สรุปตอน บทที่ 442 คนสวยโผ่เข้ากอด – จากเรื่อง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว
ตอน บทที่ 442 คนสวยโผ่เข้ากอด ของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์เรื่องดัง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดยนักเขียน เมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 442 คนสวยโผ่เข้ากอด
หลังถึงโรงพยาบาลแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ถามว่า“ฉันอยู่ตรวจร่างกายเป็นเพื่อนนาย?”
จิ้นเฟิงเหรารีบส่ายหน้าเหมือนกลองสั่นอย่างนั้น “อย่าเลยพี่ ยังไงคุณก็กลับไปทำงานที่บริษัทเถอะ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว”
“ขาของนาย……”
จิ้นเฟิงเหราชี้ไปที่หมอและพยาบาล พูดอย่างไม่เกรงใจว่า“มีพวกเขาก็พอแล้ว ถึงยังไงพี่อยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้”
จิ้นเฟิงเฉินเงียบ แล้วก็พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า“ใครอยากจะสนใจแก”
หมุนตัวเดินออกไป
สรุปแล้วยังคงไม่ไว้วางใจ จิ้นเฟิงเฉินทำได้แค่ไปหาส้งหวั่นชีง ให้เขาดูแลจิ้นเฟิงเหราดี ๆ
ส้งหวั่นชีงก็รับปากอยู่แล้ว ในเวลาเดียวกันในใจก็อิจฉาความรักของสองพี่น้องนี่
ไม่ใช่ว่าเป็นคนรวยแล้วจะไม่มีความรักระหว่างพี่น้อง เห็นสองพี่น้องนี้แล้วก็รู้ว่าไม่ใช่อย่างนั้น
หลังตรวจร่างกายเสร็จไปแล้วสองชั่วโมง ส้งหวั่นชีงถามว่า“คุณต้องการให้พี่ชายของคุณมารับคุณไหม?”
“ไม่ต้อง ผมยังไม่อยากกลับไป”
ส้งหวั่นชีงเงียบ กำลังคิดว่าคุณชายคนนี้เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก
ก็เห็นจิ้นเฟิงเหรามองเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับทั้งสองข้าง พูดว่า “คุณเดินเล่นเป็นเพื่อนผมแล้วกัน นานมากแล้วที่ผมไม่ได้ออกมา อยู่ที่บ้านจนจะกลายเป็นขึ้นราแล้ว
ผมบนหัวของผมอาจจะมีเห็ดขึ้นมาแล้ว คุณช่วยผมดูหน่อย”
“……”
ส้งหวั่นชีงไม่มีอะไรจะพูด พูดอย่างอ้อม ๆ ว่า “ฉันยังมีงานอื่นที่ต้องทำ คุณชายรองยังไงก็ให้คนที่บ้านพาคุณไปเดินเล่นแล้วกัน”
จิ้นเฟิงเหรามีท่าทางที่จะร้องไห้ “งานของคุณไม่ใช่ว่าต้องดูแลผมเหรอ อยากจะสะบัดผมทิ้งก็ไม่ต้องหาข้ออ้างนี้ ผมเสียใจมากเลย”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้……”
“คุณคือ คุณรังเกลียดผม”
จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างสิ้นหวัง“ช่างเถอะ ผมไม่ควรรบกวนคุณ ผมผิดเอง ผมไปเดินเล่นเองแล้วกัน คุณไม่ต้องสนใจผมแล้ว”
ส้งหวั่นชีงมองเขาโยกรถเข็นอย่างุนงง เดินขึ้นไปข้างหน้าอย่างเปลืองแรง
เงาด้านหลังแทบจะมีน้อย……เหงา ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกโกรธและก็ตลกมาก
ส้งหวั่นชีงตามขึ้นไปช่วยเขาผลักรถเข็น พูดให้ดีใจว่า “โอเคร โอเคร ฉันพาคุณไปเดินเล่น”
ใบหน้าของจิ้นเฟิงเหราก็ยิ้มแฉ่งออกมาเหมือนกับดวงอาทิตย์ สว่างจนทำให้ดวงตาของส้งหวั่นชีงใกล้จะบอดแล้ว
ต่อมา พวกเขาก็ออกจากโรงพยาบาล ในการชี้นำของจิ้นเฟิงเหรา พวกเขาเดินเล่นไปสามถนน กินของไปแปดอย่าง จิ้นเฟิงเหรายังต้องการไปที่ร้านเสื้อผ้า
ส้งหวั่นชีงมองขาทั้งสองข้างของเขาที่ขยับไม่ได้ พูดอย่างอดทนไม่ได้ว่า“คุณแน่ใจว่าต้องการจะไปร้านเสื้อผ้าในสภาพอย่างนี้?”
“ก็ใช่สิ แต่ว่าผมไม่ซื้อ คุณก็ซื้อได้”จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างสมเหตุสมผล
ส้งหวั่นชีงปฏิเสธโดยสิ้นเชิง“ฉันไม่ขาดแคลนเสื้อผ้า”
“งั้นน่าเสียดายมากแล้ว ผมซื้อให้คุณเอาไหม”จิ้นเฟิงเหราเลียริมฝีปาก
“ไม่เอา”
จิ้นเฟิงเหราทำปากจู๋พูดว่า “ทำไมอ่ะ”
“มีทำไมมากมายอย่างนั้นที่ไหนกัน ไม่มีความดีความชอบอะไร รับของไม่ได้”
จิ้นเฟิงเหรายิ้มจนหัวคิ้วงอ “คุณทำงานมีความรับผิดชอบมาก ดูแลผมเป็นอย่างดี ผมพอใจมาก นี่ถือว่ามีความดีความชอบหรือเปล่า?”
“นี่เป็นงานของอาชีพฉันอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ฉันควรจะทำ พอแล้ว คุณชายรอง ไม่พูดอันนี้แล้ว”
ส้งหวั่นชีงเวียนหัว รีบหยุดหัวข้อสนทนานี้ กลัวว่าจิ้นเฟิงเหราจะติดพันจนไม่จบสิ้น
จิ้นเฟิงเหราหมุนตัวในรถเข็น เผชิญหน้ากับส้งหวั่นชีง
“ทำไม?”
เผชิญหน้าที่จู่ ๆ จิ้นเฟิงเหราหมุนตัว ส้งหวั่นชีงอดไม่ได้ที่จะขนลุกขึ้นมา
จิ้นเฟิงเหราหัวเราะเบา ๆ “ก็อยากมองหน้าคุณ”
หน้าของส้งหวั่นชีงร้อนขึ้นเล็กน้อย ไม่กล้าสบตากับจิ้นเฟิงเหรา
คิดได้ก็เดินไปข้างหน้า กลับลืมไปว่าพวกเขายังรอไฟเขียวอยู่
สองคนก็เดินไปบนถนนเงียบ ๆ อย่างนี้
กระทั่งมองเห็นวิลล่าของตระกูลจิ้น ส้งหวั่นชีงถึงได้โล่งใจ ในที่สุดก็ถึงแล้ว
เขาเอาจิ้นเฟิงเหราผลักเข้าไปในประตูใหญ่ ตัวเองคิดว่าภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้วก็อยากที่จะรีบออกไป
เพราะว่านี่เป็นตระกูลจิ้นแล้ว ยังไงก็คงจะมีคนมาดูแลคุณชายรองของพวกเขาเอง
ที่จริงแล้วเอาตามที่อาชีพจรรยาบรรณของส้งหวั่นชีง เขาควรจะเอาคนส่งเข้าไปข้างในถึงจะถูก แต่ตอนนี้เขากลับไม่มีอารมณ์นั่นโดยสิ้นเชิง
แค่ตอนนี้อยากที่จะรีบออกไป หลีกหนีคนนี้ให้เร็วขึ้น
“ถึงแล้ว คุณชายรองจิ้น ฉันไปก่อนแล้ว ”ส้งหวั่นชีงพูดออกมาแล้วก็เตรียมหมุนตัวจะออกไป
เสียงของจิ้นเฟิงเหราที่อยู่ด้านหลังก็ค่อย ๆ ดังขึ้น “คุณไม่ส่งผมเข้าไปเหรอ?”
ตัวส้งหวั่นชีงแข็งทื่อ “นี่เป็นบ้านของคุณแล้ว ไม่มีอันตรายหรอก”
เขาเริ่มก้าวเท้าอีกครั้ง แต่กลับก้าวไม่ออก
เพราะว่าจิ้นเฟิงเหราดึงมือของเขาไว้ ผิวที่อุ่นร้อนสัมผัสกัน ใจที่เต้นของส้งหวั่นชีงก็สับสนอีกครั้ง
“คุณชายรองจิ้น ฉันควรจะกลับโรงพยาบาลแล้ว”
เสียงของส้งหวั่นชีงมีอาการสั่นเล็กน้อย เป็นผลที่มาจากแรงกดดัน เขากลัวว่าอยู่ต่อไปก็จะเสียมารยาทแล้ว
จิ้นเฟิงเหราไม่ได้พูดอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือเขาไป
ส้งหวั่นชีงรู้สึกว่าทรมานมาก ไม่เข้าใจความหมายของจิ้นเฟิงเหราว่าคืออะไร
ตามที่เขาเข้าใจ คุณชายท่านนี้เปิดเผยมาโดยตลอด
ถึงแม้นิสัยจะไม่เปลี่ยนไปบ้าง แต่นิสัยเดิมก็ไม่เลวร้าย ใช้ชีวิตตามสบาย แต่จริงๆ แล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง
เปลี่ยนเป็นคนใดคนหนึ่ง ต่างพูดว่าจิ้นเฟิงเหราเป็นเพลย์บอย แต่เขากลับรู้สึกว่าบนตัวของจิ้นเฟิงเหราทั้งหมดต่างเป็นจุดเด่น
ส้งหวั่นชีงอยากที่จะปิดหน้า ดึงมือแต่ก็ดึงไม่กลับมา
เขากัดริมฝีปาก พูดอีกครั้งว่า “คุณชายรอง ฉันจะต้องไปแล้วจริง ๆ ”
“เสี่ยวหวั่น”จิ้นเฟิงเหราพูดหนึ่งคำหยุดหนึ่งคำว่า“คุณอยากจะลองคบกับผมไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!