ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 538

สรุปบท บทที่ 538 ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว!: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปเนื้อหา บทที่ 538 ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว! – ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

บท บทที่ 538 ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว! ของ ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! ในหมวดนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เมียวเมียว อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 538 ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้ว!

“ฉันไม่ถอย คุณบอกมาก่อนว่าคุณจะไปที่ไหน!พวกเราคุยเจรจาตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณจะช่วยเหลือฉัน”

ข่ายสื้อลินกัดริมฝีปาก กางสองแขน ทำท่าขวางรั้งไม่ให้ไปไหน

เธอมีความรู้สึกว่ามีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น

“ตอนนี้ข้อตกลงเป็นโมฆะ ผมจะนับถึงสาม ถ้ายังไม่ถอยไป ผมก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ!”

สายตาที่จิ้นเฟิงเฉินมองมาที่ข่ายสื้อลินเยือกเย็นสุดๆ แล้วก็ขี้เกียจที่จะอยู่พล่ามอะไรต่อกับข่ายสื้อลินด้วย

ตอนนี้เขามีแค่ความคิดเดียวเท่านั้น ก็คือจะต้องกลับประเทศให้เร็วที่สุด

ไม่ว่าใครหน้าไหนมาขวางทางเขา เขาก็จะไม่ปล่อยไปแน่นอน

ถึงขนาดที่ไม่ว่าข้อตกลงอะไรก็ตาม ถ้าเทียบกับเจียงสื้อสื้อแล้ว ทั้งหมดมันก็ไร้ค่าทั้งนั้น!

“นี่คุณ!”

ข่ายสื้อลินโกรธจนกระทืบเท้า แต่ถูกท่าทางแบบนี้ของจิ้นเฟิงเฉินทำให้ตกใจขึ้นมา

สีหน้าของเขาดูแทบไม่ได้ ราวกับพญามัจจุราชที่สูญเสียการควบคุมไปเรียบร้อยแล้ว

ข่ายสื้อลินแทบจะไม่รู้สึกสงสัยเลยแม้แต่น้อย ว่าขืนเธอขวางทางเขาต่อไป ผู้ชายคนนี้จะสลัดเธอออกไปแน่นอน!

สุดท้ายก็ยังไม่เต็มใจที่จะให้เขาไป

เธอจ้องมองเงาของจิ้นเฟิงเฉินที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว คิ้วขมวดเล็กน้อย

เขาไปเร็วมาก พลังงานเหี้ยมโหดที่ปกคลุมไปทั่วร่างของเขา ฝีท้าเดินไม่เป็นจังหวะ รีบร้อนเร่งรีบ เต็มไปด้วยความกังวลสุดๆ

ดูออกว่า ว่าในใจของเขามันหนักหน่วงไม่น้อย

ข่ายสื้อลินจ้องมองเงาของจิ้นเฟิงเฉินอยู่นาน ในที่สุดก็รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้จิ้นเฟิงเฉินเปลี่ยนไปขนาดนี้

คนที่สามารถทำให้จิ้นเฟิงเฉินวุ่นวายได้ขนาดนี้ มันมีแค่เจียงสื้อสื้อคนเดียวเท่านั้น!

หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง จิ้นเฟิงเฉินก็กลับมาถึงประเทศ จิ้นเฟิงเหรามารับเขา

สองพี่น้องมองสบตากัน จิ้นเฟิงเหราเห็นตาของจิ้นเฟิงเฉินที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด

มองผ่านสองตาที่โหดเหี้ยมนั้น ราวกับว่าเขามองลอดลึกลงไปถึงจิตวิญญาณของจิ้นเฟิงเฉินได้เลย

เจียงสื้อสื้อเป็นที่พึ่งทางอารมณ์ของพี่ชายของเขา พอเกิดเรื่องขึ้นกับเธอแบบนี้ พี่ของเขาก็ใกล้จะพังทลายลงเช่นเดียวกัน

“พี่……”

สักพัก อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดก็เอ่อล้นเข้ามาในใจ จิ้นเฟิงเหราอยากที่จะพูดปลอบเขา แต่กลับพูดไม่ออกสักประโยคเดียว

จิ้นเฟิงเฉินไมได้มองเขา สีหน้าบึ้งตึง ดูนิ่งขรึม

แต่ตอนที่จับโทรศัพท์นั้นนิ้วมือสั่นเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกที่แท้จริงๆของเขา

จิ้นเฟิงเหราเดินตามหลังของจิ้นเฟิงเฉิน มองสำรวจเงาหลังของเขา

รูปร่างที่สูงใหญ่นั้นราวกับว่าดูหดหู่ลงไปทันที

พอเห็นแบบนี้แล้ว ใจของจิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกสลดเช่นกัน

ตั้งแต่ลงเครื่องมาจนถึงตอนนี้ จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไรกับเขาแม้แต่คำเดียว

สิ่งที่ทำมากที่สุดก็คือจัดแจงส่งคนให้ไปตามหาตัวของเธอ

จิ้นเฟิงเฉินแทบจะระดมพลและพละกำลังทั้งหมดที่พอจะระดมได้ เพื่อไปตามหาตัวของเจียงสื้อสื้อ

ตามศุลกากรและตามท่าเรือต่างๆก็ให้ตรวจสอบอย่างละเอียด

แต่ถึงยังไง เวลาก็ผ่านเลยไปทุกวินาที ไม่ว่าจะที่ไหน ก็หาวี่แววของเจียงนวลนวลกับเจียงสื้อสื้อไม่เจอเลยแม้แต่นิดเดียว

พวกเธอเหมือนกับหายสาบสูญไปก็ไม่ปาน

จิ้นเฟิงเฉินก็ยิ่งนิ่งเงียบมากขึ้น

เขานั่งอยู่ริมๆ สองมือกุมใบหน้า ดูไม่ออกว่ากำลังมีอารมณ์ความรู้สึกอะไรอยู่

ช่วงเวลาแห่งการรอคอย บรรยากาศยิ่งดูซบเซามากขึ้น ทุกๆคนล้วนแต่รู้สึกหนักใจ ไม่กล้าเปิดปากพูดอะไร

“คุณ คุณผู้ชาย……”

มีคนคนหนึ่งโผล่เข้ามา ทำลายความเงียบสงบ

ตรงประตู จื่อเฟิงที่ร่างกายพันไปด้วยผ้าพันแผล สีหน้าซีดขาว เดินอ่อนปวกเปียกตรงมายังจิ้นเฟิงเฉิน

พอเธอได้ยินข่าวว่าจิ้นเฟิงเฉินกลับประเทศมา ก็รีบวิ่งแจ้นออกมาจากโรงพยาบาลทันที

พอเจอกับจิ้นเฟิงเฉินที่เด็ดเดี่ยวรุนแรงแบบนี้ จิ้นเฟิงเหราสีหน้าก็นิ่งชะงักเช่นกัน

เขาไม่เคยเห็นจิ้นเฟิงเฉินที่สูญเสียการควบคุมแบบนี้มาก่อน เหมือนกับสัตว์ที่ดุร้ายป่าเถื่อนตัวหนึ่ง ถ้าไม่ฉีกกระชากคนออกเป็นชิ้นๆก็จะไม่มีทางสงบลง

กลัวว่าจิ้นเฟิงเฉินที่โหดเหี้ยมจะก่อเหตุอะไรขึ้นมา จิ้นเฟิงเหราจึงเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้าของจื่อเฟิงเอาไว้ทันที

จิ้นเฟิงเฉินสีหน้ามืดมน เข้ามาใกล้เรื่อยๆ จื่อเฟิงที่อยู่ข้างหลังก็ตกใจกลัวจนสูญเสียสติไปแล้ว

“ถ้าสื้อสื้อตายไป เธอจะต้อง……”

น้ำเสียงอันแสนเยือกเย็นของจิ้นเฟิงเฉินดังกึกก้องไปทั่ว แสงที่นิ่งสงบในลูกตาดำ เผยให้เห็นความนิ่งขรึม ดูน่าสะพรึงกลัวสุดๆ

เขาไม่ทันได้พูดจบ แต่จื่อเฟิงก็เดาได้แล้วว่าอีกครึ่งประโยคที่เหลือคืออะไร

สายตาที่จิ้นเฟิงเฉินมองเธอ แทบจะอยากให้เธอตายไปเป็นเพื่อนกับเจียงสื้อสื้อไปซะ!

ผู้ชายคนนี้ บ้าไปแล้ว!

พอเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดี จิ้นเฟิงเหราก็รีบรั้งเขาไว้

“พี่ พี่ใจเย็นลงก่อน……”

“ถอยไป ไม่อย่างฉันจะซัดแกด้วยอีกคน!”

พูดจบ ตาแดงก่ำของจิ้นเฟิงเฉินก็หันมามองจิ้นเฟิงเหรา แทบจะไม่สนใจว่าเขาเป็นใคร

จิ้นเฟิงเหราเห็นแบบนี้ก็กลืนน้ำลาย สองมือกันไว้ที่ตรงหน้าอก พูดออกมาในลำคอ“พี่ พี่สะใภ้บางทีอาจจะมีชีวิตอยู่ก็ได้ ไม่แน่เจียงนวลนวลอาจจะแอบพาพี่สะใภ้ออกนอกประเทศไปแล้วก็ได้ ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวอะไรก็ถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดแล้วนะ พี่ต้องใจเย็นลงก่อน ไม่อย่างนั้นใครจะช่วยพี่สะใภ้ได้อีกล่ะ!”

ผ่านไปนานสองนานไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา จิ้นเฟิงเหราลืมตาขึ้น เห็นว่าฝีเท้าของจิ้นเฟิงเฉินหยุดลงแล้ว

ชื่อของเจียงสื้อสื้อราวกับเป็นสวิตซ์เปิดปิด

ฉุดดึงเขาจากสภาพที่โหดเหี้ยมไร้หัวใจกลับมา

จิ้นเฟิงเฉินสีหน้าค่อยๆดูมีชีวิตชีวาอย่างช้าๆ สีหน้าไม่ได้ดูน่ากลัวขนาดนั้นอีกแล้ว

พอเห็นสีหน้าที่กลับมาเป็นปกติของเขาแล้ว จิ้นเฟิงเหราก็แอบถอนหายใจ

สองฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาทำสายตาให้จื่อเฟิงรีบหนีไปโดยเร็ว

ต่อมาก็เปิดปากพูดปลอบเขา“พี่ ไม่เป็นไร พวกเราค่อยหากันต่อ เราจะต้องหาพี่สะใภ้เจอแน่นอน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!