บทที่ 351 คุณอาน่าไม่อายจริง ๆ
ถึงเวลาตอนเย็นเสี่ยวเป่าได้ออกมาจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเล เขาเล่นอย่างสนุกสนานมาทั้งวัน แต่ก็เหนื่อยมาก ๆ จิ้นเฟิงเฉินเมื่อเห็นแล้วก็กอดเขาไว้ในอ้อมกอด
จิ้นเฟิงเหราที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยปากอย่างเขินอายว่า “พี่สะใภ้ พูดความจริงเลยนะ นี่ตั้งแต่เกิดมาเป็นครั้งแรกที่ผมได้มาพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเล”
“อันนี่ฉันรู้ ฉันว่านะไม่เพียงแค่คุณและเสี่ยวเป่า แม้กระทั่งพี่ชายของคุณก็น่าจะไม่เคยไป”
พูดอยู่เจียงสื้อสื้อพลางก็มองจิ้นเฟิงเฉิน จิ้นเฟิงเฉินก็พยักหน้าอย่างไม่แน่ใจ
ปกติวันธรรมดาก็ยุ่งเรื่องงานมากพอแล้ว ถ้าหากไม่ใช่มาเป็นเพื่อนเจียงสื้อสื้อและเสี่ยวป่า เขาก็คงจะไม่มาชั่วชีวิตนี้
พอพูดจบ จิ้นเฟิงเหราก็มองเจียงสื้อสื้ออย่างเลื่อมใสทันที “ว้าว พี่สะใภ้ อันนี้เธอก็เดาออกได้ด้วย แต่ว่าปัญหาตอนนี้เราจะไปกินข้าวที่ไหน เดินเที่ยวมาทั้งวันเหนื่อยมากแล้ว”
“หม่ามี๊ พวกเราไปที่นั่นกันเถอะ!” เสี่ยวเป่าจู่ ๆ ก็ดีใจจนพูดและชี้ไปด้านหน้า
เจียงสื้อสื้อมองตามไปที่เสี่ยวเป่าชี้ เป็นตุ๊กตาหมีผ้าตัวใหญ่ ๆ ตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ที่หน้าร้านอาหาร ที่กำลังส่งมอบของขวัญชิ้นเล็กอยู่ มิน่าล่ะเสี่ยวเป่าถึงได้เสนอความคิดไปที่นั่น
“ตกลง งั้นก็ตามใจเสี่ยวเป่าแล้วกัน”
เจียงสื้อสื้อหยิบกระดาษทิชชูเช็ดคราบเหงื่อบนหน้าให้เสี่ยวเป่า ทั้งสามคนก็ได้ไปที่ร้านอาหารพร้อมกัน
เมื่อพวกเขาได้เข้าไปใกล้ร้านอาหาร จู่ ๆ ตุ๊กตาหมีผ้าก็ได้ส่งเสียงร้องว่า “ยินดีต้อนรับ!”
เป็นเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง เจียงสื้อสื้อได้ยินแล้วรู้สึกคุ้นหูเล็กน้อย เวลานี้จิ้นเฟิงเหราก็ได้เดินไปที่ด้านหน้าของตุ๊กตาหมีผ้า แล้วจ้องมองเขาสักพัก
เขาจะดูไม่ออกได้ยังว่าคนนี้เป็นใคร และก็ได้กดที่ครอบหัวด้านบนของตุ๊กตาหมีผ้าทันที “ส้งหวั่นชีง”
ส้งหวั่นชีงที่ถูกจับได้ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย ทำได้แค่ถอดหัวตุ๊กตาออกมาแสดงหน้าตาที่แท้จริง อุณหภูมิในหัวตุ๊กตาไม่ใช่ที่คนธรรมดาจะสามารถรับได้
เพียงแค่เห็นเหงื่อบนใบหน้าของส้งหวั่นชีง เขาใช้มือเช็ดอย่างง่าย ๆ เห็นสองสามคนที่อยู่ด้านหน้าแล้วจึงทักทายตามมารยาท
“พี่สื้อสื้อบังเอิญจริง ๆ ไม่คิดว่าจะเจอพวกคุณที่นี่”
“ใช่ พวกเรานี่มีวาสนาด้วยกันจริง ๆ ” เจียงสื้อสื้อตอบด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวเป่าเห็นคนที่อยู่ในตุ๊กตาหมีผ้าคือส้งหวั่นชีง ก็รู้สึกแปลกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ชี้ไปที่ส้งหวั่นชีงแล้วพูดว่า “น้าสาวคนสวย ทำไมคุณถึงได้แปลงร่างล่ะ ยังแปลงร่างเป็นหมีตัวใหญ่อีกด้วย”
ได้ยินเสียงของเสี่ยวเป่า ส้งหวั่นชีงจึงได้หยิบของขวัญชิ้นหนึ่งจากด้านข้างส่งให้เสี่ยวเป่า แล้วจึงพูดว่า “ ใช่ น้ายังมีความสามารถอีกมากมายด้วย นี่เป็นแค่หนึ่งในนั้น ใช่แล้วพี่สื้อสื้อ พวกคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ?”
ระหว่างที่พูดส้งหวั่นชีงก็พลางพยักหน้าไปทางจิ้นเฟิงเฉิน จิ้นเฟิงเฉินก็ตอบรับกลับอย่างเบา ๆ
เห็นท่าทางของเขาที่เต็มไปด้วยเหงื่อ เจียงสื้อสื้อจึงยื่นกระดาษทิชชูเปียกให้พร้อมพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า “พวกเรามาเดินเล่นแถวนี้ แต่คุณล่ะทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
ถูกถามคำถามนี้ ส้งหวั่นชีงก็เกาหัวอย่างเขินอายเล็กน้อย
“วันหยุดสุดสัปดาห์ฉันไม่มีอะไรทำก็เลยมาทำงานพิเศษ”
จิ้นเฟิงเหราได้ยินคำพูดนี้แล้วก็มีความรู้สึกที่เหลือเชื่อบ้างเล็กน้อย และก็ได้เอ่ยปากถามว่า “คุณไม่มีเงินขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ส้งหวั่นชีงทำตาค้อนทำตัวไม่ถูก “ก็ไม่มีเงินน่ะสิถึงมาที่นี่ ครั้งที่แล้วกำไลนั่นก็เอาเงินเดือนเดือนหนึ่งและเงินที่ใช้ในชีวิตประจำวันไป ไม่ออกมาหาเงินหน่อย งั้นฉันก็คงจะกินแกลบแล้ว”
นี่เป็นการเปรียบเทียบระหว่างคนจนและคนรวย คุณที่มีบ้านฐานะร่ำรวยอย่างนี้จะเข้าใจได้ยังไงล่ะ แต่ว่าส้งหวั่นชีง ก็ไม่ได้พูดประโยคนี้ออกไป
จิ้นเฟิงเหราถูกตอกกลับจนไม่มีอะไรจะพูดอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!