สรุปตอน บทที่ 539 ถ้ามีชีวิตอยู่ก็ต้องเจอตัว ถ้าตายก็ต้องเจอศพ – จากเรื่อง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว
ตอน บทที่ 539 ถ้ามีชีวิตอยู่ก็ต้องเจอตัว ถ้าตายก็ต้องเจอศพ ของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์เรื่องดัง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดยนักเขียน เมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 539 ถ้ามีชีวิตอยู่ก็ต้องเจอตัว ถ้าตายก็ต้องเจอศพ
ในขณะนี้เอง มือถือของจิ้นเฟิงเฉินจู่ๆก็ดังขึ้นมา ได้รับข้อความหนึ่งข้อความ
ทั้งสองมองตากัน มีความรู้สึกสื่อถึงกัน
จิ้นเฟิงเหราใจเต้นตึกตัก เข้าไปข้างหน้า
ที่ส่งมาที่มือถือของจิ้นเฟิงเฉินเป็นวิดีโอข้อความหนึ่งข้อความ
จิ้นเฟิงเฉินนิ้วมือสั่น ริมฝีปากเม้มจนเป็นเส้นตรง เปิดวิดีโอออกดู
รอยยิ้มที่เย้ยหยันและชั่วร้ายของเจียงนวลนวลโผล่ออกมา ทั้งสองพี่น้องร่างกายชะงักไปทันที
“วะฮ่าๆๆ เจียงสื้อสื้อแกก็มีวันนี้เหมือนกันสินะ….ไปตายซะเถอะ!”
ตอนที่เห็นว่ามีเจียงสื้อสื้อโผล่มา ม่านตาของจิ้นเฟิงเฉินก็ขยายกว้างขึ้น
รู้สึกบีบคั้นหัวใจอย่างแรง เจ็บปวดราวกับปอดและหัวใจถูกฉีกกระชาก
สิ่งที่เห็น เจียงสื้อสื้อถูกโยนลงไปในทะเล ร่างกายที่ผอมบางลอยจมดิ่งอยู่ในน้ำทะเลที่เย็นยะเยือก
ใบหน้าที่ขาวซีดนั้นได้ทำลายฟางเส้นสุดท้ายสุดท้ายของจิ้นเฟิงเฉินจนขาด เลือดเนื้อและอวัยวะภายในผสมปนเปกันไปหมด
ภาพสุดท้ายหยุดอยู่ตรงที่เจียงสื้อสื้อกำลังจมดิ่งอยู่ที่ผิวน้ำทะเล จากนั้นหน้าจอก็มืดดำลงเนื่องจากวิดีโอเล่นจบลง
ภาพตรงหน้าของจิ้นเฟิงเฉินก็ดำมืดเช่นกัน เส้นเลือดตรงมือและแขนของเขาปูดขึ้นมา จู่ๆภาพที่เห็นตรงหน้าก็ไร้ซึ่งสีสันเหลือเพียงแต่ภาพขาวดำ
ความรู้สึกของเขาค่อยๆถูกกีดกันออก สีหน้าเริ่มซีด ใจราวกับถูกแทงด้วยมีดดาบนับหมื่นเล่ม
ความคมกริบแทงทะลุเข้ามาที่หัวใจ เลือดพุ่งทะลักออกมาจากหลอดเลือด แต่เลือดนี้มันก็เย็นยะเยือก ความรู้สึกเจ็บปวดแทบจะบดขยี้เขาจนละเอียดแหลกเป็นเสี่ยงๆหลายครั้งต่อหลายครั้ง
เขารู้สึกว่าช่วงปอดถูกกดทับอย่างรุนแรง ความรู้สึกหัวใจเหมือนถูกฉีดขาดนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้อัดอั้นเขาหายใจไม่สะดวก
สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นความซีดขาว พลั่งพลูออกมา
“ไม่!!!”
จิ้นเฟิงเฉินกุมหัวใจของตัวเองไว้ ขณะที่อยู่ในภาพหลอนแห่งความเจ็บปวดอยู่ก็อยากที่จะยื่นมือออกไปคว้าเจียงสื้อสื้อเอาไว้
แต่ทว่า ที่แตะไปถึงก็เป็นเพียงแค่อากาศว่างเปล่าเท่านั้น
มือถือร่วงตกลง จิ้นเฟิงเฉินก้าวขาเดินตาม เกือบล้มลงไปที่พื้น
มีแต่ภาพของเจียงสื้อสื้อที่ตราตรึงอยู่ในหัว ท่าทีนิ่งเหม่อลอย เนื่องจากรู้สึกสะเทือนใจอย่างรุนแรง
ส่วนทางฝั่งของจิ้นเฟิงเหราก็รู้สึกยากที่จะรับได้เช่นกัน รู้สึกตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”เขาพูดพึมพำเบาๆ สีหน้าขาวซีด
เขาเคยลองคิดดูว่าเจียงนวลนวลคุกคามเจียงสื้อสื้อ เพื่อที่จะแลกกับเงินก้อนใหญ่ หรือว่าเธออาจจะอยากได้ของอย่างอื่น
แต่คิดไม่ถึงเลยสักนิด ว่าที่เธอต้องการคือชีวิตของเจียงสื้อสื้อ!
เจียงสื้อสื้อถูกทิ้งลงไปในทะเล นี่มันอาจจะทำให้ตายทั้งแม่และลูกในท้องได้เลยนะ……
ความคิดนี้ ทำให้จิ้นเฟิงเหราไม่กล้าคิดต่อ
เขาเงยหน้ามองจิ้นเฟิงเฉินโดยสัญชาตญาณ พบว่าใบหน้าของเขาดูไม่ได้ยิ่งกว่าคนที่ตายแล้วเสียอีก
ทั้งตัวราวกับวิญญาณออกจากร่าง ดูเงียบสงัด
แววตาเต็มไปด้วยความหมดหวังและไม่อยากที่จะเชื่อ รูปร่างที่สูงใหญ่ ไม่เหยียดตรงอีกต่อไปแล้ว เดินห่อตัวโซซัดโซเซ
ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นท่าทีที่หวาดกลัวและสับสนลังเล
สีดำ โลกของจิ้นเฟิงเฉินเปลี่ยนเป็นสีดำไปโดยสิ้นเชิง
แสงสว่างของเขา ความหวังของเขา เหมือนกับเจียงสื้อสื้อที่จมดิ่งลงไปในทะเลที่แสนเยือกเย็นนั้น มืดมิดไปหมดไร้ซึ่งแสงตะวัน
จิ้นเฟิงเหราเดินเข้ามาข้างหน้า จับแขนของเขา ทำท่าทางปลอบใจโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
สายตาที่หยุดนิ่งของจิ้นเฟิงเฉินขยับเล็กน้อย กวาดไปมองจิ้นเฟิงเหรา จากนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้
เขาผลักจิ้นเฟิงเหราออกอย่างแรง หันตัวเดินตรงออกไปข้างนอก
จิ้นเฟิงเหราเห็นว่าท่าจะไม่ดี ก็ตามไปคว้าจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้อย่างสุดชีวิต แทบจะใช้แรงทั้งหมดเท่าที่มี
“พี่ พี่ใจเย็นก่อน พี่จะไปทำอะไร!”
จิ้นเฟิงเฉินไม่พูดอะไร ใช้แรงสลัดนิ้วมือของจิ้นเฟิงเหราออก แล้วพุ่งออกไปข้างนอก
แต่ถึงยังไงจิ้นเฟิงเหราก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน แรงของทั้งสองพอๆกัน
ถ้าสามารถย้อนคืนกลับมาได้อีกครั้ง เขาจะไม่มีทางสูญเสียเจียงสื้อสื้อไปแน่นอน!
จิ้นเฟิงเฉินหลับตาลง น้ำตาอุ่นๆร่วงหล่นลง หยดลงบนหัวใจที่เจ็บสาหัสไม่เหลือชิ้นดีของเขา ทำให้รู้สึกเจ็บแสบราวกับถูกเผาไหม้
ใครบอกว่าลูกผู้ชายไม่เสียน้ำตา มันแค่ยังไม่ถึงจุดที่เศร้าเสียใจเท่านั้นเอง
เจ็บปวดจนรู้สึกสิ้นหวัง น้ำตาก็ไม่สามารถช่วยบรรเทาให้เขาได้เลย
เขาตั้งอธิษฐานกับบนฟ้าอย่างศรัทธา หวังว่าเทพเจ้าจะไม่โหดร้ายทารุณขนาดนั้น
หลังจากผ่านไปสักพัก จิ้นเฟิงเฉินก็ลุกขึ้น
“สื้อสื้อ รอผมก่อนนะ”จิ้นเฟิงเฉินขยับริมฝีปากที่แห้งพูดพึมพำออกมา ก่อนจะเหยียบลงที่พื้นอย่างแรง ดิ้นรนก้าวเดินตรงไปข้างหน้า
หลังจากที่ระดมพลได้มากมายแล้ว พวกกลุ่มคนก็ตรงไปยังจุดที่เจียงสื้อสื้อตกลงไปในทะเล
“พี่ พี่กลับไปรอฟังข่าวก่อนดีกว่านะ ถ้าเกิดผลเป็นยังไงผมจะรีบแจ้งให้พี่ทราบทันทีเลย”
จิ้นเฟิงเหราเห็นสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินดูท่าไม่ดี ก็พยายามพูดโน้มน้าวให้จิ้นเฟิงเฉินกลับไปขณะที่กำลังอยู่ระหว่างทางกลางทะเล
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ตอบปฏิเสธข้อเสนอของจิ้นเฟิงเหรากลับมาอย่างไม่คิดแม้แต่น้อย
“ฉันจะไป สื้อสื้อกับลูกกำลังรอฉันอยู่!”
ในหัวของเขาดูเริ่มสับสนมึนงง เอาแต่พูดประโยคว่าเจียงสื้อสื้อกำลังรอฉันอยู่ซ้ำๆอยู่แบบนั้น
จิ้นเฟิงเหรายังคิดที่จะพูดอะไรออกมาอีก แต่ถูกสายตาที่เย็นชาของเขาจ้องมองมาก่อน ทำได้แค่กลืนคำพูดกลับลงไปในท้อง
ต่อมา จิ้นเฟิงเฉินก็ไล่ให้จิ้นเฟิงเหราไปอยู่อีกที่หนึ่ง ส่วนตัวเองนั่งอยู่ทางนี้
เขามองออกไปไกลๆ ในตาว่างเปล่า ไม่มีจิตวิญญาณและความรู้สึก
จนกระทั่งมาถึงยังท่าเรือ แววตาที่แข็งทื่อนั้นจึงได้ขยับเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินมองเข้าไปในท้องทะเลสีคราม เสียงคำรามของคลื่นทะเล
เสียงคลื่นพัดพาให้เขาหลุดเข้าไปอยู่ในภาพที่เจียงสื้อสื้อกำลังจมดิ่งลงสู้พื้นผิวทะเล
จู่ๆจิ้นเฟิงเฉินก็เหมือนกับเป็นบ้าขึ้นมา พุ่งตัวออกไป ยื่นมือออกมา คิดที่คว้าอะไรไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!