บทที่ 435 พวกคุณหนีไม่รอดสักคนหรอก
หลังจากที่กลับมาถึงห้อง จิ้นเฟิงเฉินที่กำลังอมยิ้มอยู่ก็จ้องตรงมาที่เจียงสื้อสื้อ
จนเจียงสื้อสื้อรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“สื้อสื้อ ผมว่าเราควรทำความปรารถนาของคุณแม่ให้ลุล่วงได้แล้วนะครับ”
พอได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แต่กับเรื่องอย่างนี้ เจียงสื้อสื้อก็ยังไม่คุ้นเคยกับมันอยู่ดี
ตอนนี้เจียงสื้อสื้อก็ไม่ต่างจากลูกไก่ที่อยู่ในกำมือของเขาเลย
เธอส่งสายตาอ้อนวอนให้กับจิ้นเฟิงเฉิน แต่เธอไม่รู้เลยว่าแววตาแบบนี้มันยิ่งเป็นการเย้ายวนให้ผู้ชายอยากรุกรานมากขึ้นไปอีก
จิ้นเฟิงเฉินในตอนนี้ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปแล้ว
จึงได้เข้าไปกดเธอเอาไว้
………
จนฟ้าใกล้งสางแล้ว จิ้นเฟิงเฉินถึงยอมปล่อยเจียงสื้อสื้อให้เป็นอิสระ
เจียงสื้อสื้อที่เหน็ดเหนื่อยมาก นอนจนถึงบ่ายสองจึงจะตื่นขึ้นมา
พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นจิ้นเฟิงเฉินที่กำลังจ้องมองเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เจียงสื้อสื้อจึงได้ถามไปด้วยความสงสัยว่า “วันนี้คุณไม่ต้องเข้าบริษัทเหรอคะ?”
“วันนี้ผมตั้งใจอยู่ดูแลคุณที่บ้านครับ ส่วนงานที่บริษัทผมได้มอบหมายให้กู้เนี่ยนไปจัดการแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
หลังจากนอนเล่นอยู่บนที่นอนไปสักพัก ทั้งสองคนถึงยอมลุกไปอาบน้ำ
พอเดินมาถึงหน้ากระจก เจียงสื้อสื้อก็ต้องตะลึงกับรอยแดงที่อยู่บนคอ
นี่……จะให้เธอออกไปข้างนอกด้วยสภาพแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย………
พอจิ้นเฟิงเฉินเห็นอย่างนั้น จึงได้เดินมาโอบเธอจากทางด้านหลังแล้วกระซิบที่ข้างหูของเธอว่า “ผมจะให้คนทั้งโลกได้รู้ว่าคุณเป็นของผมครับ”
เจียงสื้อสื้อไม่ขำด้วย แล้วตีแขนของจิ้นเฟิงเฉินไปทีหนึ่ง “เดี๋ยวลงไปข้างล่างแล้วเกิดถูกแม่เห็นเข้า ท่านจะคิดยังไงคะ?”
จิ้นเฟืงเฉินไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด ได้แต่กอดเธอไว้แน่นๆ อย่างนั้น
เจียงสื้อสื้อที่ทำอะไรไม่ได้ เถียงก็ไม่ไหว จึงจำใจต้องปล่อยให้เลยตามเลย
หลังเสียเวลาอยู่ในห้องน้ำอีกเป็นชั่วโมงทั้งสองคนถึงยอมออกมาจากข้างใน
ก่อนลงจากห้อง เจียงสื้อสื่อก็ตั้งใจเลือกเอาชุดที่มีคอเสื้อสูงๆ เพื่อหวังจะเอามาปิดรอยแดงที่คอ
“ตื่นสักทีนะ อาหารทำเสร็จแล้วรอแค่พวกลูกลงมากินเท่านั้นแหละ” แม่จิ้นพูดไปยิ้มไป
เพลย์บอยอย่างจิ่นเฟิงเหรา สามารถสังเกตเห็นรอยแดงบนคอที่เจียงสื้อสื้อกำลังพยายามปกปิดในทันที
“พี่สะใภ้ครับ ดูท่าเมื่อคืนพี่ผมจะจัดหนักไม่เบาเลยนะครับ” จิ้นเฟิงเหราอดใจไม่ไหวจนต้องพูดแซวไป
เขาพูดยังไม่ทันขาดคำเขาก็ถูกจิ้นเฟิงเฉินพูดขัดขึ้นมาทันที “กินข้าว”
ในขณะที่พูดอยู่ เขาก็คีบหมูชิ้นหนึ่งใส่ถ้วยของจิ้นเฟิงเหรา พร้อมกับส่งสายตาตักเตือนไปด้วย
จิ้นเฟิงเหรารู้สึกเสียวสันหลังวาบ จึงได้รีบก้มหน้าก้มตากินข้าวและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นพูดมาอีกเลย
พอเห็นเขาเป็นอย่างนั้น แม่จิ้นก็ดุไปพร้อมกับอมยิ้มไป “ขนาดมีข้าวเต็มปากอย่างนี้ก็ยังไม่สามารถอุดปากแกได้สินะ? หลังจากกินข้าวเสร็จแกช่วยออกไปเดินเล่นกับฉันที่สวนสาธารณะทีนะ แกจะได้ไม่ต้องมาพูดมากอยู่อย่างนี้”
พอได้ยินอย่างนั้น จิ้นเฟิงเหรายิ่งตั้งใจกินข้าวเข้าไปอีก ใครให้เขาเป็นคนที่มีตำแหน่งเล็กที่สุดในบ้านนี้เองล่ะ
ตระกูลจิ้นที่กำลังอยู่ในบรรยากาศอันสุขสม ช่างแตกต่างจากตระกูลเจียงที่กำลังร้อนรนกันอยู่
บริษัทที่เคยร่วมมือกับเจียงซื่อต่างก็พากันหาทางรอดให้ตัวเองแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!