ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 1456

สรุปบท บทที่ 1456 รู้หน้าไม่รู้ใจ: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

อ่านสรุป บทที่ 1456 รู้หน้าไม่รู้ใจ จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บทที่ บทที่ 1456 รู้หน้าไม่รู้ใจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

"ผลประโยชน์สำหรับใครบางคน บางทีอาจสำคัญกว่าชีวิต"

ทันทีที่เสียงของจิ้นเฟิงเฉินสิ้นสุดลง ประตูห้องก็ถูกคนผลักเปิด กู้เนี่ยนเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน

"คุณชายครับ เจอตัวแล้ว"

จิ้นเฟิงเหราได้ยินดังนั้น จึงถามด้วยความตื่นเต้น :"เจอตัวหนอนบ่อนไส้แล้วเหรอ"

กู้เนี่ยนหันไปมองเขา "พบเพียงสถานการณ์ที่น่าสงสัย ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบุคคลนั้นคือหนอนบ่อนไส้ครับ"

"ใคร" จิ้นเฟิงเฉินกล่าวถาม

"หลี่หมิงเจ๋อ พนักงานแผนกวิจัยและพัฒนา"

"หลี่หมิงเจ๋อ?" จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว "เหมือนผมเคยเห็นเขาสองสามครั้ง ดูเขาเหมือนเป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ดูไม่เหมือนเป็นคนที่จะทรยศบริษัทได้

"คุณชายรองครับ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ"

ในมุมมองของกู้เนี่ยน คนที่ดูซื่อตรง ใช่ว่าจะเป็นคนซื่อสัตย์

จิ้นเฟิงเหราเลิกคิ้ว "เพราะฉะนั้นนายไปได้ข้อมูลอะไรมา"

"หลี่หมิงเจ๋อดูเหมือนเป็นคนซื่อตรงจริง ดูเป็นคนนิสัยดี แต่ว่าพวกท่านอาจนึกไม่ถึงว่าเขาติดหนี้ต่างประเทศหลายสิบล้านและยังกู้เงินที่มีดอกเบี้ยมหาโหด"

"หลายสิบล้านเหรอ!" จิ้นเฟิงเหราตกใจ

แม้แต่จิ้นเฟิงเฉินแววตาก็ประกายความประหลาดใจ

"เขาเป็นแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่ง จะไปติดหนี้มากมายได้อย่างไร" จิ้นเฟิงเหราคิดไม่ตกจริงๆ

"เพราะการพนันครับ" กู้เนี่ยนกล่าว "จากการตรวจสอบ ช่วงนี้หลี่หมิงเจ๋อนั้นติดการพนัน ตอนแรกๆ อาจจะเล่นชนะได้มา คนเรามักจะโลภ เขาต้องการจะชนะเงินให้มากกว่านี้ ยิ่งเล่นจำนวนเงินก็ยิ่งมาก ยิ่งเล่นก็เลยยิ่งเสีย

แม้แต่บ้านของเขาก็ยังเอาไปจำนอง ปัญหาการเงินจึงสั่งสมจนไร้ทางออก เขาถึงได้ไปกู้เงินที่ดอกเบี้ยมหาโหด และเขายังเพิ่งหย่าร้างกับภรรยา ช่วงนี้จึงออกจากบ้านเช้าแล้วกลับดึก

 "โธ่" จิ้นเฟิงเหราส่ายหน้า "การพนันทำร้ายคนจริงๆ "

จากนั้นเขาหันหน้าไปมองจิ้นเฟิงเฉิน "พี่ ตอนนี้แรงจูงใจมีแล้ว เหลือเพียงหลักฐาน"

หลี่หมิงเจ๋อติดหนี้มากขนาดนั้น เพื่อต้องการใช้หนี้ จะต้องยอมเสี่ยงอย่างแน่นอน

เพียงแต่ ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่จะสามารถยยืนยันได้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเขา

"กู้เนี่ยน จับตาดูคนต่อไป มีอะไรก็รายงานให้ผมทราบทันที" จิ้นเฟิงเฉินรับสั่ง

กู้เนี่ยนพยักหน้า "ครับ"

"หากไม่อยากให้คนอื่นรู้ก็อย่าคิดหาทำ" จิ้นเฟิงเหรายิ้มอย่างดูแคลน "เห็นทีแล้วหลี่หมิงเจ๋อคนนี้เป็นคนที่จิตใจแข็งแกร่งมาก ไม่อย่างนั้นภายใต้การสอบสวนถึงสองครั้งของบริษัท กลับไม่เผยพิรุธให้ได้เห็น"

"ถ้าหากว่าไม่แข็งแกร่ง จะทำเรื่องทรยศบริษัทได้อย่างไร" จิ้นเฟิงเฉินยกมือขึ้นกุมขมับ "รอเรื่องนี้จบลง บริษัทคงต้องใส่ใจพนักงานให้มากกว่านี้"

ถ้าหากว่าบริษัทรู้สถานการณ์การติดการพนันของหลี่หมิงเจ๋อก่อน บางทีอาจสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลังได้

"พี่พูดถูก ต้องใส่ใจพนักงานให้มากขึ้น แบบนี้พวกเขาจะได้เชื่อมั่นบริษัทมากกว่านี้ และหลีกเลี่ยงการเกิดเรื่องแบบหลี่หมิงเจ๋อขึ้นอีกครั้ง" จิ้นเฟิงเหรากล่าวอย่างเห็นด้วย

"อย่างนั้นเรื่องนี้ยกให้นายไปจัดการแล้วกัน" จิ้นเฟิงเฉินกล่าว

"อ้าว" จิ้นเฟิงเหราชะงัก "พี่ ผมก็แค่คนคนหนึ่งที่มีเพียงสองมือ จะไปทำเรื่องมากมายอย่างนั้นได้อย่างไร"

"อย่างนั้นจะให้พี่ไปทำเหรอ" จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้ว มองเขาอย่างเรียบนิ่ง

"อย่างนั้นก็ช่างเหอะ" จิ้นเฟิงเหราโบกมือปัด "ใบหน้าเยือกเย็นอย่างกับน้ำแข็งอย่างพี่เนี่ยนะ หากพนักงานไม่รู้คงคิดว่าพี่ไปตำหนิพวกเขาซะอีก"

จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเบาๆ "อย่างนั้นก็ลำบากนายแล้ว"

"ใครใช้ให้ผมเป็นน้องพี่ล่ะ ก็สมควร"

น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเหราถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็ยอมรับเรื่องการไปใส่ใจพนักงาน

......

สองสามวันมานี้ จิ้นเฟิงเฉินทำงานจนดึกดื่นทุกวันกว่าจะกลับบ้าน

มีบางครั้งเมื่อกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาตีหนึ่งตีสอง

ตอนค่ำ จิ้นเฟิงเฉินที่ยากนักกลับบ้านยามอาหารเย็น

เมื่อเข้ามาในบ้าน แม่จิ้นก็หัวเราะแล้วกล่าว :"เฟิงเฉิน นี่ลูกรู้ใช่ไหมว่าสื้อสื้อได้ตุ๋นซุปไว้ให้ ถึงได้กลับบ้านเช้าขนาดนี้"

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว "ทำไมสื้อสื้อ......"

ยังไม่ทันพูดจบ ก็ได้ยินเสียงของแม่จิ้นกล่าว :"สื้อสื้อเป็นห่วงลูก จึงได้ตุ๋นซุปไก่ให้ลูกได้บำรุงร่างกาย"

เจียงสื้อสื้อรู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินกลับมาแล้ว จึงรีบลงมาจากตึก และก็ได้ยินคำพูดของแม่จิ้นพอดี

เธอเดินเข้าไป "เฟิงเฉิน ทานข้าวเถอะ ฉันจะไปตักให้คุณ"

เจียงสื้อสื้อจูงจิ้นเฟิงเฉินเดินไปที่ห้องอาหาร กดเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ "รอฉันนะ"

มองดูเธอเดินเข้าไปในห้องครัวอย่างรวดเร็ว แววตาจิ้นเฟิงเฉินก็อ่อนโยนลงทันใด มุมปากก็ยกเป็นเส้นโค้งขึ้น

ราวกับแค่ได้เห็นเธอ ต่อให้งานจะหนักหาสาหัสเพียงใดก็มลายหายไปในฉับพลัน 

ไม่นาน เจียงสื้อสื้อก็ยกถ้วยซุปไก่ร้อนๆ มาหนึ่งถ้วย ค่อยๆ เดินเข้ามาทางเขา

เขารีบลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าเพื่อต้องการช่วยเธอ

แต่กลับถูกเธอห้ามไว้ "คุณนั่งดีๆ ไม่ต้องช่วยฉัน"

เขาจึงทำได้เพียงหยุดและมองดูเธอยกถ้วยซุปนั้นมาวางบนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าเขา

"ร้อนจังเลย" เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นจับใบหู ยิ้มแล้วกล่าว: "นี่เป็นซุปไก่ที่ตุ๋นทั้งวันด้วยไฟอ่อนๆ รสชาตินั้นฉันได้ชิมแล้ว พอดิบพอดี ไม่เค็มไม่จืดเกินไปและยังสดอีก"

เวลานี้ จิ้นเฟิงเหรากับส้งหวั่นชีงได้เดินเข้ามา

จิ้นเฟิงเหราสูดดมแรงๆ แล้วกล่าวอย่างอิจฉา:"หอมจังเลย"

เขามองจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อแวบหนึ่ง แล้วกล่าวกับส้งหวั่นชีงอย่างน้อยใจว่า:"หวั่นหวั่น เค้าอยากทานซุปไก่บ้าง คุณทำไมไม่ตุ๋นให้เค้าทานบ้าง"

เจียงสื้อสื้อนึกว่าเขาพูดจริงจึงได้เอ่ยเสียงขึ้น :"หวั่นหวั่นตั้งท้องอยู่ จะตุ๋นให้นายได้อย่างไร พี่ตุ๋นเป็นหม้อเลย พี่ชายนายทานคนเดียวไม่หมดหรอก ทุกคนต่างก็มีส่วน"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!