ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 413

สรุปบท บทที่ 413 อย่าหาว่าไม่เกรงใจ: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปตอน บทที่ 413 อย่าหาว่าไม่เกรงใจ – จากเรื่อง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

ตอน บทที่ 413 อย่าหาว่าไม่เกรงใจ ของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์เรื่องดัง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดยนักเขียน เมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

อย่าหาว่าไม่เกรงใจ

ในขณะเดียวกันหลานซือเฉินกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา ในมือถือแก้วน้ำและเคาะนิ้วลงไปบนโต๊ะ สายตาของเขาจับจ้องไปยังข้อความที่ส่งเข้ามา

เนื้อหาของข้อความพูดเกี่ยวกับเรื่องมรดกตระกูลเจียง หลานซือเฉินยิ้มเผยของความชั่วร้ายออกมา

คิดไม่ถึงว่าตาเฒ่าเจียงนั่นจะทำเรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง

เขาวางแก้วน้ำลงแล้วขับรถไปยังบ้านตระกูลเจียง เมื่อไปถึงที่บ้านเขาก็โทรศัพท์หาเจียงนวลนวล

“ผมอยู่ที่หน้าบ้านคุณ ลงมาเปิดประตูให้ผมหน่อย”

เมื่อเจียงนวลนวลได้ยินเสียงของหลานซือเฉินเธอก็ดีใจจนพูดไม่ออก แล้วรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้เขา

“ซือเฉิน มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

เจียงนวลนวลถามขึ้นด้วยความสงสัย

หลานซือเฉินเปิดประตูข้างคนขับให้เธอแล้วพูดว่า “เราจะไปพบกับคนคนหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมรดกของคุณปู่”

เมื่อได้ยินว่าเป็นมรดก เจียงนวลนวลก็ดีใจและตื่นเต้นมาก เงินจำนวนนั้นสำหรับเธอสำคัญมากจริงๆ ถ้ามีเงินก้อนนั้นเธอคงไม่ต้องลำบากแบบนี้

เจียงนวลนวลเข้าไปนั่งในรถ แล้วทั้งสองก็มุ่งหน้าไปที่สำนักงานกฎหมายด้วยกัน

“นี่คือ......” เจียงนวลนวลมองไปยังหลานซือเฉินแล้วเอ่ยถาม

หลานซือเฉินพูดว่า “นี่คือสำนักทนายความที่จัดการเรื่องมรดกของคุณปู่ เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับเขามาก เพียงแค่เขายินยอมช่วยเหลือคุณ พวกเราอาจจะได้รับมรดกเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์!”

เมื่อพูดจบเขาก็ยื่นมือออกมาและจูงมือเจียงนวลนวล

การกระทำของเขานี้ทำให้เจียงนวลนวลรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เธอยื่นมือไปให้เขา ทั้งสองคนจึงได้กุมมือเดินเข้าไปในสำนักงานกฎหมายด้วยกัน

สิ่งที่หลานซือเฉินคิดนั้นคือ “จากพินัยกรรมฉบับนั้น ทนายคนนี้เป็นคนร่างขึ้น ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ชัดเจนที่สุดในเรื่องของมรดกคุณปู่ เมื่อถึงเวลาผมจะหาวิธีจัดการกับพินัยกรรมนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าโอกาสมีไม่มากแต่ก็ยังมีกว่าไม่ได้ลอง หากไม่ได้ลองดูจะรู้ได้อย่างไร?”

เจียงนวลนวลเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันจึงได้เอ่ยถามว่า “คุณคิดว่าจะประสบความสำเร็จไหมคะ?”

เจียงนวลนวลไม่มั่นใจนักเขาจึงตอบไปว่า “พวกเราลองดูก่อนครับ ถ้าสำเร็จขึ้นมาล่ะ!”

“แต่ว่าทนายความของคุณปู่คงจะเป็นทนายความชั้นยอดจริงๆ พวกเราจะทำลายพินัยกรรมฉบับนั้นได้เหรอคะ?” เจียงนวลนวลรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด

คำพูดของเธอทำให้หลานซือเฉินรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงตอบกลับไปว่า “ทำไมคุณต้องตีตนไปก่อนไข้?พวกเรายังไม่ได้เข้าไปด้วยซ้ำ คุณก็คิดจะถอยออกแล้ว อยากให้ทรัพย์สินตกอยู่ในกำมือของเจียงสื้อสื้อเหรอ?”

แน่นอนว่าเจียงนวลนวลไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกและได้แต่เดินตามหลังเขาเข้าไปอย่างเงียบๆ

เมื่อเดินเข้าไปถึงด้านใน หลานซือเฉินก็ตรงเข้าไปหาทนายความคนนั้น ก่อนที่จะเดินทางมาเขาได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนว่าทนายความคนนั้นอยู่ที่ไหนชื่ออะไรและเขารู้ข้อมูลเบื้องต้นชัดเจน

เนื่องจากเป็นสมบัติของตระกูลเจียง ทำให้หลานซือเฉินไม่อาจจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ จึงให้เจียงนวลนวลเข้าไปสอบถาม

“สวัสดีค่ะคุณทนาย ขอรบกวนหน่อยนะคะ พอดีฉันมีคำถามอยากจะถามคุณ รบกวนเวลาคุณสักหน่อยไม่ทราบว่าสะดวกไหม ?” เนื่องจากจำเป็นต้องให้เขาช่วยเหลือ ดังนั้นเจียงนวลนวลจึงได้พูดจาอย่างมีมารยาทถ่อมตน

เมื่อทนายความได้ยินดังนั้นก็คิดไปว่าเธอคงเป็นคนที่ไม่เข้าใจในกฎหมายและกำลังจะหาใครสักคนมาช่วยเธอทำธุระอยู่ ดังนั้นจึงรีบเปิดประตูและพูดว่า “เข้ามาครับ”

ในความเป็นจริงวายร้ายอย่างหลานซือเฉินเขาก็เพียงพูดไปเท่านั้น จะยอมมอบเงินมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?!

ใครจะไปคิดว่าชายชราไม่เพียงแต่ไม่สนใจ แต่เขาพูดกลับมาตรงๆว่า “อย่าว่าแต่หนึ่งในสามเลย ต่อให้ยกให้ผมทุกบาททุกสตางค์ผมก็ไม่อยากได้!”

พวกเขาไม่รู้มาก่อนว่าทนายความนี้กับผู้เฒ่าเจียงเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน พินัยกรรมฉบับนั้นเขาได้เขียนมันขึ้นกับมือของตัวเองและรู้ดีว่านายเฒ่าเจียงรักและเอ็นดูเจียงสื้อสื้อมากขนาดไหน เขาจะปล่อยให้คนโลภมากสองคนนี้มาแย่งทรัพย์สินของเจียงสื้อสื้อไปได้ยังไง?

หลานซือเฉินเดินออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิดและสีหน้าไม่น่าดูเท่าไหร่นัก

เจียงนวลนวลเองก็เช่นกัน เขาถูกชายชราคนนั้นทำให้อารมณ์เสียเป็นที่สุด เลยบ่นออกมาว่า “ตาแก่นี่ไม่ยอมช่วยพวกเราแน่ เราจะทำยังไงกันดี?”

เธอหันไปเห็นหลานซือเฉินยิ้มขึ้นแล้วพูดว่า “พูดดีๆไม่ชอบก็คงต้องใช้ไม้แข็งแล้วล่ะ เมื่อถึงเวลาจะหาว่าผมไม่เกรงใจ!”

น้ำเสียงของเขานั้นทำให้เจียงนวลนวลรู้สึกตกใจจนตัวสั่น เธออยากรู้จริงๆว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

แต่หลานซือเฉินไม่ได้บอกกับเธอ

หลานซือเฉินเป็นคนที่อยากได้อะไรต้องได้ นับประสาอะไรกับทนายความแก่คนนี้ที่มาปิดกั้นวิธีการหาเงินของเขา

ในวันนั้นเมื่อทนายความเดินทางกลับบ้านก็เกิดเรื่องขึ้น

บอดี้การ์ดชุดดำกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาขวางหน้าเขาไว้

“พวกคุณจะทำอะไร?” ทนายความคนนั้นเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

“ง่ายมากๆ เพียงแค่คุณมอบพินัยกรรมฉบับนั้นออกมาก็พอ” คนที่เดินนำหน้ามาพูดขึ้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!