บทที่ 600 เสี่ยวเป่าล้มสลบไปแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินที่รับสายอยู่ข้างๆ ในทันทีนั้น สีหน้าของเขากลายเป็นดูแย่มากอย่างฉับพลัน สีเลือดจางหายไปในทันที แขนสั่นระริกเล็กน้อย
รถเลี้ยวกลับอย่างรุนแรง ยางรถที่เสียดสีอยู่บนพื้น เกิดเสียงที่แสบหูขึ้นมา
แต่โชคดี เขาควบคุมพวงมาลัยไว้ได้อย่างรวดเดียว
“ผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”
ผู้ชายพูดเสียงเบาไปประโยคหนึ่งกับโทรศัพท์ฝั่งโน้น สีหน้าร้อนใจอย่างมาก
เจียงสื้อสื้อก็หวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปจนตบหน้าอกต่อๆกัน เห็นจิ้นเฟิงเฉินสีหน้าไม่ดี ถามไปประโยคหนึ่งอย่างเป็นห่วงว่า “เกิดเรื่องอะไรแล้วหรือ?”
“สายจากโรงเรียน บอกว่าเสี่ยวเป่าล้มสลบไปแล้ว อยู่ในโรงพยาบาล”
เสียงของจิ้นเฟิงเฉิน มีการสั่นระริกเล็กน้อย สีหน้าที่สุขุมไม่อยู่อีกแล้ว
“อะไรนะ? หนักมากหรือไม่ล่ะ อยู่โรงพยาบาลไหนหรือ พวกเรารีบไปดูซิ!”
หัวใจของเจียงสื้อสื้อหยุดชะงักอย่างฉับพลัน อดไม่ได้ร้อนรนขึ้นมา ตกใจจนสีหน้าขาวซีดเซียวอยู่
ทั้งสองคนไปยังโรงพยาบาลอย่างรีบเร่ง
คุณครูที่ตามเสี่ยวเป่ามาโรงพยาบาลรู้จักจิ้นเฟิงเฉิน เห็นเขามาถึง รีบเดินเข้าไป
“พวกคุณเป็นพ่อแม่ของนักเรียนจิ้นเป่ยเฉินใช่ไหม ตามฉันมา เขาอยู่ห้องผู้ป่วยฝั่งนี้”
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ เจียงสื้อสื้อก็ไม่มีอารมณ์ที่จะอธิบายอะไรแล้ว ติดตามอยู่ข้างหลังคุณครู เข้าไปในห้องผู้ป่วย
เห็นเพียงเสี่ยวเป่านอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าเล็กซีดเผือด
เหงื่อไหลออกมาจากเส้นผมที่สีดำดั่งหมึก มีน้ำเกลือเสียบอยู่บนหลังมือ
เขาขมวดคิ้วไว้อย่างแน่น ลักษณะดั่งทรมานอย่างมาก เปิดริมฝีปากที่แห้งๆอยากคุยแต่ลังเล เหมือนพูดอะไรอยู่
เห็นลักษณะแบบนี้อยู่ในตาของจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อ หัวใจล้วนเจ็บปวดขึ้นมา
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองหมอถามเสียงเข้มว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเป่าหรือ?”
ช่วงเช้าออกจากประตูบ้านยังกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอยู่ อยู่ดีๆจะล้มสลบไปได้ยังไงหรือ?
หลังจากหมอหยิบประวัติคนไข้ขึ้นมาอ่านไปหนึ่งทีบอกว่า “เด็กมีไข้สูง อดทนไว้ตลอด ร้อนจนถึงตอนนี้มีความรุนแรงเล็กน้อย นี่จึงล้มสลบไป พวกคุณผู้ปกครองอย่าเพิ่งร้อนใจไปก่อน ฉีดยาลดไข้ให้เขาไปแล้ว สังเกตอาการสักหน่อยก่อน น่าจะไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร”
“หม่ามี๊ หม่ามี๊อย่าไป!”
เสี่ยวเป่าที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยอยู่ดีๆ ชูแขนขึ้นโบกไปมาอยู่กลางอากาศ ร้องเรียกใครอยู่อย่างเจ็บปวดทรมาน
ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยเสียงร้องไห้ การกระทำกระชับน้ำเกลือที่อยู่บนมือ มีเลือดไหลออกมา
เจียงสื้อสื้อเห็นแล้วเพียงรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก ยังตัดใจทิ้งไม่ลงที่จะออกไปแม้แต่น้อย
เธอเข้าไปจับมือของเสี่ยวเป่าไว้ ตบแขนอีกข้างหนึ่งของเขาอย่างเบาๆ ปลอบโยนพูดว่า “เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดี หม่ามี๊ไม่ไปไหน หม่ามี๊อยู่ที่นี่ล่ะ”
เดิมทีเสี่ยวเป่าที่อารมณ์ไม่สงบนิ่ง หลังจากได้ยินคำพูดของเธอแล้วเยือกเย็นลงไม่น้อยอย่างปาฏิหาริย์ คิ้วค่อยๆคลายลงไป
ฝันร้ายที่วนเวียนตามเขาอยู่ ดูเหมือนกระจัดกระจายและค่อยๆ หายไปด้วย เขาจับมือของเจียงสื้อสื้อไว้อย่างแน่น ลมหายใจที่เร่งด่วนหมุนเปลี่ยนเป็นสงบ
แต่ฝั่งโน้น ฝู้จิงเหวินเนิ่นช้ารอไม่เห็นเจียงสื้อสื้อมาสักที คิดว่าเธอน่าจะมีเรื่องอะไรล่าช้าแล้ว
โทรไปถามที่บริษัท บอกว่าเธอไปคุยเรื่องสัญญาที่ JS กรุ๊ปตั้งแต่ ช่วงบ่ายแล้ว
ในทันทีนั้นสีหน้าของฝู้จิงเหวินก็กลายเป็นขึงลับลง คาดเดาออกว่าเจียงสื้อสื้อน่าจะอยู่ด้วยกันกับจิ้นเฟิงเฉิน
จ้องมองเวลาหนึ่งที ฝู้จิงเหวินโทรไปหาเจียงสื้อสื้อ
แต่ที่ตอบเขากลับเป็นหุ่นยนต์ที่เป็นเสียงผู้หญิง:ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกปิดเครื่องไปแล้ว
วุ่นวายใจจนโยนมือถือไว้ข้างๆ ฝู้จิงเหวินกระชากเนกไทออก เปิดเหล้าขวดหนึ่งออกโดยไม่ปรึกษาใครเลย
ถึงตอนเย็น อุณหภูมิร่างกายของเสี่ยวเป่าค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!