บทที่33 อยากตายจริงๆ ใช่ไหม
10โมงเช้า ณ บริษัทX.C.
ประธานหลี่เซิ่งกำลังพาผู้บริหารของบริษัทยืนอยู่หน้าบริษัท เตรียมต้อนรับคณะจากหลานซื่อกรุ๊ปที่มารับซื้อกิจการต่อ
ทางบริษัทให้ความสำคัญกับการซื้อขายกิจการครั้งนี้มาก ผู้บริหารระดับสูงใส่สูทมาเรียบร้อยทุกคน แล้วก็รออีกฝ่ายมาถึง
ผ่านไปสักพักก็มีรถออดี้ขับตรงมาประมาณ4 5คัน
พอหลี่เซิ่งเห็นก็รีบเข้าต้อนรับ
รถคันหน้าสุดยอดตรงหน้าบริษัท เขาก็รีบเดินเข้าไปเปิดประตูให้
คนที่ลงมาจากรถคนแรกคือตัวแทนจากทางหลานซื่อกรุ๊ป คุณหลานซือเฉิน
เขาใส่สูทลายทางที่ดูดีกับรองเท้าที่ขัดจนเงาวาว แถมบุคลิกก็ดูดีมีสง่า ทำให้เขาดูดีมากๆ เลยทีเดียว
คนที่ลงตามหลังเขามาคือว่าที่ภรรยาของเขา เจียงนวลนวล
เธอใส่แบรนด์เนมทั้งตัว ให้ความรู้สึกดูหยิ่งๆ นิดหน่อย แต่พอสายตาเธอมองไปที่หลานซือเฉินกลับดูตัวเล็กและอบอุ่นขึ้นมา
คนอื่นๆ ข้างหลังก็ค่อยๆ ลงจากรถแล้วมายืนหลังเขาสองคน
หลี่เซิ่งเดินเข้าไปแล้วยืนมือ พูดอย่างมีมารยาทว่า “ประธานหลาน ยินดีต้อนรับนะครับ เชิญทางนี้เลยครับ ผมเตรียมชากับเหล้าชั้นดีไว้แล้วครับ”
ประธานหลานจับมือกลับพร้อมยิ้มแล้วก็พูดว่า “คุณหลี่ ผ่านวันนี้ไปเราก็เป็น ‘คนบ้านเดียวกัน’ แล้วนะครับ บริษัทยังต้องพึ่งคุณอยู่นะ”
หลี่เซิ่งตอบด้วยสีหน้าดีใจว่า “เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ เชิญด้านในเลยครับ”
พอพูดจบเขาก็ทำมือเป็นท่าเชิญ แล้วก็เชิญพวกเขาเข้าไปในบริษัท
สักพักทุกคนก็ไปถึงห้องทำงานของประธาน
ที่หลานซื่อกรุ๊ปมาในครั้งนี้เขามาแบบที่รู้ว่างานนี้ต้องคุยสำเร็จ แล้วลูกมือที่พามาด้วยเป็นลูกมือที่เก่งด้านการตกลงราคากันทั้งนั้นเลย
หลี่เซิ่งเชิญให้พวกเขานั่ง แล้วก็เตรียมชาเตรียมเหล้าให้ แล้วก็เริ่มคุยเรื่องงานกัน
หลานซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ของประเทศ ทีมที่พามาด้วยก็เป็นทีมงานมีคุณภาพอย่างสูง บวกกับตัวบริษัทX.C.เองก็อยากจะขายต่อกิจการอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยเตรียมเอกสารด้านการเงิน กับยอดขาย กำไร การเงินด้านต่างๆ กับราคาในตลาดไว้หมดแล้ว รวมไปถึงเอกสารที่แสดงว่าบริษัทมีหนี้สินหรือไม่
พอจัดการทุกอย่างเสร็จ ตัวแทนของหลานซื่อกรุ๊ปพูดไปว่า “บริษัทX.C.เข้าวงการนี้มา3ปี ปีแรกส่วนมากอยู่ในสภาพที่ติดหนี้ ไม่มีกำไร ส่วนปีที่ 2 ปีที่3ก็พอจะไปได้ดีบ้าง รายรับรายจ่ายเท่าเทียมกัน ปีที่4 ปีที่5ถึงจะเริ่มมีกำไรบ้าง แค่เงินที่ได้มาต่อปีก็30ล้าน แต่เพราะว่าการแข่งขันเริ่มสูงขึ้น ปีที่6ก็เลยมีรายรับแค่20ล้าน ส่วนปีที่7ก็คือปีนี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดของบริษัท โดยเฉพาะหลังจากที่ร่วมมือกับ จิ้นกรุ๊ป ราคาในตลาดก็ยิ่งสูงขึ้นสองเท่า ถ้ามองไปในอนาคตไกลๆ แล้วบริษัทX.C.ช่วงเวลาสั้นๆ นี้ยังพัฒนาได้อีกมาก แต่อาจจะเพราะตัวบริษัทเองที่ยังไม่พร้อม ครึ่งปีหลังของปีหน้าราคาก็คงจะตกอีก เพราะฉะนั้นราคาที่เราเสนอคือเลขนี้!”
พอพูดจบ ตัวแทนคนนั้นก็ชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว หมายความว่าราคาเสนอซื้อกิจการต่อหลังเขาคำนวณแล้วเป็นราคา200ล้าน
หลังจากที่หลี่เซิ่งได้ยินราคานี้ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ถึงแม้ว่าปีแรกๆ ของบริษัทX.C. จะผ่านมาอย่างลำบาก แต่ปัจจุบันในวงการนี้ เราก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ด้านความน่าเชื่อถือก็ดี ทุกอย่างที่ได้มาใช้เงินค่อยๆ สร้างมาทั้งนั้นเลย
ถึงแม้ว่ายังไม่ได้จดทะเบียนเข้าตลาด แต่ราคานี้มันค่อนข้างต่ำไปนะ
“คือว่า.......ประธานหลาน ราคานี้คงไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่ ประธานของเราต้องการอย่างน้อยราคานี้”
หลี่เซิ่งชูมือขึ้นมา5นิ้ว
ตอนแรกหลานซือเฉินแค่นั้งฟังเงียบๆ แต่พอเห็นราคาที่อีกฝ่ายต้องการ เขาก็แอบขำออกมา “คุณหลี่ราคานี้ค่อนข้างลำบากสำหรับผมนะ ราคาที่เราให้เราก็ประเมินจากโดยรวมของบริษัทX.C.ในตอนนี้ แถมยังให้เยอะเกินกว่าที่ประเมินอีก แต่คุณขอราคาที่สูงไปกว่าราคาประเมินเยอะขนาดนี้ ไม่ว่าบริษัทไหนที่มาซื้อเขาก็คงไม่โอเคกับราคานี้หรอก เพราะฉะนั้นคุณเสนอราคาที่มันเป็นไปได้มาดีกว่านะครับ ราคานี้เป็นไปไม่ได้แน่นอนครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!