที่ทำให้พวกท่านเป็นห่วง" เห็นกิริยาท่าทางที่เป็นห่วงของคุณพ่อคุณแม่แม่ จิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกผิดในใจ

ต่อให้เขาจะความจำเสื่อม พ่อกับแม่ก็ไม่เคยตำหนิสักคำ ยังวางใจมอบบริษัทให้เขาดูแล

แต่ว่าตอนนี้เกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ เขาทำให้พวกท่านผิดหวังกับความคาดหวังที่มีต่อตัวเอง

"เด็กโง่ ขอโทษอะไรกัน" แม่จิ้นมองเขาด้วยความรักและจนปัญญา จากนั้นกล่าวปลอบโยน: "อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป เมื่อเจอกับปัญหา พวกเราก็แก้ปัญหา"

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า มุมปากยกยิ้มจางๆ "รู้แล้วครับแม่"

"ต้องการให้พ่อช่วยไหม" พ่อจิ้นถาม

ตั้งแต่ที่มอบจิ้นกรุ๊ปให้พี่น้องอย่างพวกเขาดูแล น้อยมากที่พ่อจิ้นจะถามเรื่องเกี่ยวกับบริษัท

แต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง เขากลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินจะถูกเหล่าผู้ถือหุ้นส่วนหาเรื่อง

"พ่อ ผมสามารถจัดการได้ครับ"

พ่อจิ้นตบที่ไหล่ของเขาแล้วกล่าว "พ่อเชื่อมั่นใจตัวลูกอย่างแน่นอน เพียงแต่กลัวว่าลูกกับเฟิงเหราจะเหนื่อยกันมากเกินไป จึงอยากจะช่วยลูกแบ่งเบาสักหน่อย"

"พ่อ น้ำใจของพ่อพวกผมจะรับไว้ แต่ว่าเรื่องครั้งนี้ไม่ต้องถึงมือพ่อ ไม่ต้องให้พ่อที่เป็นช้างมาจับตั๊กแตนตัวเล็กๆ หรอก" จิ้นเฟิงเฉินยิ้มหยอกเย้า

พ่อจิ้นมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ "นี่ลูกกำลังประชดพ่อเหรอ"

"เปล่าครับ" จิ้นเฟิงเฉินหุบยิ้มขึ้นแล้วกล่าวอย่างจริงจัง: "พ่อครับแม่ครับ โปรดจงเชื่อมั่นใจตัวผม ผมจัดการได้ครับ"

พ่อจิ้นสบตากับแม่จิ้น เห็นทีตอนนี้พวกเขาคงกังวลมากเกินไป ต่อให้เขาจะความจำเสื่อม เขาก็ยังเป็นคนเดิมที่เฉียบขาดฉับไว

ลูกชายสุดภูมิใจของพวกเขา

"เฟิงเฉิน พ่อกับแม่เชื่อมั่นในตัวลูกตลอด" แม่จิ้นกุมมือของเขาไว้แน่น

จิ้นเฟิงเฉินกล่าวอย่างตั้งใจ :"ขอบคุณครับ"

เมื่อกล่าว"ราตรีสวัสดิ์"กับบิดามารดาแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ขึ้นบนตึกตรงไปที่ห้องนอน

เจียงสื้อสื้อนั่งพิงหลับอยู่บนหัวเตียง

เห็นดังนั้น ใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินยิ้มทั้งรักใคร่เอ็นดูทั้งเพลียจิต เชื่อเธอเลยจริงๆ ท่าแบบนี้ยังนอนหลับได้

เขาเดินเข้าไปแล้วเรียกเบาๆ :"สื้อสื้อ"

เจียงสื้อสื้อสะลึมสะลือได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เฟิงเฉิน......

เธอลืมตาขึ้น ใบหน้าที่คุ้นเคยลอดผ่านเข้ามาในดวงตา

"เฟิงเฉิน" เธอลุกขึ้นนั่ง ยกมือปิดปากที่กำลังหาว

เจียงสื้อสื้อนอนลงอย่างเชื่อฟัง ไม่นานก็หลับใหลไป

จิ้นเฟิงเฉินคลุมผ้าห่มให้เธอก่อนที่จะลุกขึ้นไปที่ห้องอาบน้ำ

......

สองวันติดต่อกันที่คนภายนอกต่างวิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นกับจิ้นกรุ๊ปกันอย่างเมามัน มีผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจบางคนคาดการณ์ว่าความเสียหายของจิ้นกรุ๊ปนั้นมากถึงหนึ่งพันล้าน

อย่างแรกจิ้นกรุ๊ปไม่สามารถให้คำอธิบายแก่ฝ่ายที่ร่วมมือในโครงการ ในกรณีร้ายแรงอาจต้องจ่ายชดใช้ค่าเสียหาย อย่างที่สองเงินที่ลงทุนไปกับการวิจัยพัฒนาโครงการ เท่ากับเป็นการลงทุนให้คนอื่น

เมื่อรวมๆ กันแล้ว ความเสียหายอาจไม่เพียงเท่านี้

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา จิ้นเฟิงเหรายุ่งจนหัวหมุนอย่างกับลูกข่าง

เขาพลางปลอบผู้ร่วมโครงการ พลางคิดหาวิธีที่ทำให้ความเสียหายน้อยที่สุด

สุดท้ายเขาทนไม่ไหว จึงวิ่งไปที่ห้องทำงานของประธาน

"พี่ ถ้าจับหนอนบ่อนไส้ได้ ผมจะต้อง......จะต้องตีเขาสักยกให้เข็ดหลาบ! ช่างชั่วช้าขาดคุณธรรมเกินไปแล้ว กล้าทรยศบริษัท!" จิ้นเฟิงเหรากล่าวด้วยความโมโห

"การตีคนนั้นเป็นเรื่องไม่ควร"

คำพูดเย็นชาของจิ้นเฟิงเฉินลอยเข้ามา จิ้นเฟิงเหราจึงเหมือนกับลูกบอลที่ลมรั่ว ห่อเหี่ยว

"พี่ พี่ว่าปกติพวกเราก็ปฏิบัติดีต่อพนักงานเป็นอย่างดี ทำไมเรื่องเฮงซวยแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นกับพวกเราล่ะ"

จิ้นเฟิงเหราคิดไม่ออกว่าทำไมถึงมีพนักงานเลือกที่จะทรยศบริษัท

"ผลประโยชน์"

คำสั้นๆ ของจิ้นเฟิงเฉินได้อธิบายทุกอย่าง

จิ้นเฟิงเหราเม้มปาก "หรือว่าผลประโยชน์นั้นสำคัญกว่าเกียรติและศักดิ์ศรีเหรอ"

นี่คือการรั่วไหลความลับทางการค้า หากว่าถูกจับได้ จะต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย

คนที่เลือกเดินทางเสี่ยง น้อยนักที่จะหนีได้พ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!