บทที่ 601 คุณกับผมรู้อยู่แก่ใจ
เสี่ยวเป่ากะพริบตาปริบๆแล้วนำมือลูบไปที่พุงของตัวเอง พูดกับเจียงสื้อสื้อด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “หม่ามี๊ครับ เสี่ยวเป่าหิวแล้ว”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเป่าก็จ้องไปยังเจียงสื้อสื้อ ขนตาอันงอนยาวกะพริบไม่หยุด ดวงตาสีดำกลมเหมือนองุ่นเป็นประกายแวววาว
ประกอบกับน้ำเสียงที่นุ่มนวล ใครเห็นก็คงจะใจอ่อน อยากจะประเคนของทุกสิ่งตรงหน้าให้กับเขา
เจียงสื้อสื้อรีบมองซ้ายมองขวา แล้วพบว่าในห้องผู้ป่วยนั้นนอกจากผลไม้ที่ส้งหวั่นชีงเอามาให้แล้วไม่มีอย่างอื่นที่กินได้อีกเลย
“เดี๋ยวฉันจะลงไปซื้อโจ๊กมาให้นะ”
ส้งหวั่นชีงเอ่ยขึ้นมาด้วยตัวเอง เจียงสื้อสื้อซาบซึ้งใจและพยักหน้า หลังจากที่ส้งหวั่นชีงจากไปเจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆ เธอหยิบแอปเปิลและสาลี่ออกมาล้าง จากนั้นทำการหั่นอย่างประณีต
“กินผลไม้รองท้องไปก่อนนะ เดี๋ยวจะหิวจนเป็นลมไปเสียก่อน”
เมื่อพูดจบเจียงสื้อสื้อก็พยุงเสี่ยวเป่าให้ลุกขึ้นจากเตียงผู้ป่วย จากนั้นขยับสายน้ำเกลือด้วยความระมัดระวังแล้วใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มไปที่ผลไม้ป้อนเข้าปากเสี่ยวเป่า
เมื่อเห็นแอปเปิลในมือของเจียงสื้อสื้อถูกหั่นเป็นรูปกระต่าย เสี่ยวเป่าก็ดีใจมาก
ก่อนหน้านี้เจียงสื้อสื้อก็มักจะผ่าแอปเปิลเป็นลูกกระต่ายสุดน่ารักและป้อนให้เขากิน
“มีอะไรหรือเปล่า?” เจียงสื้อสื้อถามด้วยความสงสัย
เสี่ยวเป่าได้ยินดังนั้น ใบหน้าอันขาวซีดก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรครับ ขอบคุณหม่ามี๊มาก”
หลังจากนั้นก็อ้าปากกัดแอปเปิลรูปกระต่ายน้อยลงไป แต่เนื่องจากปากของเขายังเล็กมากจึงไม่สามารถกินแอปเปิลได้ทั้งชิ้น ทำให้มีบางส่วนหล่นลงสู่พื้น
เมื่อเจียงสื้อสื้อเห็นดังนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดปากเสี่ยวเป่าแล้วยิ้มว่า ค่อยๆกิน
ฝู้จิงเหวินเข้ามาพบฉากนี้พอดี
ทั้งสองคนมองไปแล้วเหมือนกับแม่ลูกจริงๆ ช่างคล้ายคลึงและอบอุ่นเหลือเกิน
ส่วนด้านนอกประตูห้อง จิ้นเฟิงเฉินมองเข้ามาเห็นภาพนี้เข้า ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
ฝู้จิงเหวินสีหน้าเคร่งเครียดเดินตรงไปยังจิ้นเฟิงเฉิน มือเขากำหมัดแน่น
ในใจของเขาราวกับมีหนามแหลมคม ที่กำลังเลื้อยอยู่ในใจ
ราวกับว่าสัมผัสได้ จิ้นเฟิงเฉินมองไปทางด้านหน้าแล้วพบสายตาอันเป็นศัตรูของฝู้จิงเหวิน
ในวินาทีนั้นบรรยากาศได้เงียบลงและหนาวเหน็บราวกับ สามารถปลิดชีพคนได้อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อศัตรูพบหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังอิจฉา
ฝู้จิงเหวินเดินมาหยุดอยู่ตรงด้านหน้าจิ้นเฟิงเฉิน จากนั้นพูดด้วยเสียงอันต่ำทุ้มว่า “คุณจิ้น พวกเราคุยกันหน่อยไหม”
“ตามสบายเลยครับ” จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าโดยไม่เอ่ยถามใดๆ
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วละสายตามาจากเจียงสื้อสื้อ
แววตาอันลึกล้ำของเขาปรากฏคลื่นขึ้นมา
มีบางอย่างในอากาศกำลังเคลื่อนตัว แววตาของทั้งสองมาบรรจบกัน แอบแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น
ชายหนุ่มทั้งสองคนเดินไปยังมุมที่เงียบสงบโดยไม่ได้รบกวนเจียงสื้อสื้อก่อนที่จะหยุดฝีเท้าลง
“คุณจิ้น ผมขอพูดไว้ตรงนี้เลยว่า ผมหวังว่าคุณจะไม่มารบกวนสื้อสื้ออีก การกระทำของคุณส่งผลต่อชีวิตของพวกเรา คุณและลูกชายควรจะอยู่ห่างจากเธอกว่านี้”
ฝู้จิงเหวินขมวดคิ้วแล้วกัดฟันแน่น
เมื่อนึกถึงภาพเมื่อสักครู่ ไฟในทรวงอกของเขาก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินคำเตือนจากฝู้จิงเหวิน จิ้นเฟิงเฉินก็พูดออกมาอย่างชิลล์ๆว่า “อ๋อเหรอครับ? ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ?”
มุมปากของเขาเผยอขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังยั่วยุฝ่ายตรงข้าม
ร่างอันสูงใหญ่ภายใต้แสงไฟยืดตัวขึ้น ความแข็งแกร่งถาโถมเข้ามาบีบคั้น
ดวงตาของฝู้จิงเหวินหรี่ลง เส้นเลือดปูดโปนปรากฏขึ้นที่แขนของเขา
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องแจ้งตำรวจแล้วล่ะ ว่าขณะนี้คุณกำลังตามรังควานภรรยาของผมอยู่!”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!