ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 497

บทที่ 497 สิ่งอื่นไม่คู่ควรกับคุณ

เมื่อพบว่าจิ้นเฟิงเหราเบี่ยงเบนหัวข้อสนทนาไปนอกกรอบ จิ้นเฟิงเฉินจึงได้สติกลับคืนมา

เขากระแอมออกมาแล้วมองไปยังคนอื่นๆ ก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “เรื่องเครื่องประดับกับชุดแต่งงาน ทุกคนไม่ต้องจัดการหรอกครับ”

เมื่อพูดจบ ทุกคนก็หันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจ

เจียงสื้อสื้อรู้สึกผิดหวังและแอบน้อยใจขึ้นมา แต่ในที่สุดเธอก็สลัดมันทิ้งไปได้

จิ้นเฟิงเหราได้ยินดังนั้นก็ผลักเสี่ยวเป่าออกแล้วชี้นิ้วไปทางจิ้นเฟิงเฉิน พูดด้วยท่าทางปวดใจว่า “พี่ครับ ต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วยเหรอ? ทำกับผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ทำไมพี่ถึงใจดำกับพี่สะใภ้แบบนี้! พี่ครับ พี่มันโคตรเลวเลย! ขนาดชุดแต่งงานกับเครื่องประดับยังไม่ให้เธอ!”

จิ้นเฟิงเฉินชายตามองเขาแล้วไม่ได้สนใจจิ้นเฟิงเหราอีก จากนั้นอธิบายว่า “พวกคุณอย่าเพิ่งคิดมากไป อีกสองสามวันผมจะต้องเดินทางไปต่างพื้นที่ สื้อสื้อจะไปกับผมด้วย แล้วก็ไปดูว่าเหมืองเพชรที่แอฟริกาใต้ของตระกูลเราเป็นอย่างไร คุณภาพเพชรของเราถือว่าอยู่อันดับต้นๆ ถึงเวลาแล้วผมว่าจะคัดเลือกเม็ดที่ดีที่สุดมาให้สื้อสื้อทำเป็นเครื่องประดับครับ”

จิ้นเฟิงเฉินกอดเจียงสื้อสื้อแล้วพูดต่อไปว่า “ส่วนเรื่องชุดแต่งงาน ผมได้ให้กู้เนี่ยนไปติดต่อดีไซเนอร์อันดับหนึ่งของมิลานอย่างลันเฟร์ ฮอร์มัคส์ไว้แล้วครับ พวกเราจะไปมิลานด้วยกัน ดังนั้นเรื่องชุดแต่งงานก็ไม่จำเป็นต้องกังวล”

น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินเรียบง่าย

เขาคล้ายกับกำลังพูดถึงเรื่องว่าวันนี้อากาศเป็นอย่างไร พูดมันออกมาได้อย่างง่ายดาย

แต่คนที่ฟังอยู่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

จิ้นเฟิงเหราฟังจิ้นเฟิงเฉินพูดจบ เขาก็อ้าปากค้าง “ให้ตายสิ จำเป็นต้องอวดแสดงความรักกันขนาดนี้ด้วยเหรอ!”

พี่ชายของเขาเป็นคนโรแมนติกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

พ่อจิ้นที่นั่งอยู่ข้างๆเตะลูกชายคนเล็กเข้าอย่างจัง ก่อนจะตักเตือนว่า “บ่นอะไรกัน เดี๋ยวเสี่ยวเป่าก็ทำตามหรอก ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!”

จิ้นเฟิงเหรานำมือลูบไปที่คอของตนอย่างรู้สึกผิด ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

ส่วนเจียงสื้อสื้อนั้น เมื่อเธอได้ฟังถึงแผนการของจิ้นเฟิงเฉิน ก็รู้สึกราวกับลอยออกไปในอากาศ

อืม......เหมืองเพชรในแอฟริกาใต้

แม่จิ้นพูดอย่างเป็นห่วงว่า “เฟิงเฉิน ความคิดของลูกไม่เลวเลยแม่ไม่คัดค้านเรื่องของเครื่องประดับ แต่เรื่องของดีไซเนอร์ชาวมิลานแม่ได้ยินมาว่าเธอไม่ตัดชุดแต่งงานให้ใครอีกแล้วล่ะ”

เธอรู้เรื่องนี้เนื่องจากเพื่อนคนหนึ่งเล่าให้ฟัง

เมื่อปีก่อนลูกสาวของเพื่อนเธอก็กำลังจะแต่งงาน และต้องการให้ดีไซเนอร์ชื่อดังคนนี้ออกแบบชุดแต่งงานให้

แต่ว่าเมื่อไปหาดีไซเนอร์ พอเธอรู้ว่าจะให้ออกแบบชุดแต่งงานก็กลับปฏิเสธและไม่ยอมออกแบบให้

เรื่องนี้จึงได้จบลงตรงนั้น

สื้อสื้อได้สติกลับคืนมาเธอครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเราไปจ้างดีไซเนอร์ในประเทศก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไร ฉันว่าดีออกนะคะ”

แม้ว่าเธอจะไม่รู้จักว่าดีไซเนอร์คนนี้เป็นใคร แต่ฟังจากน้ำเสียงของแม่จิ้นและท่าทางของเธอนั้น ก็รับรู้ได้ว่าไม่ง่ายที่จะจัดการนัก

เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้นจิ้นเฟิงเหราก็เลิกเล่นและเสนอความคิดเห็นอย่างจริงจัง

“นั่นน่ะสิครับพี่ ผมก็ได้ยินเพื่อนพูดมาเหมือนกัน ผู้คนมากมายไปร้องขอให้ดีไซเนอร์คนนี้ออกแบบให้แต่ไม่มีใครเอาชนะใจเธอได้สักคน

เพื่อความปลอดภัยของพวกเราจ้างดีไซเนอร์ที่ดีที่สุดในประเทศก็พอแล้ว”

“ไม่เป็นไรครับ ลันเฟร์ตกลงแล้วว่าจะออกแบบชุดแต่งงานให้สื้อสื้อ” จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้วแล้วพูดขึ้น

ทุกคนตกตะลึงและมองไปทางเขา

“ไม่น่า จริงเหรอพี่ ทำได้ยังไง ใช้เงินฟาดหัวเขาสินะ!” จิ้นเฟิงเหราอุทานออกมา

จิ้นเฟิงเฉินหันไปมองเขาด้วยสายตาบึ้งตึง “สมองแกนี่คิดอย่างอื่นเป็นไหม? คิดถึงแต่เงินๆต่ำช้าจริงๆ!”

เจียงสื้อสื้อที่อยู่ในอ้อมอกของเขาแอบแลบลิ้นออกมาเนื่องจากในตอนแรกเธอก็คิดแบบนี้เหมือนกัน......

น้ำเสียงอันดูถูกของจิ้นเฟิงเฉินทำให้จิ้นเฟิงเหราแทบสำลัก แต่เขาก็ยื่นหน้าเข้าไปแล้วถามด้วยความสงสัยว่า “แล้วพี่ทำได้ยังไงกันบอกผมหน่อยได้ไหม?”

วินาทีต่อมา จิ้นเฟิงเหราก็ได้รับลูกเตะมาสามที

สองทีมาจากพ่อและแม่ ส่วนอีกทีหนึ่งมาจากพี่ชาย

หลังจากครุ่นคิดอยู่หลายวินาที เจียงสื้อสื้อก็ดึงชายเสื้อของจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้แล้วถามเขาด้วยความมึนงง “มันจะวุ่นวายไปหรือเปล่าคะ ที่จริงงานแต่งงานจัดเลี้ยงง่ายหน่อยก็ได้”

ที่จริงเจียงสื้อสื้อก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ก่อนหน้านี้เธอก็เคยจินตนาการถึงงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่

คิดไม่ถึงว่าจิ้นเฟิงเฉินจะทำให้เธอได้มากถึงขนาดนี้

เพียงแค่เรื่องเชิญดีไซเนอร์ ก็จะต้องให้กู้เนี่ยนเป็นคนจัดการ จะให้เจียงสื้อสื้อเชื่อได้อย่างไรว่างานทุกอย่างจะเรียบง่าย

สำหรับดีไซเนอร์ระดับนั้นแล้ว เรื่องเงินทองไม่สามารถทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจได้แน่

จิ้นเฟิงเฉินจะต้องพยายามเป็นอย่างมากจึงได้รับโอกาสนี้จากเธอ

เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินก็เอ่ยปฏิเสธกลับไปทันทีว่า “ไม่ได้ครับ”

เขามองไปในแววตาของเธอ จากนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็จับมือเธอขึ้นมาจูบ ราวกับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น “ไม่ลำบากเลยครับ คุณควรได้รับทุกสิ่งที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ สิ่งอื่นๆไม่คู่ควรกับคุณ”

ในดวงตานั้นแฝงไปด้วยความลึกซึ้งอย่างอธิบายไม่ได้

เจียงสื้อสื้อน้ำตาคลอ เธอรู้สึกประทับใจจิ้นเฟิงเฉินมาก

คนอื่นๆที่อยู่ข้างๆก็พากันก้มหน้า ไม่กล้ารบกวนพวกเขาที่กำลังถ่ายทอดความอบอุ่นแก่กัน

แม้แต่จิ้นเฟิงเหราเองก็เดินไปนั่งลงแล้วมองภาพนี้อย่างเงียบๆ

หัวใจของเขาถูกกระตุ้นขึ้น

จู่ใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา

บางทีการแต่งงานอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เขาคิดก็ได้

วันต่อมาจิ้นเฟิงเหราไปรับส้งหวั่นชีงหลังเลิกงานที่โรงพยาบาล

ตอนที่ทั้งสองกำลังเดทกันนั้น จิ้นเฟิงเหราอดไม่ได้ที่จะพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเตรียมงานแต่งงานของจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อ

“คุณสมควรได้รับทุกสิ่งที่ดีที่สุดในโลก แหม แหม! พี่ชายของผมพูดออกมาได้ไม่อายใครเลย

น่าอายจริงๆ ผมฟังแล้วยังขนลุกเลย”

จิ้นเฟิงเหรายังคงพูดถึงบทสนทนาเมื่อตอนเช้า พลางบ่นพี่ชายของเขาไม่หยุด

ส้งหวั่นชีงหยิกเขาเข้าทีหนึ่ง

“คุณจะไปเข้าใจอะไร ความโรแมนติกน่ะไม่มีอะไรน่าอายหรอก!”

เธอพูดด้วยความอิจฉาว่า “ฉันเชื่อว่าพี่สื้อสื้อจะต้องมีความสุขแน่”

จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้วแล้วเอื้อมมือไปจับส้งหวั่นชีง

จากนั้นจ้องไปในดวงตาอันเป็นประกายของเธอแล้วถามขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า

“ทำไมเหรอ?ตอนนี้คุณไม่มีความสุขหรือไง?”

เขาจ้องไปยังส้งหวั่นชีงด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“เอ่อคือว่า......”

ส้งหวั่นชีงตกตะลึงไปชั่วครู่ นิ้วมือเรียวงามของเธอลูบไปที่ริมฝีปากแล้วทำท่าทางครุ่นคิด

เธอเหลือบตาไปมองที่จิ้นเฟิงเหรา จากนั้นพูดเบาๆว่า “ฉัน ฉันเหรอ ก็โอเค”

คำตอบของเธอทำให้สีหน้าของจิ้นเฟิงเหราเปลี่ยนไป เขาไม่พอใจเท่าไหร่

อะไรคือก็โอเค?

ฟังดูเหมือนเธอไม่พอใจเท่าไหร่

ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายรู้สึกลดลงไปทันที วินาทีนี้จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่าเขาถูกเอาไปเปรียบเทียบกับจิ้นเฟิงเฉิน

ตอนนี้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปจากแดดจ้าเป็นมืดครึ้ม

เขากำหมัดแน่นแล้วมองไปที่ส้งหวั่นชีงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงน่าเบื่อว่า “คุณรอดูเถอะ ผมจะทำให้คุณมีความสุขกว่าพี่สะใภ้อีก!”

เขากัดฟันแล้วพูด ทำให้ส้งหวั่นชีงรู้สึกว่าเขาน่ารักไปกว่าเดิม

เธอจึงเอามือปิดปากแล้วหัวเราะเบาๆ จากนั้นจับมือจิ้นเฟิงเหราแล้วพูดว่า “โอเคค่ะ ฉันจะรอ”

ราวกับกินน้ำผึ้งเข้าไป ในใจของเธอหวานหยดย้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!