ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 499

สรุปบท บทที่ 499 เหตุการณ์ระทึก: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

บทที่ 499 เหตุการณ์ระทึก – ตอนที่ต้องอ่านของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

ตอนนี้ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 499 เหตุการณ์ระทึก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 499 เหตุการณ์ระทึก

เครื่องบินบินอยู่ 10 กว่าชั่วโมงในที่สุดก็เดินทางมาถึงแอฟริกาใต้ ตอนนี้เจียงสื้อสื้อทั้งเหนื่อยและง่วง

ตอนที่เธอลงจากเครื่องบินเธอแทบจะหลับตาเดิน

จิ้นเฟิงเฉินโอบเอวเธอไว้ตลอดเวลา ดังนั้นเจียงสื้อสื้อไม่ต้องมองทางก็ได้

เมื่อเธอได้สติขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเกี้ยว เจียงสื้อสื้อขยี้ตาตัวเองแล้วมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง “โอ้โหสวยจังเลยค่ะ”

พวกเขามาถึงที่นี่ในเวลากลางคืน ทิวทัศน์ในยามค่ำคืนของแอฟริกาใต้เป็นที่ขึ้นชื่อไปทั่วโลกอยู่แล้ว

จิ้นเฟิงเฉินรีบเอื้อมมือเข้าไปโอบเธอเอาไว้แล้วจับตัวเธอ กลัวว่าเธอจะตื่นเต้นจนเกินไปทำอันตรายต่อตัวเองได้

เจียงสื้อสื้อพยายามยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง และบ่นที่จิ้นเฟิงเฉินจับเธอเอาไว้ ไม่รู้ว่าเธอบ่นอะไร

จิ้นเฟิงเฉินก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ถ้าคุณอยู่นิ่งๆผมก็จะปล่อยคุณ”

เมื่อได้ยินดังนั้นเจียงสื้อสื้อก็นั่งนิ่งไม่ขยับ เธอใช้สายตาในการอ้อนวอนให้จิ้นเฟิงเฉินปล่อยมือ

แต่เมื่อจิ้นเฟิงเฉินปล่อยมือ เธอก็รีบวิ่งไปให้ห่างจากที่เฟิงเฉินนั่งมากที่สุด เนื่องจากเมื่อสักครู่เธอนอนหลับอยู่ในอ้อมอกของเขา

แม้ตอนนี้ที่เอวเธอไม่มีอะไรมัดไว้แล้ว แต่หัวใจของจิ้นเฟิงเฉินก็ยังคงเต็มเปี่ยม

เมื่อเจียงสื้อสื้อเห็นอะไรดีๆเธอก็มักอยากจะแบ่งปันกับเขาอยู่เสมอ เธอจึงหันหลังกลับมาชี้ออกไปข้างนอกอย่างมีความสุขและพูดกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “เฟิงเฉิน รีบดูนี่สิคะ”

คิ้วที่ได้รูปสวยงาม ประกอบกับรอยยิ้มอันชาญฉลาดดวงตาส่องประกาย จิ้นเฟิงเฉินจะสนใจมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนอีกทำไมกัน ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านี้ งดงามยิ่งกว่าใดๆในโลกแล้ว

ทั้งสองกอดกันแล้วมองออกไปในบรรยากาศกลางคืนที่ต่างประเทศ หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุข

ถึงจะอย่างนั้นแต่เธอก็กำลังตั้งครรภ์ ระยะทางจากสนามบินจนถึงโรงแรมเจียงสื้อสื้อเผลอหลับไปในที่สุด

จิ้นเฟิงเฉินอุ้มเธอลงมาจากรถ แล้วตรงเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรมอันหรูหรา เพื่อทำการเช็คอินเข้าที่พัก ชายรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาเย็นชามีหญิงสาวในอ้อมแขน เขาปฏิบัติต่อหญิงสาวนั้นด้วยความระมัดระวัง

เช้าวันต่อมา เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นและพบว่าจิ้นเฟิงเฉินได้สั่งอาหารเช้ามาแล้ว เธอถูกกลิ่นหอมเย้ายวนทำให้ รีบวิ่งไปยังอาหารเหล่านั้นโดยไม่ได้สวมรองเท้าเสียก่อน

เนื่องจากเมื่อวานเย็นนี้เธอหลับไปโดยไม่ได้กินอาหารเย็น ตอนนี้หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว

จิ้นเฟิงเฉินเป็นกังวลขึ้นมาทันใดแล้วรีบบอกให้เธอค่อยๆเดิน จากนั้นถือรองเท้าแตะเดินมาใส่ให้เธอ

เจียงสื้อสื้อป้อนขนมเค้กชิ้นเล็กๆให้แก่เขา จากนั้นยิ้มขึ้นแล้วถามว่า “อร่อยไหมคะ?”

ท่านประธานจิ้นที่ไม่ชอบอาหารรสหวาน "......"

พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะกลืนขนมชิ้นนั้นลงไป อีกทั้งต้องพยายามเอ่ยชมออกมาด้วยความยากลำบาก

ในตอนบ่ายจิ้นเฟิงเฉินได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง เขาใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนากับฝ่ายตรงข้าม จากนั้นวางสายลงหันหลังไปเห็นเจียงสื้อสื้อที่มองเขาอยู่ด้วยความประหลาดใจถามว่า “คุณจะออกไปข้างนอกเหรอคะ?”

คนท้องบางคนที่หลับมาตลอดการเดินทางคงจะลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงของการเดินทางมาครั้งนี้ไปเสียสนิท

จิ้นเฟิงเฉินเดินตรงเข้ามาจัดแจงผมเผ้าให้แก่เธอแล้วพูดว่า “ครับผมจะไปที่เหมือง คุณไม่ต้องตามไปถ้ามีอะไรขาดเหลือก็โทรศัพท์แจ้งพนักงาน”

เจียงสื้อสื้อไม่เห็นด้วย “ฉันจะไปกับคุณ”

จิ้นเฟิงเฉินมองไปที่ท้องของเธอแล้วพูดว่า “ครับผมรู้ว่าคุณไปไหว แต่ลูกตัวน้อยของเราคงจะเหนื่อยจริงๆ”

“ก็ได้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ

จิ้นเฟิงเฉินเดินทางออกไป เมื่อเจียงสื้อสื้อนอนหลับตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเบื่อเธอจึงเปิดโทรทัศน์ดู

เป็นจังหวะเดียวกับข่าวกำลังรายงานการเกิดอุบัติเหตุในท้องถิ่นที่มีก้อนหินขนาดใหญ่ถล่มลงมา มีเสียงกรีดร้องของผู้คน ผสมผสานกันไป เพียงดูผ่านหน้าจอนี้ก็รู้สึกถึงความสิ้นหวัง

เธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว ถ้าเธอยังไม่ได้เห็นจิ้นเฟิงเฉิน เธอคงจะไม่มีทางวางใจลงได้

ชายคนนี้รู้สึกลำบากใจมาก เจ้านายเน้นย้ำกับเขาแล้วว่าให้ดูแลนายหญิงให้ดี หากเธอต้องการอะไรก็ให้ทำตามคำสั่งเธอ แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

เมื่อเจียงสื้อสื้อรู้สึกกระวนกระวายใจ ท้องของเธอก็เริ่มเกร็งและรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

“นายหญิงครับพวกเรารออยู่ที่โรงแรมสักพักดีไหม ไม่แน่ว่าเจ้านายอาจจะกำลังกลับมา”ชายคนนั้นพยายามเกลี้ยกล่อม

เจียงสื้อสื้อเอามือกุมที่ท้อง ใบหน้าของเธอแสดงถึงความเจ็บปวดแต่ก็ยังยืนกรานจะไป

ในขณะที่เขาทำตัวไม่ถูก ประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออก ร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา

“สื้อสื้อ ไม่สบายตรงไหนครับ?” หน้าของจิ้นเฟิงเฉินบูดบึ้งเล็กน้อย เขาจับไปที่บ่าของสื้อสื้อและถามอย่างรีบร้อน

“เฟิงเฉิน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เจียงสื้อสื้อรีบเข้าไปในอ้อมแขนของเขา เธอตกใจมากร่างกายสั่นสะท้าน แขนอันเรียวงามโอบไปที่คอของเขาน้ำเสียงคล้ายจะร้องไห้

จิ้นเฟิงเฉินลูบไปที่หลังของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าและปลอบเบาๆ “ว่าผมสบายดีครับ ไม่ต้องกลัวนะ”

ทั้งสองคนโอบกอดกันอยู่สักพัก ในที่สุดจิ้นเฟิงเฉินก็ตัดสินใจจะพาเธอไปโรงพยาบาล เนื่องจากยังไม่วางใจเท่าไหร่นัก แต่เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าด้วยสายตาแดงก่ำ

จะทำอย่างไรล่ะ จิ้นเฟิงเฉินได้แต่ไล่ให้ชายคนนั้นไปแล้วอุ้มเธอ เข้าห้อง ให้เธอนั่งลงบนโซฟา ส่วนตัวเองนั้นนั่งยองๆอยู่ที่พื้นแล้วเอ่ยถามอย่างจริงจังว่า “สื้อสื้อ คุณไม่เป็นอะไรจริงเหรอ?เมื่อสักครู่คุณเอามือกุมท้อง”

ตอนนี้อารมณ์ของเจียงสื้อสื้อสงบลงมากแล้ว เธอมีความกลัวเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ฉันรู้สึกประหม่ามากหลังจากเห็นข่าวนั้น ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ”

เธอหยุดชะงักไปสักครู่จากนั้นจึงเอ่ยต่อว่าเขา “ทำไมโทรศัพท์คุณถึงโทรไม่ติดคะ? ฉันโทรหาคุณตั้งกี่สายแล้ว คุณทำให้ฉันเป็นห่วงแทบแย่”

“ขอโทษนะครับโทรศัพท์ผมเสีย หลังจากเกิดการถล่มผมก็รีบกลับมาทันที” คิดไม่ถึงว่าเขายังมาช้าไป ทำให้เธอกังวลเสียขนาดนี้จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกผิดมาก

เจียงสื้อสื้อบ่นพึมพำว่า “คุณไม่เป็นไรก็ดีแล้วค่ะ ไม่รับสายฉันก็ไม่เป็นไรแต่ว่าฉันจะไม่ให้คุณไปอีก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!