บทที่ 383 นายดูถูกใคร
ทั้งคู่หวานกันอยู่พักหนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็ปล่อยเขาไปอย่างวางตัว แม้ว่าเขาจะบอกว่าเป็นคนของเขา แต่ก็ไม่สามารถรบกวนงานของเขาได้
หลังจากจิ้นเฟิงเฉินออกไป เธอก็กลับไปที่ตำแหน่งเดิมแล้วเริ่มทำงานอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ในเมื่องานอื่นเธอไม่สามารถช่วยได้ ดังนั้นเธอจึงพยายามทำงานภายในบริษัทให้ดีที่สุด
จิ้นเฟิงเหราในอีกมุมหนึ่งไม่ได้เอาอกเอาใจอย่างอ่อนหวานเหมือนทั้งสอง เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้จิ้นเฟิงเหราไม่ได้นอนทั้งคืน จนตอนรุ่งสางเขาถึงจะได้นอน
พอส้งหวั่นชีงเลิกงานก็มาหาจิ้นเฟิงเหราเหมือนเคย พอเปิดประตูเข้ามาแล้วร้องเรียก ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ
เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยไม่ได้ ถ้าเป็นปกติจิ้นเฟิงเหราคงร้องหิวตายอยู่แล้ว ทำไมวันนี้ถึงเงียบจัง?
ส้งหวั่นชีงยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่เมื่อวาน ถ้าเธอรู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นเกรงว่าคงไม่กล้ามา
พอเธอขึ้นมาชั้นบน เคาะประตูสองสามครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ เธอจึงเปิดประตูออก พบว่าจิ้นเฟิงเหรากำลังนอนหลับอยู่บนเตียง
พอเห็นท่านอนของจิ้นเฟิงเหรา ส้งหวั่นชีงก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ ผู้ชายคนนี้นอนไม่เรียบร้อยเลยจริงๆ พอห่มผ้าให้เขาเสร็จ ก็กะจะทำอาหารให้เขา
พอเปิดตู้เย็นก็พบว่าวัตถุดิบในตู้นั้นมีพร้อม ส้งหวั่นชีงไม่คิดคุณชายอย่างเขาจะไปซื้อของด้วยตัวเองได้ ช่างเปิดประสบการณ์ใหม่ให้เธอจริงๆ
แต่ส่วนใหญ่ชั้นบนตู้เย็นจะเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารจานด่วน เดาว่าเขาคงซื้อมาเพื่อลดความยุ่งยาก
ความจริงที่เธอไม่รู้ก็คือแม่จิ้นเป็นคนบังคับให้จิ้นเฟิงเหราซื้อของเหล่านี้นี้เข้ามา อย่างน้อยแม้เขาจะทำอะไรไม่ได้ เขาก็จะได้ไม่อดตาย
หลังจากเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างแล้ว ส้งหวั่นชีงก็เริ่มแสดงฝีมือในการทำอาหาร คนที่มักจะแยกออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียวอย่างเธอแล้ว การทำอาหารง่ายๆนั้นเป็นเรื่องที่สบายมาก ไม่นานทั้งครัวก็ส่งกลิ่นหอมออกมา
พอจิ้นเฟิงเหราที่กำลังนอนอยู่ชั้นบนได้กลิ่นอาหาร ก็เดินลงมาอย่างง่วงๆ
พอเห็นร่างที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวของเธอ มุมปากก็อดที่จะยิ้มออกไม่ได้
เขาจึงพิงกรอบประตูมองเธอเงียบๆ จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่าถ้าเขามีภรรยาแบบนี้ชีวิตคงจะสมบูรณ์แบบ
ส้งหวั่นชีงไม่รู้ตัวว่ามีสายตาที่รุ่มร้อนกำลังมองเธออยู่ข้างหลัง ตอนนี้เหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากเธอ แต่เธอไม่สนใจมัน
เสียงไมโครเวฟดังขึ้น ส้งหวั่นชีงรีบยกโจ๊กที่ปรุงแล้วออกมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่คิดจะเอาไปวางไว้ที่ห้องนั่งเล่นนั้น พอหันหน้ามาก็เห็นจิ้นเฟิงเหราที่มองเธอด้วยรอยยิ้ม
"นายทำให้ฉันตกใจแทบแย่ ทำไมมาไม่รู้จักให้สุ้มให้เสียง" ส้งหวั่นชีงอดที่จะบ่นไม่ได้
"ถ้าฉันส่งเสียงก็จะรบกวนเธอน่ะสิ ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะมีฝีมือด้วย ถือได้ว่าเป็นภรรยาและแม่ที่ดีจริงๆ" เมื่อเห็นอาหารที่ทำเสร็จแล้วของส้งหวั่นชีง จิ้นเฟิงเหราก็อดเอ่ยปากชมไม่ได้
ส้งหวั่นชีงกรอกตาใส่เขา "ยังไม่รีบมาช่วยอีก"
จิ้นเฟิงเหราน้อมรับคำสั่งอย่างมีความสุข หลังจากวางอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะแล้ว น้ำลายของจิ้นเฟิงเหราก็แทบจะไหลออกมา
ไม่รู้ทำไมว่าพอได้เห็นอาหารธรรมดาเหล่านี้แล้ว จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่าอาหารที่หรูหราข้างนอกนั้นกลับสู้อาหารเหล่านี้ไม่ได้เลย
เขาคีบปลาเข้าปาก เนื้อของมันอร่อยมากๆ จิ้นเฟิงเหราจึงยกนิ้วให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!