บทที่ 270 ทำไมเธอโง่ขนาดนี้
“พี่ ผมรู้ว่าตอนโน้นเกิดเรื่องอะไรแล้ว”
จิ้นเฟิงเหราเห็นจิ้นเฟิงเฉิน ก็รีบพูด
ต่อจากนั้น เขาเอาความจริงทั้งหมดที่ได้รู้จากเจียงเจิ้นนั้นบอกกับจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินฟังจบ ในใจตื่นตะลึงอย่างมาก แม้แต่ปลายนิ้วล้วนอดไม่ได้สั่นหมด
เดิมทีเขาก็ไม่ถือสาอดีตของเจียงสื้อสื้ออยู่แล้ว ตอนนี้รู้ความจริงแล้ว ต่อเจียงสื้อสื้อยิ่งเจ็บใจ
“เธอทำไมโง่ขนาดนี้ล่ะ?” จิ้นเฟิงเฉินหลับตาลง มุมปากแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มที่เจ็บปวด
หน้าอกเหมือนถูกอะไรแทงเข้าไป ตอนหายใจเจ็บเล็กน้อย
ก็เพราะว่าเรื่องนี้ เธอน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว เธอรู้สึกว่าตนเองไม่คู่ควรกับเขาเลย ดังนั้นเลือกที่จะจากไป
แต่ว่าเธอก็เป็นผู้ถูกทำร้ายด้วย ไม่ใช่หรือ?
จิ้นเฟิงเฉินเสียใจภายหลังแล้ว
เสียใจภายหลังว่าตนเองทำไมไม่สืบเรื่องให้ชัดเจน คิดเองเออเองว่าเคารพเธอ หลังจากเรื่องเปิดโปงแล้ว กลับทำให้เธอไปแบกรับ ไปเผชิญหน้าตัวคนเดียว
เขาเป็นไอ้ระยำคนหนึ่งจริงๆ!
เห็นความเสียใจแค้นที่ปรากฏรินหลั่งจากใบหน้าเขากับตา ในใจจิ้นเฟิงเหราก็ไม่สบายไปด้วย
“พี่ คุณก็ไม่ต้องโทษตนเองแล้ว พวกเราใครก็นึกไม่ถึงว่าความจริงจะเป็นเช่นนี้”
พูดถึงที่นี่ จิ้นเฟิงเหรา ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่ง เต็มไปด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรมด่าว่า “นี่ล้วนต้องโทษตระกูลเจียง พ่อเจียงเจิ้นหมาจิ้งจอกแก่ตัวนั้น ถ้าหากว่าตอนโน้นเขายอมเอาเงินให้พี่สะใภ้ พี่สะใภ้จะถูกบีบบังคับจนเป็นแบบนั้นหรือ?”
“ล้วนพูดได้ว่าเสือร้ายไม่กินลูก ผมเห็นว่าเจียงเจิ้นแม้แต่สัตว์เดรัจฉานล้วนสู้ไม่ได้!”
ถ้าไม่ใช่ตอนนี้เจียงเจิ้นไม่ได้อยู่ที่นี่นะ ไม่อย่างงั้นเขาเองอยากจะชกเขาอีกสองหมัดจริงๆ
จิ้นเฟิงเฉินลืมตาขึ้น ถามว่า “เจียงเจิ้นรู้ว่าเบาะแสของสื้อสื้อไหม?”
“ไม่รู้”
จิ้นเฟิงเหราถอนหายใจหนึ่งที “จากนิสัยของพี่สะใภ้ จะไปหาคนในตระกูลเจียงช่วยได้ยังไงล่ะ? สามารถช่วยพี่สะใภ้ย้ายแม่เธอออกไปรวดเร็วขนาดนี้ ย่อมไม่ธรรมดาแน่.........”
อยู่ดีๆ เงาคนหนึ่งวิ่งผ่านจากสมอง จิ้นเฟิงเหราตาสว่างขึ้น น้ำเสียงพูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย “พี่ ผมรู้ว่าคือใครแล้ว”
“ใครล่ะ?”
“ลู่เจิง”
จิ้นเฟิงเหราพูดเรียบเรียงว่า “พวกเราสืบหาเบาะแสของพี่สะใภ้มาโดยตลอด แต่ไม่ว่ายังไงก็สืบไม่ได้ ตามหลักการแล้วอาศัยอำนาจของพวกเราตระกูลจิ้น เป็นไปไม่ได้แม้แต่คนก็จะหาไม่เจอ นอกจากว่ามีคนขัดขา และคนคนนี้จำเป็นต้องมีพลังความสามารถพอสมควรด้วย”
“พี่ คุณลองคิดดูสิ ในคนที่พี่สะใภ้รู้จักใครล่ะมีความสามารถเช่นนี้”
จิ้นเฟิงเฉินยี๋ตาขึ้น “ลู่เจิง”
เขาจากที่ต่อความเข้าใจกับสื้อสื้อ คนที่เธอรู้จักไม่มาก แต่ในคนที่รู้จักไม่มากนี้ ก็มีเพียงลู่เจิงมีความสามารถนี้ทำได้
ทั้งสองบรรลุฉันทามติ จิ้นเฟิงเหราตื่นเต้นเหลือเกิน “ดีมากเลย ในที่สุดก็มีวี่แววแล้ว”
“พี่ คุณโปรดวางใจ อีกไม่นานผมก็จะหาพี่สะใภ้เจอ” จิ้นเฟิงเหราปลอบใจพี่เขา
หลายวันที่ผ่านมานี้ จิ้นเฟิงเฉินเป็นครั้งแรกที่จิตใจสงบลงมาได้ ก็ยากที่จะมีอารมณ์หยอกเล่นกับน้อง “ทุกครั้งแกล้วนพูดว่าอีกไม่นาน มีครั้งไหนล่ะที่ทำได้”
จิ้นเฟิงเหรายิ้มแล้วยิ้มอีกอย่างรู้สึกอาย “ครั้งนี้เป็นเรื่องจริง พี่ คุณต้องเชื่อผม”
จิ้นเฟิงเฉินยักคิ้วหนึ่งที “งั้นก็รีบไปสืบ”
“รับทราบ!”
จ้องมองจิ้นเฟิงเหราออกไปอย่างรวดเร็ว จิ้นเฟิงเฉินหันหน้ามองไปยังนอกหน้าต่าง สายตาเคร่งขึม ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
……
ได้มีวี่แววแล้ว จิ้นเฟิงเหราสืบออกมาก็จะราบรื่นมาก
รวดเร็วมากเขาก็สืบได้ถึงว่าคืนนั้นเจียงสื้อสื้อที่หายตัวไป เคยเห็นลู่เจิงอยู่ในบาร์แห่งหนึ่ง
แต่ว่าตอนที่เขารีบไปที่บาร์สืบดูกล้องวงจรปิด กลับพบเห็นวิดีโอกล้องวงจรปิดในคืนนั้นหายไปแล้ว
คราวนี้เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าลู่เจิงเกี่ยวข้องกับพี่สะใภ้เขาที่หายตัวไป
เขารีบบอกข่าวนี้กับจิ้นเฟิงเฉิน
“พี่ จะให้ผมไปหาถามลู่เจิงให้ชัดเจนโดยตรงหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!