ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 464

สรุปบท บทที่ 464 ตัวตลก: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอน บทที่ 464 ตัวตลก จาก ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 464 ตัวตลก คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ที่เขียนโดย เมียวเมียว เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 464 ตัวตลก

เรื่องที่เกิดขึ้นในไม่กี่วันมานี้ก็พอที่จะทำให้เจียงสื้อสื้อเหนื่อยใจ เธอได้พิงไปที่ไหล่ของจิ้นเฟิงเฉินอย่างขี้เกียจ

“เฟิงเฉิน ฉัน......”

แน่นอนว่าจิ้นเฟิงเฉินต้องรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่สบายใจ ก็ได้ปลอบไปเบาๆ ว่า “สื้อสื้อ ตอนนี้พวกเราได้สารภาพไปหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่รอดูว่าคนพวกนั้นจะตายยังไงก็พอแล้ว”

เจียงสื้อสื้อพยักหน้า

กลับไปถึงบ้าน เจียงสื้อสื้อก็ได้ตรงเข้าห้องเลย แม่จิ้นรู้ว่าเธอเหนื่อยใจ ก็ไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น

พลังของเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้นเยอะมาก ขนาดแม่จิ้นก็อยู่แต่ในบ้าน เธอนั้นไม่อยากที่จะถูกพวกคุณนายพวกนั้นถาม

“แม่ครับ แม่ช่วยดูแลสื้อสื้อหน่อยนะ ผมกลับไปที่บริษัทก่อน” จิ้นเฟิงเฉินพูดออกไป ก็ได้ออกจากบ้าน

แม่จิ้นไปเคาะประตู เจียงสื้อสื้อไม่ตอบอะไร

ก็ได้แง้มเล็กน้อย เห็นร่างเล็กๆ ที่มุดอยู่ที่เตียง แม่จิ้นถึงได้วางใจ

เปิดโทรศัพท์มาดู หน้าจอก็ได้มีข่าวใหม่ขึ้น

ประธานจิ้นกรุ๊ปก็ได้ปกป้องภรรยาแล้วพูดว่าเรื่องพวกนั้นไม่เป็นความจริง!

แม่จิ้นก็ได้รีบกดเข้าไป ที่เห็นก็คือเรื่องที่จิ้นเฟิงเฉินได้พูดตอนที่อยู่เจียงซื่อกรุ๊ปวันนี้

เห็นแบบนั้น มุมปากของแม่จิ้นก็ได้มีรอยยิ้ม เธอรู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้จิ้นเฟิงเฉินต้องจัดการได้

ในเวลาเดียวกัน จี้เฉินที่นั่งอยู่ในตึกของสตีเฟนกรุ๊ป มุมปากก็ได้ยิ้มออกมาอย่างได้ใจ

ช่วงนี้หุ้นของจิ้นกรุ๊ปก็ได้ลดแบบไม่หยุด สำหรับเขานี่เป็นข่าวดีมากๆ

เขารู้ว่าไม่ควรที่จะได้ใจเกินไป เพราะงั้น ช่วงที่ผ่านมาเขานั้นได้คิดหาแผนสำรองมาโดยตลอด

“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูที่อยู่ๆ ก็ดังขึ้นได้ดึงสติของจี้เฉินกลับมา

จี้เฉินนิ่งไป เห็นผู้ช่วยก่อนหน้าได้พาคนเข้ามา ก็ได้ถามอย่างสงสัย “นี่คือ?”

“คนนี้คือประธานฟาง ได้คุยเรื่องร่วมงานกับจิ้นกรุ๊ปแต่ก็ได้ล้มไปเพราะเหตุผลบางอย่างในช่วงนี้ครับ ผมรู้สึกว่าสตีเฟนกรุ๊ปต้องการคนแบบนี้มาร่วมธุรกิจด้วย เพราะงั้นก็ได้พาเขามา ท่านประธานว่า?”

คนที่สามารถทำงานกับจี้เฉินต้องเป็นคนไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เรื่องสังเกตสีหน้าอารมณ์ไม่ต้องเอ่ยถึง เขารู้ว่าจี้เฉินตอนนี้ต้องการอะไร

เป็นไปอย่างที่คิด พอจี้เฉินได้ยินการแนะนำตัวเสร็จ ก็ได้เปลี่ยนท่าทีที่มีให้ทันที ยิ้มเบาๆ “ประธานฟาง ยินดีที่ได้พบครับ”

ประธานฟางคนนั้นชื่อฟางถิงหลิน เดิมทีร่วมงานโครงการหนึ่งกับจิ้นกรุ๊ป

เดิมก็เจรจากันไปไม่น้อยแล้ว ใครจะคิดว่าเขานั้นเป็นตัวเอกของข่าวลือ

ก็ได้พูดมากถามเรื่องเจียงสื้อสื้อไปเล็กน้อย ก็ทำให้จิ้นเฟิงเฉินโมโห แล้วเดินออกไปเลยทันที

ช่วงนี้หุ้นของจิ้นกรุ๊ปได้ร่วง ประธานฟางคนนั้นก็คิดไม่ซื่อ

ตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินทำแบบนี้ เขาก็ได้ยกเลิกสัญญาไปเลยซึ้งๆ หน้า จิ้นกรุ๊ปเพื่อที่จะเปิดข่าวแล้วไม่ให้เสียน้ำใจนั้นก็ได้คืนเงินไปไม่น้อย

เรื่องนี้จี้เฉินก็ได้ยินมาบ้าง เดิมทีที่เขาสนใจก็เป็นเรื่องที่จิ้นกรุ๊ปเสียผลประโยชน์มาโดยตลอด

คิดไม่ถึงว่า ผู้ช่วยก็ได้พาฟางถิงหลินมาแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เขาแปลกใจมากๆ

ฟางถิงหลินก็ได้ดื่มชาไปด้วยความไม่ใส่ใจ แล้วก็ได้มองภาพเขียนที่จี้เฉินแขวนที่พนันไป

อิทธิพลของเขาถามเทียบกับสตีเฟนกรุ๊ปแล้ว ก็เทียบอะไรไม่ได้เลย

เพราะงั้นเขาก็ได้เป็นคนเริ่มหาเรื่องคุยก่อน แต่ก็ได้พูดออกไปอย่างไม่เป็นตัวเอง “ประธานจี้เป็นคนที่ละเอียดอ่อนจังนะครับ ภาพนี้พอมองแล้วก็รู้เลยว่าเป็ยภาพวาดของคนดัง”

ประธานจี้ก็ได้เหล่ไปมองสักพัก ก็ได้พูดออกมาว่า “ประธานฟางก็พูดชมเกินไปครับ ผมนั้น ก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบพูดอะไรอ้อมๆ ไหนๆ คุณก็มาถึงที่นี่แล้ว ก็หมายความว่าสนใจที่จะร่วมงานกับสตีเฟนกรุ๊ป เอาแบบนี้ พวกเรามาทำข้อตกลงกันไหม ถ้าได้ ก็ร่วมงานกันเลย”

“งั้นทำยังไง?” จิ้นเฟิงเหราได้ขมวดคิ้วบนนั้นได้เขียนคำว่ากังวลเต็มไปหมด

“นำเข้า ใช้ของราคาสูง”

พูดแบบนี้ออกไป คนในห้องประชุมก็ได้มีความเคลื่อนไหวทันที

สุดท้ายก็มีผู้ถือหุ้นที่ซื่อตรงคนหนึ่งก็ได้รีบออกเห็นด้วยกับความคิดของจิ้นเฟิงเฉิน

“ที่ประธานจิ้นพูดก็ถูก ถ้าใช้ของที่ไร้คุณภาพจริงๆ ถึงเวลาผู้ซื้อนั้นต้องรู้สึกได้ สุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบก็ยังเป็นพวกเรา ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ไม่ต้องให้มันเกิดขึ้นแต่แรกดีกว่า”

“แต่ถ้าเป็นแบบนี้ การค้าขายนี้ต้องขาดทุนแน่ๆ สินค้านำเข้านั้นแพงกว่าในประเทศไม่รู้กี่เท่า” คนที่อยู่ในนั้นก็ได้ปฏิเสธ

จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ออกมาอธิบาย “เป็นเพียงแค่การขาดทุนระยะสั้น ผมว่ามันไม่เสียหาย”

ผู้คนก็ได้ปรึกษาไปสักพัก ก็รู้สึกว่าที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล ก็ได้พากันพยักหน้า

จากนั้นก็ได้มีผู้ถือหุ้นอีกคนหนึ่งพูดว่า “ได้ยินว่าช่วงนี้สตีเฟนกรุ๊ปได้ขยายธุรกิจ ยังเป็นธุรกิจที่จิ้นกรุ๊ปของพวกเราทำ การตลาดของพวกเราจะมีผลกระทบไปด้วยไหม?”

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฝีมือของพวกเขายังไม่ถึงขั้น ของที่ทำออกมาต้องไม่ดีเท่าที่ควร ที่พวกเราต้องทำ ก็ถึงทำให้ดีกว่าเขา รักษาลูกค้าไว้”

ช่วงนี้ความเคลื่อนไหวของจี้เฉินเขาไม่ใช่ไม่รู้ แต่เสียดายที่เขาไม่ได้มีสามหัวหกแขน ก็เลยทำได้แค่ทำไปทีล่ะขั้น

แต่ว่า ในสายตาของเขาจี้เฉินก็แค่ตัวตลกเท่านั้น ไม่ถึงกับว่าต้องลงมือ

ประชุมเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ขังตัวเองไว้ที่ห้องทำงานอีกครั้ง

ผ่านไปไม่กี่วัน เจียงสื้อสื้อก็ได้ไปทำงานที่บริษัท

เรื่องช่วงนี้มันเยอะเกินไป จิ้นเฟิงเฉินก็ยุ่งอยู่ตลอดไม่เจอหลายวัน ได้อุดอยู่ในห้องทำงานตลอดไม่ออกมา

ถึงแม้ว่าเจียงสื้อสื้อจะเป็นห่วง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ กลัวว่าจะรบกวนเขา ก็เลยไปดูนอกประตูไปพักๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!