ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 561

บทที่ 561 พวกคุณเป็นพ่อแม่ของเด็กใช่ไหมครับ?

ในใจแอบรู้สึกไม่เห็นด้วย วันนี้ท่านประธานก็ช่างพูดเสียจริง คิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยๆคนเดียวจะทำให้เขายอมเปลี่ยนความคิดได้

ถ้าไม่รู้ก็จะนึกว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นลูกแท้ๆของจิ้นเฟิงเฉินซะแล้ว……

เขาท่าทีอึ้งชะงัก คิดแล้วคิดอีกก็ยังไม่เข้าใจ

สุดท้ายก็หันไปไล่ผู้บริหารระดับสูงทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุม

ณ ห้องทำงาน

หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินใส่เสื้อคลุมเสร็จแล้ว จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่รู้ชื่อของเด็กน้อย

เขาหันหน้าไปสบตากับเด็กน้อย ก่อนจะพูดถามขึ้นอย่างอบอุ่น“เจ้าหนูน้อย หนูชื่ออะไรเหรอ?”

น้ำเสียงอ่อนโยนลงไปไม่น้อยอย่างไม่รู้ตัว

เด็กน้อยกำลังเอามือแตะไปที่ใบหน้าของเขา ลูบๆคลำๆ

พอได้ยินแบบนั้น ก็ยิ้มแฉ่ง“หนูชื่อเถียนเถียน เป็นชื่อที่หม่ามี๊ตั้งให้ค่ะ”

จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า รู้สึกว่าชื่อนี้มันช่างเข้ากับรูปลักษณ์ของเจ้าหนูน้อยคนนี้เหลือเกิน

ตอนที่เธอยิ้มช่างอ่อนหวาน พูดจาก็อ่อนหวาน แถมยังชอบกินของหวานอีก หม่ามี๊ของเธอช่างเข้าใจลูกสาวของตัวเองจริงๆ

หลังจากที่สวมเสื้อคลุมเสร็จแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็อุ้มเด็กน้อยลงไปชั้นล่าง กะที่จะพาเธอไปที่ร้านขนมหวานที่แถวๆบริษัท

“แด๊ดดี้ พวกเราจะไปที่ไหนเหรอ?”เถียนเถียนกอดคอของจิ้นเฟิงเฉินไว้แน่นพร้อมกับพูดถามขึ้น ราวกับกลัวว่าถ้าเธอปล่อยมือจิ้นเฟิงเฉินก็จะวิ่งหนีไปอย่างไรอย่างนั้น

จิ้นเฟิงเฉินหยิกๆแก้มที่จ้ำม่ำของเถียนเถียนพร้อมกับพูดตอบ“จะพาหนูไปกินเค้กไงล่ะ”

“โอ้เย่!”

เด็กน้อยยิ้มแฉ่ง ชูมือสองนิ้วทันที

สุดท้าย ก็เอนหัวไปงับที่ใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินหนึ่งที

จิ้นเฟิงเฉินใช้มือมาเช็ดๆน้ำลายที่เปียกชุ่มบนแก้ม ไม่รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย เขากลับยิ้มออกมาด้วยซ้ำ

ตอนที่กำลังลงมาชั้นล่าง ผู้คนต่างพากันมองเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดท่านประธานของพวกเขาด้วยความตกอกตกใจ รู้สึกว่าภาพที่เห็นมันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก

ท่านประธานของพวกเขากำลังยิ้มอย่างนั้นเหรอ? แถมแววตายังอบอุ่นอ่อนและโยนขนาดนี้ด้วย?

สีหน้าที่เย็นชามันดูอ่อนโยนลงตั้งแต่เมื่อไรกัน?

ผู้คนกลับยิ่งอยากรู้อยากเห็น เด็กน้อยคนนี้เป็นใครกันแน่? ถึงได้รับความรักจากเจ้านายขนาดนี้

คำพูดซุบซิบนินทาของผู้คนหนักหน่วงรุนแรงมาก มีคนแอบเดาว่า เด็กน้อยคนนี้อาจจะเป็นลูกนอกสมรสของจิ้นเฟิงเฉินหรือเปล่า

แต่จิ้นเฟิงเฉินก็ขี้เกียจที่จะอธิบาย แล้วแต่พวกเขาจะคิดก็แล้วกัน

ส่วนทางฝั่งของตระกูลฝู้บรรยากาศก็ยังตกต่ำหมองหม่นอยู่เรื่อยๆ

บรรยากาศที่อึมครึมปกคลุมตระกูลฝู้อยู่ตลอดเวลา ขณะนี้ในตระกูลกำลังทานอาหารกัน

เจียงสื้อสื้อไม่อยากอาหาร กินไปแค่สองสามคำก็ไม่กินแล้ว สีหน้าเศร้าหมอง

เธอไม่ได้นอนมาทั้งคืน สีหน้าท่าทีดูอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงไม่น้อย

ราวกับถ้ามีลมพัดก็ล้มลงไปก็ไม่ปาน แววตาว่างเปล่า

ทั้งตระกูลก็กลัวว่าจะไปกระตุ้นอารมณ์ของเธอ ไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องของเจ้าหนูน้อย ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าอย่างเงียบๆ

เสียงมือถือที่ดังขึ้นมาของฝู้จิงเหวินทำลายความเงียบสงบภายในห้อง

พอรับสาย ในสายก็มีเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นมา

“ขอโทษนะครับ คุณฝู้จิงเหวินใช่ไหม?”

ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว พร้อมกับพูดตอบกลับไปอย่างมีมารยาท“ใช่ครับ คุณคือ?”

“ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจครับ ได้ยินมาว่าเด็กของตระกูลคุณหายตัวไหใช่ไหมครับ?”

ฝู้จิงเหวินได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็ดีใจขึ้นมาทันที

เขาลุกขึ้นยืน ตอบรับเสียงดัง“ใช่ เป็นเด็กผู้หญิง เธอหายตัวไปตอนที่อยู่ที่จัตุรัสเมื่อคืนนี้”

หลังจากที่ทั้งตระกูลได้ยิน ก็พากันหันมองมายังฝู้จิงเหวินทันที

เจียงสื้อสื้อขยับเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางจริงจัง ฟังเนื้อหาที่พูดคุยกันจากในสายด้วยความสงสัย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!