ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 182

สรุปบท บทที่ 182 การตอบรับที่หยาบกร้าน: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอน บทที่ 182 การตอบรับที่หยาบกร้าน จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 182 การตอบรับที่หยาบกร้าน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่เขียนโดย เมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 182 การตอบรับที่หยาบกร้าน

ในคืนนั้นเอง เจียงสื้อสื้อก็ได้ลงมือทำอาหารจัดวางบนโต๊ะอย่างอุดมสมบูรณ์

พอจิ้นเฟิงเฉินเข้ามาเห็นอาหารเต็มโต๊ะแบบนั้น เขาก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมามองเจียงสื้อสื้อแล้วถามขึ้นว่า : “วันนี้เป็นวันดีอะไรงั้นหรือ?”

เจียงสื้อสื้อยิ้ม ก่อนจะพูดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า : “เพิ่งออกจากโรงพยาบาลไม่ใช่หรือคะ? แถมยังขยันวิ่งไปมาที่โรงพยาบาลด้วยบ่อยๆ ก็เลยทำอาหารดีๆ จะได้ขจัดสิ่งชั่วร้ายออกไปยังไงล่ะคะ” พอพูดจบ เธอก็หันไปมองหน้าทั้งพ่อลูกแล้วพูดต่อขึ้นว่า : “ล้างมือก่อนด้วยล่ะ! แล้วก็หากปล่อยไว้นานกว่านี้ อาหารจะเย็นเอานะ”

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไปล้างมือ เสี่ยวเป่าเองก็เดินตามเขาไป

หลังจากล้างมือเสร็จ ทั้งสามคนก็มานั่งล้อมโต๊ะอาหารเอาไว้ อาหารที่เจียงสื้อสื้อทำ ล้วนเป็นของโปรดของเสี่ยวเป่าและจิ้นเฟิงเฉินทั้งนั้น

“อาหารที่น้าสื้อสื้อทำอร่อยมากเลยล่ะครับ” เสี่ยวเป่าเอ่ยปากชม

พอเห็นหนุ่มน้อยทำท่าทางจริงใจแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มพูดขึ้น : “ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆ ล่ะ”

เสี่ยวเป่าผงกหัวรับ “น้าสื้อสื้อต้องอยู่กับผมและแด๊ดดี้ตลอดไปเลยนะครับ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไปหาอาหารอร่อยๆ แบบนี้กินที่ไหนกัน!”

จริงๆ แล้ว จุดสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่การกินข้าวหรอก แค่น้าสื้อสื้อได้อยู่ข้างๆ เขาแบบนี้ไปตลอด แค่นั้นก็พอแล้ว

พอเจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนั้น เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี

เสี่ยวเป่า น้าเองก็อยากจะอยู่ด้วยกันกับเสี่ยวเป่านะ! แต่ว่า...หลังจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเธอเองคงจะไปมาหาสู่กันน้อยลงแล้วล่ะนะ

เสี่ยวเป่าชอบเธอเสียขนาดนี้ จิ้นเฟิงเฉินเองก็เอาใจใส่เธอขนาดนี้ ชั่วขณะที่คิดนั้นเอง ในใจของเจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกระทมขึ้นมา

เขาก้มหน้าก้มตากินข้าว โดยที่ไม่ได้ตอบเสี่ยวเป่าแต่อย่างใด สองพ่อลูกตอนนี้ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยแม้แต่นิด

หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ เสี่ยวเป่าก็มาเล่นเกมส์ด้วยกันกับจิ้นเฟิงเฉิน ส่วนเจียงสื้อสื้อก็เก็บกวาดโต๊ะอาหารให้เรียบร้อย พร้อมด้วยสายตาที่มองไปยังสองพ่อลูกบนโซฟาอยู่บ่อยครั้ง รู้สึกราวกับว่าเป็นความฝันยังไงยังงั้น

พอเสี่ยวเป่าแพ้เกมส์ เขาก็เท้าแก้มก่อนจะวางเครื่องเล่นเกมส์ไว้ข้างๆ

“แด๊ดดี้ เมื่อไหร่ผมจะเก่งเท่ากับแด๊ดดี้สักทีล่ะครับเนี่ย!”

“ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่มีทางหรอกนะลูก”

เสี่ยวเป่า : “......” มันช่างแทงใจเหลือเกิน

“ไม่ๆๆ เสี่ยวเป่าต้องเก่งกว่าแด๊ดดี้ให้ได้ เล่นต่ออีกรอบหนึ่งนะครับ เล่นอีกรอบ”

เจียงสื้อสื้อที่มองดูท่าทางของเสี่ยวเป่าแบบนั้น ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ จิ้นเฟิงเฉินเองก็ไม่ได้เล่นเกมส์กับเสี่ยวเป่าต่อ แต่กลับมาช่วยเจียงสื้อสื้อเก็บจานแทน

“คุณไปเล่นเป็นเพื่อนเสี่ยวเป่าเถอะค่ะ! เดี๋ยวตรงนี้ฉันเก็บเองนะ”

“เกมส์มันน่าเบื่อน่ะ ไม่สนุกเลย” จิ้นเฟิงเฉินตอบ

“ถ้าอย่างนั้นล้างจานล้างชามก็ยิ่งไม่สนุกกว่านะคะ!” เจียงสื้อสื้อล้างชามไปด้วยพลางพูดไปด้วย ขณะที่พูดไปนั้น หูของเธอก็ได้ยินเสียงที่ทุ่มต่ำและน่าหลงใหลของฝ่ายชายขึ้น

“อยู่ด้วยกันกับคุณ ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่าสนุกทั้งนั้นล่ะครับ”

พอได้ยินแบบนั้น หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็เต้นระรัว ก่อนจะพูดอย่างลุกลี้ลุกลนว่า : “เดี๋ยวฉันออกไปเช็ดโต๊ะก่อนนะคะ”

หลังจากพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็รีบหนีออกจากห้องครัวไปทันที

จิ้นเฟิงเฉินที่มองตามแผ่นหลังของเธอไป ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมา รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้จะขี้อายเหลือเกิน ถึงได้เขินอายง่ายๆ แบบนี้

......

เวลาล่วงเลยมาจนดึกกว่าเดิม เจียงสื้อสื้อก็พาเสี่ยวเป่าไปอาบน้ำ หนุ่มน้อยเองก็มัวแต่เล่น จนสาดน้ำและฟองกระเซ็นไปโดนเจียงสื้อสื้อทั่วตัวไปหมด หลังจากอาบน้ำให้เขาแล้ว เจียงสื้อสื้อก็กลับมาจัดการอาบน้ำตัวเอง

หลังจากที่กล่อมเสี่ยวเป่าให้นอนเสร็จ เธอก็เดินออกมาจากห้อง พลันเห็นจิ้นเฟิงเฉินกำลังเคาะแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ กำลังง่วนอยู่กับงานอยู่พอดี

เจียงสื้อสื้อพยักหน้ารับ จิ้นเฟิงเฉินเดินมาส่งเธอถึงหน้าห้องตัวเอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวเธอพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า : “ราตรีสวัสดิ์นะครับ”

ชั่วขณะนั้นเอง เจียงสื้อสื้อก็เหมือนกับเหม่อลอยไปชั่วขณะ ในสมองของเธอตอนนี้ไม่รู้เลยว่ามีกล้ามเนื้อส่วนไหนสั่งการแปลกไปหรือเปล่า เพราะเธอยื่นมือออกไปโอบกอดจิ้นเฟิงเฉินจากด้านหลังไว้ทันที

จิ้นเฟิงเฉินเองก็ตัวแข็งทื่อไป ก่อนจะร้องตะโกนออกมา : “เจียงสื้อสื้อ”

“ขอให้ฉันอยู่แบบนี้สักพักเถอะนะคะ” เจียงสื้อสื้อพูด

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอก็คงไม่มีโอกาสได้กอดเขาแบบนี้แล้ว พอคิดถึงตรงนี้ ในใจของเจียงสื้อสื้อก็รู้สึกเหมือนกับโดนมีดกรีดแทงไม่ปาน

ครั้งนี้ เจียงสื้อสื้อรู้สึกได้จริงๆ เลยว่า พวกเธอต้องแยกจากกันจริงๆ แล้วแน่นอน เธอเองไม่เคยรู้สึกทุกข์ขนาดนี้มาก่อนเลย

ตอนนี้เธอเองก็เพิ่งได้เข้าใจ ว่าตัวเองรักผู้ชายคนนี้ไปแล้ว รักเสียจนยากจะถอนตัว......

หากได้ยากที่คนอย่างเธอจะมาทำอะไรแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินจึงรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ จึงหันหลังกลับไป แล้วโอบกอดเจียงสื้อสื้อไว้แทน

เป็นเพราะเจียงสื้อสื้อดื่มไวน์มา ทำให้ใบหน้าของเธอที่แดงอยู่แล้วยิ่งก่ำมากขึ้น บรรยากาศเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปดูคลุมเครือแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินพลันอดทนไม่ไหว จึงโน้มกายลงมาประกบริมฝีปากของเธอเข้าทันที

ทั้งฟังและปากก็สัมผัสเข้าหากันไปมา พร้อมทั้งได้กลิ่นไวน์อ่อนๆ โชยมาด้วย

เจียงสื้อสื้อไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด เพียงแต่ยังตะลึงอยู่เท่านั้น หลังจากผ่านไปอยู่นาน เธอก็ยกมือขึ้นคล้องคอของจิ้นเฟิงเฉิน พร้อมทั้งตอบสนองอย่างแข็งกระด้างไป

พอรู้สึกได้ถึงการตอบสนองของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากเข้าไปอีก ทำให้จากจูบที่ลิ้มรสเบาๆ กลับกลายมาเป็นจูบที่ลึกซึ้งเข้าให้แล้ว

เจียงสื้อสื้อที่เพิ่งจะอาบน้ำมา ทำให้มีกลิ่นหอมจากร่างกายของเธอโชยเข้าไปเตะจมูกของเขา ร่างกายของทั้งสองคนจึงเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ซึ่งเจียงสื้อสื้อเองก็รู้สึกได้ว่าช่วงล่างของเขานั้น กำลังมีอะไรบางอย่างที่ค้ำเธอไว้อยู่

ยิ่งพอถูกเขาจูบแบบนี้ สมองของเจียงสื้อสื้อก็ยิ่งขาวโพลนไปหมด เธอคิดว่า เธอคงถลำตัวเข้าไปแบบนี้เลยดีกว่า

เพราะยังไง คืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายแล้ว......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!