ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 603

สรุปบท บทที่ 603 แดดดี๊ เสี่ยวเป่าไม่เจ็บครับ: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!

สรุปตอน บทที่ 603 แดดดี๊ เสี่ยวเป่าไม่เจ็บครับ – จากเรื่อง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดย เมียวเมียว

ตอน บทที่ 603 แดดดี๊ เสี่ยวเป่าไม่เจ็บครับ ของนิยายมนุษย์หมาป่าแวมไพร์เรื่องดัง ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! โดยนักเขียน เมียวเมียว เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 603 แดดดี๊ เสี่ยวเป่าไม่เจ็บครับ

คนเรามักเป็นแบบนี้ มองดูความรู้สึกของคนอื่นแล้วมักจะนำมาคิดมาก

จิ้นเฟิงเหรากุมมือเรียวงามของเธอแล้วจับไว้

เขาขยับริมฝีปากแล้วตอบออกไปอย่างมั่นใจว่า “ไม่ครับ ผมจะไม่มีวันลืมคุณแน่นอน”

เงาของทั้งสองคนเชื่อมต่อกันท่ามกลางแสงจันทร์

คำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ท่ามกลางสายลม ปรากฏรอยยิ้มอันหวานชื่นขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว

ช่างหวานราวน้ำผึ้ง ทำให้มองแล้วรู้สึกจักจี้หัวใจ

“พวกเรากลับกันเถอะครับ”

จิ้นเฟิงเหราพูดจบก็จูงมือส้งหวั่นชีงเดินกลับไปยังโรงแรม

เสียงของแมลงที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ใบหญ้าไม้ในตอนกลางคืน เงาของต้นไม้กระทบไปยังพื้นถนน

เงาของทั้งสองคนที่ยังเชื่อมอยู่ด้วยกัน บรรยากาศช่างเงียบสงบ

ณ โรงพยาบาล พยาบาลเข้ามาสังเกตอาการของเสี่ยวเป่า และเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้กับเขา

ที่ด้านหลังมือถูกเข็มทิ่มแทงจนกลายเป็นสีม่วง

เดิมทีเสี่ยวเป่าก็นอนหลับไม่สนิทดี จึงได้ลืมตาขึ้นมา

แล้วมองไปรอบๆ พบว่าเจียงสื้อสื้อไม่อยู่ในห้อง ใบหน้าอันขาวซีดของเขาก็เผยถึงความผิดหวังออกมา

จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกขมขื่นใจ เขาเดินตรงเข้าไปพยุงเสี่ยวเป่าขึ้นนั่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “หิวหรือยังครับ ก่อนที่หม่ามี๊จะกลับไปบอกไว้ว่าให้ลูกกินโจ๊กก่อนค่อยนอนต่อ”

สายตาของเสี่ยวเป่าหยุดนิ่ง จากนั้นใช้มือเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาตามคอ ริมฝีปากยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

เจ้าหนูรีบเอื้อมมือไปหยิบโจ๊กในมือของจิ้นเฟิงเฉินมากินอย่างเอร็ดอร่อย

จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือออกไปรับถ้วยที่เสี่ยวเป่ากินเสียจนเกลี้ยง เด็กน้อยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

หลังจากป้อนเสี่ยวเป่ากินข้าวเรียบร้อยแล้ว จิ้นเฟิงเฉินเดินไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วเช็ดไปที่หน้าผากกับเเขนของเสี่ยวเป่าที่เปียกเหงื่อ

แล้วจึงค่อยห่มผ้าห่ม กล่อมเขานอนต่ออีกครั้งหนึ่ง

ลูกผมที่เปียกปอนไปด้วยเหงื่อแนบสนิทไปกับหน้าผากช่างน่าหลงใหล ขนตางอนยาวของเสี่ยวเป่าสั่นเล็กน้อย

สายตาอันสะลึมสะลือมองดูจิ้นเฟิงเฉิน ริมฝีปากเล็กๆเอ่ยขึ้นว่า “แดดดี๊จะอยู่ที่นี่ตลอดใช่ไหมครับ?”

เสี่ยวเป่ารู้สึกว่าสมองของเขาเริ่มหนักอึ้ง เห็นได้ชัดว่าไข้ยังไม่ลด

เขาขมวดคิ้วขึ้นด้วยความไม่สบายตัว แม้จะง่วงมากแล้วแต่ยังไม่อยากนอน

เนื่องจากกลัวว่าถ้าหลับไปแล้ว จะฝันว่าอยู่ตัวคนเดียวอีก

ในความฝันนั้นไม่มีหม่ามี๊ และไม่มีหม่ามี๊ มีเพียงเขาคนเดียวซึ่งมันน่ากลัวมาก

“แน่นอนครับ แดดดี๊จะอยู่ที่นี่ทั้งคืน นอนต่อเถอะครับ”

เสียงของจักจั่นค่อยๆเบาลง ค่ำคืนอันหนาวเย็น มีเสียงอันอบอุ่นของจิ้นเฟิงเฉินดังอยู่ข้างหู

เสี่ยวเป่านอนขยับตัวไปมาสักพัก ไม่นานต่อมาเขาก็หลับตาลงอย่างว่าง่าย

เพียงชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงลมหายใจอันเป็นจังหวะของเสี่ยวเป่าดังขึ้น เขาหลับไปแล้วนั่นเอง

จิ้นเฟิงเฉินอยู่ในห้องผู้ป่วยอีกสักพัก กระทั่งก่อนนอน เขาเดินไปยังทางเดินด้านนอกเพื่อยืดเส้นยืดสายให้กับร่างกาย

แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู พบว่าตอนหนึ่งทุ่มนั้นมีข้อความหลายข้อความที่เขายังไม่ได้อ่าน

แม่จิ้นรู้ว่าเสี่ยวเป่าป่วย จึงได้ส่งข้อความมาถามไถ่ว่าเสี่ยวเป่าเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งส่งมาหลายข้อความทีเดียว

เขามัวแต่ดูแลเสี่ยวเป่าอยู่ จึงไม่ได้สนใจโทรศัพท์

ตอนที่เห็นข้อความเป็นเวลาหลังจากนั้นสี่ชั่วโมง คาดว่าตอนนี้พ่อแม่ที่อยู่ในประเทศคงจะกังวลใจมากแน่ๆ

จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วแล้วใช้นิ้วกดไปบนหน้าจอตอบข้อความกลับ

“ไม่เป็นอะไรมากครับ พ่อแม่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ไข้ลดลงแล้ว”

หลังจากที่ส่งไป เขาไม่ได้รับข้อความตอบกลับ

แต่คิดว่าคงเป็นเพราะพ่อและแม่ของเขายังไม่ตื่น จิ้นเฟิงเฉินจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร

เขาเก็บมือถือแล้วเดินกลับไปยังเตียงในห้องผู้ป่วย

เข้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนๆส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาด้านใน

สายลมพัดมาเบาๆ ทำให้ม่านปลิวไสว เงาของสองร่างเล็กใหญ่ตกกระทบลงบนพื้นห้องสีขาวผ่องเป็นที่สะดุดตา

จิ้นเฟิงเฉินตื่นก่อน เขารีบลุกไปดูเสี่ยวเป่า

มือใหญ่สัมผัสไปที่หน้าผากของเสี่ยวเป่า แล้วนำมาเปรียบเทียบอุณหภูมิที่หน้าผากของตน

พบว่าแม่จิ้นวิ่งเข้ามาด้วยความปวดใจ

“โถๆๆ หลานชายของย่า มือน้อยๆเป็นอะไรไปลูก ทำไมใส่สายน้ำเกลือจนเขียวช้ำแบบนี้”

เธอมองไปที่มือของเสี่ยวเป่าอันดับแรก ทำให้แม่จิ้นรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ

เธอไม่ได้ใส่ใจในความเหนื่อยล้าของตัวเอง แต่กลับเข้าไปประคองมือน้อยๆของเสี่ยวเป่า

“คุณย่า?”

เสี่ยวเป่าที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอทำหน้าตกตะลึง

ก่อนที่จะพยายามโผล่ศีรษะออกมาแล้วมองไปยังแม่จิ้นด้วยความเหลือเชื่อ

“แม่ครับ มาได้ยังไง?”

จิ้นเฟิงเฉินได้สติกลับคืนมาแล้วขมวดคิ้วขึ้นถาม

“แม่มาดูเสี่ยวเป่านะสิ เมื่อวานได้ยินว่าเสี่ยวเป่าเป็นไข้ แม่จะไปนอนหลับได้ยังไง เลยซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วบินตามมานี่แหละ”

จิ้นเฟิงเฉินเผยสีหน้าไม่เห็นด้วยออกมา “แม่ก็ไม่เห็นจะต้องรีบแบบนี้เลยนี่ครับ”

แม่จิ้นโบกไม้โบกมือไม่อยากใส่ใจ

“เราวุ่นอยู่ไม่ใช่เหรอ พอดีช่วงนี้แม่ว่าง มาช่วยดูแลเสี่ยวเป่าให้ไง”

เมื่อพูดจบเธอก็นำมือไปลูบศีรษะของเสี่ยวเป่าด้วยความเอ็นดู “หลานชายคนโตของย่า เจ็บมากไหมลูก”

“ไม่เจ็บแล้วครับคุณย่า อ้อ เมื่อคืนหม่ามี๊มาหาเสี่ยวเป่าด้วยนะครับ”

เมื่อพ๔ดถึงเจียงสื้อสื้อ แววตาของเสี่ยวเป่าก็เป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

ใบหน้าของแม่จิ้นฝืนยิ้มออกมา “งั้นเหรอ ดีจ้ะ......”

เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเป่ายังคงคิดถึงเจียงสื้อสื้อขนาดนั้น ความรู้สึกของแม่จิ้นก็เริ่มสับสน

ส่วนอีกด้านหนึ่ง เจียงสื้อสื้อนอนหลับไม่สนิทเท่าไหร่นัก

ในฝัน เธอเห็นเสี่ยวเป่าร้องไห้หาเธอ เสียงร้องไห้นั้นดังลั่น ทำให้เธอเจ็บปวดใจมาก

เธอฟังแล้วทำให้หัวใจสั่นสะเทือน เเละพยายามจะเอื้อมมือไปจับเสี่ยวเป่า แต่เขากลับหายไปต่อหน้าต่อตา

เหงื่อของเธอท่วมตัว คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!