บทที่ 603 แดดดี๊ เสี่ยวเป่าไม่เจ็บครับ
คนเรามักเป็นแบบนี้ มองดูความรู้สึกของคนอื่นแล้วมักจะนำมาคิดมาก
จิ้นเฟิงเหรากุมมือเรียวงามของเธอแล้วจับไว้
เขาขยับริมฝีปากแล้วตอบออกไปอย่างมั่นใจว่า “ไม่ครับ ผมจะไม่มีวันลืมคุณแน่นอน”
เงาของทั้งสองคนเชื่อมต่อกันท่ามกลางแสงจันทร์
คำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ท่ามกลางสายลม ปรากฏรอยยิ้มอันหวานชื่นขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว
ช่างหวานราวน้ำผึ้ง ทำให้มองแล้วรู้สึกจักจี้หัวใจ
“พวกเรากลับกันเถอะครับ”
จิ้นเฟิงเหราพูดจบก็จูงมือส้งหวั่นชีงเดินกลับไปยังโรงแรม
เสียงของแมลงที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ใบหญ้าไม้ในตอนกลางคืน เงาของต้นไม้กระทบไปยังพื้นถนน
เงาของทั้งสองคนที่ยังเชื่อมอยู่ด้วยกัน บรรยากาศช่างเงียบสงบ
ณ โรงพยาบาล พยาบาลเข้ามาสังเกตอาการของเสี่ยวเป่า และเปลี่ยนขวดน้ำเกลือให้กับเขา
ที่ด้านหลังมือถูกเข็มทิ่มแทงจนกลายเป็นสีม่วง
เดิมทีเสี่ยวเป่าก็นอนหลับไม่สนิทดี จึงได้ลืมตาขึ้นมา
แล้วมองไปรอบๆ พบว่าเจียงสื้อสื้อไม่อยู่ในห้อง ใบหน้าอันขาวซีดของเขาก็เผยถึงความผิดหวังออกมา
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกขมขื่นใจ เขาเดินตรงเข้าไปพยุงเสี่ยวเป่าขึ้นนั่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “หิวหรือยังครับ ก่อนที่หม่ามี๊จะกลับไปบอกไว้ว่าให้ลูกกินโจ๊กก่อนค่อยนอนต่อ”
สายตาของเสี่ยวเป่าหยุดนิ่ง จากนั้นใช้มือเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาตามคอ ริมฝีปากยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
เจ้าหนูรีบเอื้อมมือไปหยิบโจ๊กในมือของจิ้นเฟิงเฉินมากินอย่างเอร็ดอร่อย
จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือออกไปรับถ้วยที่เสี่ยวเป่ากินเสียจนเกลี้ยง เด็กน้อยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
หลังจากป้อนเสี่ยวเป่ากินข้าวเรียบร้อยแล้ว จิ้นเฟิงเฉินเดินไปเอาผ้าขนหนูชุบน้ำแล้วเช็ดไปที่หน้าผากกับเเขนของเสี่ยวเป่าที่เปียกเหงื่อ
แล้วจึงค่อยห่มผ้าห่ม กล่อมเขานอนต่ออีกครั้งหนึ่ง
ลูกผมที่เปียกปอนไปด้วยเหงื่อแนบสนิทไปกับหน้าผากช่างน่าหลงใหล ขนตางอนยาวของเสี่ยวเป่าสั่นเล็กน้อย
สายตาอันสะลึมสะลือมองดูจิ้นเฟิงเฉิน ริมฝีปากเล็กๆเอ่ยขึ้นว่า “แดดดี๊จะอยู่ที่นี่ตลอดใช่ไหมครับ?”
เสี่ยวเป่ารู้สึกว่าสมองของเขาเริ่มหนักอึ้ง เห็นได้ชัดว่าไข้ยังไม่ลด
เขาขมวดคิ้วขึ้นด้วยความไม่สบายตัว แม้จะง่วงมากแล้วแต่ยังไม่อยากนอน
เนื่องจากกลัวว่าถ้าหลับไปแล้ว จะฝันว่าอยู่ตัวคนเดียวอีก
ในความฝันนั้นไม่มีหม่ามี๊ และไม่มีหม่ามี๊ มีเพียงเขาคนเดียวซึ่งมันน่ากลัวมาก
“แน่นอนครับ แดดดี๊จะอยู่ที่นี่ทั้งคืน นอนต่อเถอะครับ”
เสียงของจักจั่นค่อยๆเบาลง ค่ำคืนอันหนาวเย็น มีเสียงอันอบอุ่นของจิ้นเฟิงเฉินดังอยู่ข้างหู
เสี่ยวเป่านอนขยับตัวไปมาสักพัก ไม่นานต่อมาเขาก็หลับตาลงอย่างว่าง่าย
เพียงชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงลมหายใจอันเป็นจังหวะของเสี่ยวเป่าดังขึ้น เขาหลับไปแล้วนั่นเอง
จิ้นเฟิงเฉินอยู่ในห้องผู้ป่วยอีกสักพัก กระทั่งก่อนนอน เขาเดินไปยังทางเดินด้านนอกเพื่อยืดเส้นยืดสายให้กับร่างกาย
แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู พบว่าตอนหนึ่งทุ่มนั้นมีข้อความหลายข้อความที่เขายังไม่ได้อ่าน
แม่จิ้นรู้ว่าเสี่ยวเป่าป่วย จึงได้ส่งข้อความมาถามไถ่ว่าเสี่ยวเป่าเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งส่งมาหลายข้อความทีเดียว
เขามัวแต่ดูแลเสี่ยวเป่าอยู่ จึงไม่ได้สนใจโทรศัพท์
ตอนที่เห็นข้อความเป็นเวลาหลังจากนั้นสี่ชั่วโมง คาดว่าตอนนี้พ่อแม่ที่อยู่ในประเทศคงจะกังวลใจมากแน่ๆ
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วแล้วใช้นิ้วกดไปบนหน้าจอตอบข้อความกลับ
“ไม่เป็นอะไรมากครับ พ่อแม่ไม่ต้องห่วง ตอนนี้ไข้ลดลงแล้ว”
หลังจากที่ส่งไป เขาไม่ได้รับข้อความตอบกลับ
แต่คิดว่าคงเป็นเพราะพ่อและแม่ของเขายังไม่ตื่น จิ้นเฟิงเฉินจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร
เขาเก็บมือถือแล้วเดินกลับไปยังเตียงในห้องผู้ป่วย
เข้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนๆส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาด้านใน
สายลมพัดมาเบาๆ ทำให้ม่านปลิวไสว เงาของสองร่างเล็กใหญ่ตกกระทบลงบนพื้นห้องสีขาวผ่องเป็นที่สะดุดตา
จิ้นเฟิงเฉินตื่นก่อน เขารีบลุกไปดูเสี่ยวเป่า
มือใหญ่สัมผัสไปที่หน้าผากของเสี่ยวเป่า แล้วนำมาเปรียบเทียบอุณหภูมิที่หน้าผากของตน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!