บทที่ 281 ขอร้องล่ะรุ่นพี่
ณ เมืองจิ่น บริษัทจิ้นกรุ๊ป
“เงินเตรียมเสร็จแล้วครับพี่” จิ้นเฟิงเหราก้าวเข้ามาในห้องทำงานของประธานบริษัท
จิ้นเฟิงเฉินที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างก็หันกลับมาพูดว่า “ทางด้านตำรวจเขาเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”
“พวกเขาเตรียมตัวกันเรียบร้อยแล้วครับ แล้วก็กำลังรอพวกเราไปเจอกับโจรเรียกค่าไถ่ครับ”
จิ้นเฟิงเหรายกน้ำบนโต๊ะขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้นต่อ : “พี่ครับ พวกเราทำแบบนี้มันจะเสี่ยงไปหน่อยหรือเปล่าครับ?”
หมายความของพี่ชายของเขา ก็คือการทำตามข้อเรียกร้องของโจรเรียกค่าไถ่ แต่ก็ยังแอบเรียกตำรวจเตรียมไว้อย่างลับๆ ด้วย
ข้อดีของการทำแบบนี้ ก็คือสามารถจับโจรเรียกค่าไถ่ได้นั่นเอง
แต่หากถูกโจรเรียกค่าไถ่รู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็ เสี่ยวเป่าก็คงจะตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ
แต่ความกังวลใจของเขาก็เป็นความกังวลของจิ้นเฟิงเฉิน กระนั้นเขาก็เชื่อว่าเสี่ยวเป่าต้องไม่เป็นอะไร เพราะเสี่ยวเป่าเป็นเด็กที่ฉลาดแล้วก็กล้าหาญมาก
“พอถึงเวลาก็ระวังเอาไว้หน่อยแล้วกัน ต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการสูญเสียใดๆ ขึ้น” จิ้นเฟิงเฉินพูดเสียงทุ้มต่ำ
จิ้นเฟิงเหราผงกหัวรับ ก่อนจะถามขึ้นอีก : “แล้วพวกโจรเรียกค่าไถ่ได้โทรมาหาอีกหรือเปล่าครับ?”
“ยังเลย”
ตอนนี้ทำได้เพียงรอให้พวกโจรเรียกค่าไถ่บอกตำแหน่งที่จะส่งเงินให้เท่านั้น
หลังจากพูดจบ มือถือของจิ้นเฟิงเฉินก็ดังขึ้นทันที
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบไปมอง ก็เห็นว่ามันไม่ได้โชว์เบอร์โทรศัพท์ขึ้นมา
คงจะเป็นพวกโจรนั่นแน่ๆ
จิ้นเฟิงเฉินจึงกดรับสายขึ้น “ฮัลโหล”
“ชานเมืองเขตตะวันออกใต้ต้นมะเดื่อต้นใหญ่ๆ เงินมาคนไป ถ้าหากกล้าแจ้งตำรวจล่ะก็ อย่าหวังว่าจะได้เจอหน้าเด็กไปตลอดชีวิตเลย” พออีกฝ่ายพูดจบก็วางสายลงทันที
จิ้นเฟิงเฉินเองก็ค่อยๆ วางมือถือลงอย่างสงบนิ่ง
“พวกโจรว่าไงบ้างหรือครับ?” จิ้นเฟิงเหราถามอย่างร้อนรน
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้าขึ้น ก่อนจะขยับริมฝีปากที่เรียวบางขึ้นพูด : “ที่ต้นมะเดื่อขนาดใหญ่แถวๆ ชานเมืองเขตตะวันออกน่ะ”
“สถานที่ส่งเงินน่ะหรือครับ?” จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว
“อืม”
จิ้นเฟิงเหราคิดถึงสภาพพื้นที่ของตรงนั้น ก่อนจะยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก “พี่ครับ ใช้ต้นมะเดื่ออายุร้อนปีนั้นหรือเปล่าน่ะ?”
ในความทรงจำของเขา ที่ชานเมืองเขตตะวันออกนั้นมีต้นมะเดื่อต้นใหญ่ๆ นั้นอยู่จริง
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า “ใช่ตรงนั้นล่ะ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” จิ้นเฟิงเหราได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา “พวกมันจะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว ตรงนั้นพวกตำรวจไปกันไม่ได้หรอกนะครับ เพราะหากไปต้องถูกเจอตัวแน่ๆ”
รอบๆ ต้นมะเดื่อขนาดใหญ่นั้นเป็นพื้นที่รกร้าง ซึ่งไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ ขึ้นมาบดบังเลยแม้แต่นิด
ยังไงตำรวจก็ไม่มีทางจะเข้าใกล้ได้แน่นอน
หากเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวเป่า หรือว่าคนที่ไปส่งมอบเงิน ต่างก็อันตรายกันทั้งนั้น
“พี่ครับ ให้ผมไปส่งเงินให้พวกโจรแทนพี่ดีกว่านะครับ” จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่าไม่ควรให้พี่ชายของเขาต้องเสี่ยง
จริงๆ แล้วหากเปรียบเทียบความสำคัญของเขากับพี่ชายที่มีต่อตระกูลจิ้นแล้ว ตัวเขาเองก็แทบจะไม่ได้สำคัญขนาดนั้น อีกอย่างเขาก็ยังไม่มีลูกไม่มีภรรยาเลยด้วยซ้ำ
“พี่ไปเอง”
“พี่ครับ......”
จิ้นเฟิ่งเหราเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่กลับถูกจิ้นเฟิงเฉินพูดขัดขึ้น “พี่เป็นพ่อของเสี่ยวเป่า เพราะฉะนั้นพี่ต้องไปเอง”
“แต่ผมก็เป็นอารองของเสี่ยวเป่านะครับ” จิ้นเฟิงเหราส่งเสียงโอดครวญ
“ไปได้แล้ว” จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองเขา ก่อนจะเดินนำออกไปก่อน
จิ้นเฟิงเหราก็ทำได้เพียงรีบเดินตามเขาไป
......
เครื่องบินลำหนึ่งลงจอดที่สนามบินนานาชาติเมืองจิ่นได้อย่างปลอดภัย
เจียงสื้อสื้อเดินออกมาจากสนามบินพร้อมกับมวลหมู่ชน ก็เห็นลู่เจิงกำลังยืนโบกมือให้เธอ อยู่ที่ข้างรถของเขา
เธอเห็นแบบนั้นจึงวิ่งเหยาะๆ ไปหาเขา “ทำไมรุ่นพี่ถึงมาได้ล่ะ?”
แต่ลู่เจิงทำเพียงเปิดประตูให้ โดยไม่ได้ตอบคำถามของเธอ : “ขึ้นรถสิ ตอนนี้พวกเขากำลังไปส่งเงินค่าไถ่ล่ะ”
พอได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็รีบพุ่งเข้าตัวรถไปทันที โดยไม่สนใจที่จะถามอะไรต่อ
ลู่เจิงเองก็เดินอ้อมรถมา แล้วเข้าไปนั่งในรถ เขาหันกลับไปมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างไร้เสียงภายในใจ
เธอกลับมาแล้วสินะ
ก็เป็นเรื่องที่คาดการณ์ไว้แล้วล่ะนะ
แต่เขาก็รู้สึกหดหู่ใจอยู่ไม่มากก็น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!