ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 381

สรุปบท บทที่ 381 มีคนจู่โจม: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอน บทที่ 381 มีคนจู่โจม จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 381 มีคนจู่โจม คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่เขียนโดย เมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 381 มีคนจู่โจม

ไม่คิดเลยว่าจิ้นเฟิงเหราจะยังคงมีท่าทีไม่ยอมแพ้ง่ายๆเช่นนี้ เขาพูดอย่างสบายๆว่า "จะยังติดอะไรอีกล่ะ ฉันได้หาคนมาสั่งทำระบบรักษาความปลอดภัยของที่บ้านแล้ว ไม่มีใครสามารถทำลายได้หรอก"

ตอนที่พูดถึงระบบรักษาความปลอดภัย จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่รอบคอบจริงๆ

ระบบรักษาความปลอดภัยนี้เขาสั่งทำจากบริษัท อินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยราคาที่สูงลิ่ว และยังมีการให้แฮกเกอร์สิบกว่าคนมาลองจู่โจมพร้อมๆกัน ผลคือได้แค่แตะเพียงผิวเผินเท่านั้น

แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับไม่คิดว่าตัวเองกังวลจนเกินเหตุ ยังไงซะโลกนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ หากอีกฝ่ายเกิดเก่งกาจมาก ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายเก่งกาจแค่ไหน แน่นอนว่าการป้องกันไว้ย่อมดีกว่า

จิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นมาช้าๆว่า "มันก็ไม่แน่"

ท่าทางนี้ทำให้จิ้นเฟิงเหราจนใจ ทั้งไปที่เป็นสิ่งที่เขาภูมิใจกับมันแท้ๆ แต่กลับถูกพี่ชายตัวเองดูถูกใส่

จิ้นเฟิงเฉินพูดต่อไม่รอให้เขาคิดมาก "ฉันจะส่งคนไปเยอะหน่อย อย่าประมาทเกินไปล่ะ"

พอได้ยินเช่นนั้นจิ้นเฟิงเหราก็เลิกงอน ที่แท้พี่ก็เป็นห่วงเขานั่นแหละ อีกอย่างเขาอาจทำตัวเอ้อระเหยลอยชายจนเคยชิน ท่าทางของเขาสามารถทำให้พี่ชายกลุ้มใจได้จริงๆนั่นแหละ

ถ้าเกิดตอนนี้อาการบาดเจ็บที่ขาเขายังไม่หาย ก็คงจะนับว่าเขาพิการไปครึ่งหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าก็ไม่ควรเพิ่มความลำบากให้คนอื่น และประสิทธิภาพก็คงไม่เหมือนเมื่อก่อน เพิ่มป้องกันอีกชั้นก็ไม่มีอะไรพอที่จะเป็นความผิดพอที่จะวิจารณ์ได้แล้ว

หลังจากวางโทรศัพท์ในมือ จิ้นเฟิงเหราก็เริ่มเกมที่ตึงเครียดของเขาอีกครั้ง

ตอนนี้เขายังคงดูแลสุขภาพ ไม่ได้สนใจเรื่องของบริษัท เอาแต่นั่งเล่นเกมอยู่บ้านทุกวัน พอหิวหรือกระหายน้ำก็มีคนคอยรับใช้ หลังส้งหวั่นชีงเลิกงานงานก็มาหาเขาที่นี่ทุกวัน เอาใจเขาหากเขาต้องการอะไรก็หามาให้ ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าวันๆใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากแค่ไหน

แต่วันที่แสนสบายของเขาดูเหมือนจะไม่ตรงใจไปหมดทุกอย่าง คืนวันนั้นเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ประตูก็ดังขึ้น

นี่คือสัญญาณที่บอกว่ามีคนโจมตี

เพราะตอนนั้นกลัวว่าจะเกิดอะไรที่คาดไม่ถึง ดังนั้นเขาจึงติดตั้งสัญญาณเตือนภัยที่ประตูบ้านเผื่อมีคนบุกเข้ามา ตัวเขาเองจะได้เตรียมตัวล่วงหน้าทัน

ไม่คิดเลยว่าพอถึงตอนนี้จะได้ใช้จริงๆ จิ้นเฟิงเฉินนี่เดาไม่ไม่ผิดเลย

พอเห็นพ่อบ้านรีบวิ่งขึ้นมาแล้วพูดกับจิ้นเฟิงเหราอย่างตึงเครียดว่า "คุณชายครับ มีคนบุกเข้ามาแล้วครับ ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงกันดีครับ?"

เมื่อเทียบความเครียดกับพ่อบ้านแล้ว เขาดูสงบกว่าเยอะ พอเห็นเขาเอาเสื้อพาดไหล่แล้วเดินตรงไปที่ห้องหนังสือ

คอนโซลหลักของระบบรักษาความปลอดภัยอยู่ที่นั่น เพียงแค่เข้าสู่ระบบก็สามารถดูได้ว่าเกิดปัญหาตรงไหน จะได้เตรียมการล่วงหน้าได้

โชคดีที่สร้างความเสียหายเพียงแค่ระบบรักษาความปลอดภัยรอบนอกบ้าน ไม่ได้สร้างความเสียหายให้จุดอื่น

คนคนนั้นทำลายระบบเพื่อที่จะแอบเข้ามาในบ้าน แต่ว่าหากทำลายระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมด ระบบป้องกันจะถูกเปิดใช้งานทันที ต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถเข้ามาได้ชั่วครู่ชั่วยาม

จิ้นเฟิงเหราพุ่งออกมาแล้วพูดกับบ้าน "ออกมาหมดเถอะ เกิดเรื่องขึ้นข้างนอก"

ในบ้านเขายังมีบอดี้การ์ดอีกสองคน พอวันนี้ได้ฟังจิ้นเฟิงเฉินพูด เขาก็มอบหมายงานให้บอดี้การ์ดใส่ใจเตรียมป้องกันโดยเฉพาะ

อีกฝ่ายพูดอย่างนอบน้อมว่า "ท่านประธาน มีเรื่องอะไรครับ?"

"เร็วๆนี้ฉันมีปัญหากับคนในสตีเฟนกรุ๊ป ฉันคิดว่าเราต้องหาอะไรให้พวกเขาทำสักหน่อย ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะมีประสบการณ์การทรมานในประเทศเยอะ"

เมื่อได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นในประเทศ น้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดจึงรีบถามกลับว่า "ท่านประธานครับ ท่านประธานไม่มีใช่มั้ยครับ?"

ยังไงซะตอนนี้ที่ในประเทศก็เป็นเวลากลางดึก อีกฝ่ายกล้าเดาได้เลยว่า ที่ฝั่งจิ้นเฟิงเฉินคงจะเกิดเรื่องอะไรสักอย่างถึงโทรหาเขา

"ฉันไม่เป็นไร แค่นายใช้เรื่องยาจากทางบ้านมาจัดการก็พอ ทางที่ดีทำให้พวกมันตกอยู่ในสภาพอึดอัดให้เร็วที่สุดจะดีมาก" จิ้นเฟิงเฉินกระแอมแล้วพูดเรียบๆ

สตีเฟนมีส่วนร่วมในหลายธุรกิจ แต่ธุรกิจที่สำคัญที่สุดคือธุรกิจยา การทำธุรกิจนี้ใสสะอาด โดยเฉพาะหลังจากที่จี้เฉินรับไม้ต่อ การพัฒนารวดเร็วขึ้น วิธีเบื้องหลังนี้ย่อมไม่ธรรมดา

จิ้นเฟิงเฉินเองก็ทำธุรกิจดังนั้นเขาจึงรู้เส้นการพลิกผันดี

ไม่ว่าจะทำอะไรต้องจับจุดให้แม่น ธุรกิจของสตีเฟนกรุ๊ปมากมาย หากจะเอาให้ถึงตายต้องโจมตีธุรกิจยา

เพราะยังไงมันก็เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คน หากมีปัญหาขึ้นก็ง่ายที่จะลุกไม่ขึ้นอีกคนของจิ้นเฟิงเฉินมีความสามารถมาก ในคืนนั้นที่ต่างประเทศ สตีเฟนได้รับรายงานว่าเป็นยาของบริษัทลูกเป็นอันตรายต่อคน

ทันทีที่ข่าวออกไปทุกคนก็พากันตกใจ เพราะธุรกิจยาของสตีเฟนกรุ๊ปมีอยู่ในทุกพื้นที่ทุกประเทศ หากมีปัญหาจริง ผลที่ตามมานั้นไม่อาจจะคาดคิดได้

ผลกระทบของเหตุการณ์นี้ที่มีต่อสตีเวนก็เห็นได้ชัด เช้าวันต่อมาหุ้นเริ่มผันผวน ข่าวต่างประเทศมากมายรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ จนสตีเฟนกรุ๊ปเข้าสู่หายนะขั้นสุดในเวลาไม่นาน ทุกคนต่างจับตาทิศทางของบริษัทนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!