ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 349

สรุปบท บทที่ 349 ทำเหมือนคุณน่าเบาใจอย่างงั้นแหละ: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

อ่านสรุป บทที่ 349 ทำเหมือนคุณน่าเบาใจอย่างงั้นแหละ จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บทที่ บทที่ 349 ทำเหมือนคุณน่าเบาใจอย่างงั้นแหละ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 349 ทำเหมือนคุณน่าเบาใจอย่างงั้นแหละ

ภายใต้ความช่วยเหลือของเสี่ยวเป่าส้งหวั่นชีงก็ไม่อาจปฏิเสธต่อ

แม่จิ้นที่อยู่ข้างๆก็พูดอะไรไม่ออก ทุกคนก็ได้แต่ไปร้านอาหารพร้อมกัน

พอมาถึงร้านอาหาร จิ้นเฟิงเหราได้นั่งลงอยู่ข้างๆของส้งหวั่นชีงแล้วยื่นเมนูอาหารให้เธอโดยตรง ส้งหวั่นชีงรีบผายมือปฏิเสธ

เดิมทีเธอก็รู้สึกรบกวนพวกเขามากพอแล้ว ตอนนี้ยังจะให้เธอสั่งอาหารอีก เธอรู้สึกเกรงใจจริงๆ

เห็นท่าทางสองคนนี้แล้ว เจียงสื้อสื้อแอบหัวเราะ ดูท่าสองคนนี้คงมีอะไรสนุกแน่ เพื่อไม่ให้ส้งหวั่นชีงตกที่นั่งลำบาก เจียงสื้อสื้อได้รับเมนูอาหารมา

ระหว่างรับประทานอาหารอยู่นั้น ส้งหวั่นชีงท่าทางดูเกร็งมาก ปล่อยตัวตามสบายไม่ได้สักที เจียงสื้อสื้อเองก็สามารถเข้าใจความรู้สึกเธอดี ดังนั้น เลยดูแลเธอเป็นพิเศษตลอด

แต่จิ้นเฟิงเหรากลับทำท่าเหมือนคุณชายไฮโซ ท่าทางนั่งอย่างกับนักเลงอยู่ตรงนั้น

หลังจากที่เจียนสื้อสื้อคุยเล่นกับส้งหวั่นชีงอยู่สักพัก เธอก็เริ่มคุ้นเคยขึ้นเยอะ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านหยกนั้น เจียงสื้อสื้อถามขึ้น “หวั่นชีง เธอซื้อกำไลหยกจะไปให้ใครงั้นเหรอ ?”

ส้งหวั่นชีงพยักหน้าพูด “ วันเกิดของแม่ใกล้จะถึงในไม่กี่วัน ฉันเลยอยากจะซื้อกำไลหยกนี้เป็นของขวัญให้แม่ค่ะ ”

เจียงสื้อสื้อได้ยินแล้วพูดด้วยยิ้ม “ เธอก็เป็นลูกที่กตัญญูมากเลยนะ ”

“ฉันกับแม่ใช้ชีวิตพึ่งพากันมาตลอด เมื่อก่อนเราจนมาก แต่ตอนนี้ ฉันมีกำลังแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันอยากใช้กำลังที่มี ทำอะไรเพื่อแม่บ้าง ” พอพูดถึงเรื่องนี้ ส้งหวั่นชีงก็หลุบตาลง

ได้ยินที่เธอพูดแล้ว แม่จิ้นที่นั่งอยู่ข้างๆถามขึ้นมา “ แล้วพ่อของเธอล่ะ ?”

พอเอ่ยถึงพ่อ แววตาของส้งหวั่นชีงรู้สึกเศร้าขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงสะอึก “ พ่อของหนูป่วยตายตั้งแต่หนูยังเด็ก แม่กับหนูเลยใช้ชีวิตลำบากมาตลอด ”

แม่จิ้นเองก็คิดไม่ถึงว่าจะไปถามถึงเรื่องเศร้าในใจของเธอ รู้สึกเก้อขืนในทันที

เห็นหางตาของส้งหวั่นชีงมีน้ำตาไหลออกมา จิ้นเฟิงเหราหยิบทิชชู่บนโต๊ะยื่นให้เธอแล้วพูด “ เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะไปพูดถึงอีกทำไม รีบกินข้าวซะ เดี๋ยวกับข้าวก็เย็นหมด ”

ระหว่างที่พูดก็คีบกุ้งตัวใหญ่ไว้ในถ้วยของส้งหวั่นชีง ส้งหวั่นชีงมองหน้าจิ้นเฟิงเหราอย่างซาบซึ้งใจทีนึง จากนั้นก็เงียบไป ไม่พูดอะไรต่อ

“คุณส้ง คุณไม่ต้องเกรงใจเลยนะ ตัวคุณผอมขนาดนี้ ต้องทานเยอะๆหน่อย ”

หลังจากที่รู้ชาติกำเนิดของส้งหวั่นชีงแล้ว ท่าทีของคุณแม่จิ้นก็ดีขึ้นมาก

ส้งหวั่นชีงได้ยินแล้วพูด “ ขอบคุณมากนะคะคุณน้า คุณน้าไม่ต้องเกรงใจกับหนูขนาดนี้ก็ได้ค่ะ เรียกหนูว่าหวั่นชีงก็ได้ค่ะ เรียกคุณส้งแล้ว หนูไม่กล้ารับไว้หรอกค่ะ ”

แม่จิ้นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ตอนทานข้าวส้งหวั่นชีงชอบเสี่ยวเป่ามาก ชอบคีบอาหารที่อยู่ทางเธอให้เสี่ยวเป่าตลอด แล้วปอกกุ้งให้กับเสี่ยวเป่าในถ้วยอีกหลายตัว

เสี่ยวเป่าให้เกียรติเธอเป็นอย่างมาก ทานของที่เธอคีบให้จนหมด เขาทานและพูดไปด้วย “ พี่สาวคนสวยครับ พี่มีแฟนหรือยังครับ เสี่ยวเป่าชอบพี่คนสวยมากเลยครับ ”

คำพูดของเสี่ยวเป่าเพิ่งออกจากปาก ก็เจอกับสายตาดุร้ายของจิ้นเฟิงเหรา เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาเคาะที่หัวของเสี่ยวเป่าทีนึงสั่งสอนเขา “ ไอ้เด็กเปรต อายุแค่นี้ก็รู้จักคำว่าชอบแล้วเหรอ อีกอย่าง นายควรเรียกว่าคุณน้าคนสวย ไม่ใช่พี่สาว ”

เสี่ยวเป่าร้องเจ็บ พูดอย่างไม่ยอมแพ้ “ เสี่ยวเป่าชอบที่คุณน้าคนสวนดีกับเสี่ยวเป่า อีกอย่าง คุณน้าคนสวยก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณอาสักหน่อย เสี่ยวเป่าจะชอบ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอา ”

ระหว่างพูดเจียงสื้อสื้อยังยักคิ้วไปด้วย จิ้นเฟิงเฉินกลับรู้สึกประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่า จะมีคนที่สามารถทำให้น้องชายเจ้าชู้คนนี้ของเขามีความรู้สึกพิเศษได้ ดูท่านะจะมีหวังจริง

เขาทานกับข้าวที่เจียงสื้อสื้อป้อนมาด้วยรอยยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ ถ้าเฟิงเหราสามารถปักหลักได้จริงก็ดี แบบนี้พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตคู่ของเขาสักที ”

ฟังเขาพูดแล้ว เจียงสื้อสื้อแปะปากแล้วกระซิบ “ ทำอย่างกะคุณเบาใจมากอย่างนั้นแหละ ”

ทั้งสองคนใกล้กันมาก แน่นอนว่าจิ้นเฟิงเฉินย่อมได้ยินที่เธอพูด อดขำไม่ได้ เขาหยอกล้อหยิกที่เอวของเธอทีนึง “ ถึงผมจะไม่เบาใจ แต่ก็ถูกคุณเปราบจนอยู่หมัดไม่ใช่เหรอ ”

ระหว่างพูด ไอร้อนจากปากก็ได้พ้นใส่ที่คอของเจียงสื้อสื้อ ทำเอาเจียงสื้อสื้อรู้สึกเสียวๆ

เธอมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยสายตาตำหนิทีนึง แล้วป้อนข้าวเขาต่ออีกหลายคำ

ทั้งสองคนคุยกันไปแล้วหัวเราะไป เสี่ยวเป่าก็ได้เข้ามาในตอนนี้พอดี เห็นแดดดี๊กับหม่ามี๊รักกันเช่นนี้ คงไม่ต้องพูดถึงว่าเขาดีใจแค่ไหน

รอจนจิ้นเฟิงเฉินทานข้าวเสร็จ เสี่ยวเป่าหาโอกาสวิ่งเข้าไปซุกอกจิ้นเฟิงเฉิน พูดออดอ้อน “แดดดี๊ครับ สุดสัปดาห์นี้ แดดดี๊พาผมออกไปเที่ยวได้มั้ยครับ เสี่ยวเป่าไม่อยากอยู่แต่ในบ้านครับ ”

จิ้นเฟิงเฉินลูบหัวของเสี่ยวเป่าแล้วถาม “ ได้ครับ ลูกอยากไปเที่ยวไหนล่ะ?”

ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินรับปากแล้ว เสี่ยวเป่ารีบโดดลงจากตัวเขาตื่นเต้นดีใจใหญ่ “ แดดดี๊จงเจริญ !หม่ามี๊ พวกเราไปพิพิธภัณฑ์ทางทะเลนะครับ

เมื่อวาน ตอนอยู่โรงเรียน ผมได้ยินเพื่อนเรียนอนุบาลของผมพูดว่าพิพิธภัณฑ์ทางทะเลมีปลาเยอะเยะเลยครับ ที่พวกเขาพูด เป็นปลาที่เสี่ยวเป่าไม่รู้ทั้งนั้นเลย เพราะฉะนั้น เสี่ยวเป่าอยากไปที่นั่นครับ ”

เจียงสื้อสื้อไม่มีทางปฏิเสธเขาแน่นอน สายตาเธอมองไปที่จิ้นเฟิงเฉิน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!