ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?! นิยาย บท 605

บทที่ 605 คุณอยากได้อะไร

“สื้อสื้อ นี่ เธอก็กินด้วยสิ”

แม่จิ้นไม่ลืมที่จะดูแลเจียงสื้อสื้อด้วย

“ขอบคุณค่ะ”

เจียงสื้อสื้อยื่นมือไปรับสาลี่ที่แม่จิ้นยื่นมาให้แล้วกัดไปคำหนึ่ง

รสชาติหอมหวานนั้น แผ่ละมุนไปทั่วทั้งปาก

พวกเขานั่งคุยกันอยู่ในโรงพยาบาลอย่างสนุกสนาน แม่จิ้นและเจียงสื้อสื้อคุยกันถึงเรื่องในครอบครัวทั่วไป แต่แม่จิ้นไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องก่อนหน้านี้เพราะกลัวว่าเธอจะรู้สึกรำคาญ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้ตัว

เสี่ยวเป่าให้น้ำเกลือหมดแล้ว ตอนนี้ร่างกายของเขาดีขึ้นมาก ใบหน้าอันกลมก็เริ่มมีเส้นเลือดฝาด

ทีมแพทย์เข้ามาตรวจดูอาการแล้วบอกว่าสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ทุกคนจึงได้วางใจถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะพาเถียนเถียนกลับก่อนนะคะ”

เมื่อตระหนักได้ว่าถึงเวลาอันควรแล้ว เจียงสื้อสื้อจึงได้ลุกขึ้นแล้วทำท่าจะพาเถียนเถียนจากไป

แม่จิ้นมองเห็นแววตาอันเศร้าสลดของเจ้าลูกชาย จึงได้พูดขึ้นว่า “เดี๋ยวอีกสักพักแม่ค่อยไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้เสี่ยวเป่า แม่จะรออยู่ที่นี่ก่อน เฟิงเฉิน ไปส่งเขาหน่อยสิลูก”

เจียงสื้อสื้อรีบโบกไม้โบกมือแล้วปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไปเถอะ”

ในอ้อมแขนของจิ้นเฟิงเฉินนั้นยังคงอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยเอาไว้ เขาลุกขึ้นยืนแล้วตัดสินใจพูดเองเออเองโดยไม่สนใจเธอ

ด้านของเจียงสื้อสื้อเองก็ทำอะไรไม่ถูก คนคนนี้มักจะแสดงความเป็นใหญ่ออกมาโดยไม่ตั้งใจเสมอ แต่เธอเองก็ยอมเขาง่ายๆ อย่างไม่น่าเชื่อ

เธอถอนหายใจออกมาแล้วเดินตามจิ้นเฟิงเฉินไป

ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกประหลาดใจเกี่ยวกับอดีตที่คลุมเครือของเธอ

หากว่าเธอรู้จักกับครอบครัวนี้จริงๆ เมื่อก่อนเธอคงจะมีความสุขมากสินะ?

จิ้นเฟิงเฉินรู้ดีว่าเจียงสื้อสื้อเป็นคนช่างกังวล ดังนั้นเขาจึงไม่ได้จอดรถที่หน้าบ้านตระกูลฝู้

แต่จอดอยู่ที่ข้างต้นไม้ต้นหนึ่ง

เจียงสื้อสื้ออุ้มเด็กหญิงตัวน้อยลงมาจากรถ เธอมองมายังจิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ตรงด้านหน้าแล้วเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณมากนะคะ ลำบากคุณอีกแล้ว”

น้ำเสียงอันสุภาพชวนให้คนฟังรู้สึกห่างเหิน จึงทำให้จิ้นเฟิงเฉินมีสายตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่

นิ้วมืออันเย็นเยือกถูกันไปมาเบาๆ เขาพยายามปกปิดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้

“ไม่หรอกครับ มันเป็นสิ่งที่ผมสมควรทำอยู่แล้ว การที่คุณพาเถียนเถียนไปเยี่ยมเสี่ยวเป่าพวกเราก็ดีใจมากเหมือนกัน”

คำว่าพวกเราที่เขาพูดออกมาเหมือนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ภายใน

ทุกครั้งที่จิ้นเฟิงเฉินพูดกับเธอน้ำเสียงของเขาจะอ่อนโยน แฝงไปด้วยความรักอันหาที่สุดมิได้ ราวกับน้ำเสียงของคู่รักหวานชื่นที่คุยกัน

เจียงสื้อสื้อหลบสายตาของเขาแล้วพยายามบังคับตัวเองว่าอย่าคิดมาก

จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สร้างแรงกดดันให้กับเธอไปมากกว่านี้ สายตาของเขามองมายังเด็กน้อย

จากนั้นสัมผัสไปที่จมูกของเธอเบาๆแล้วกล่าวด้วยความเอ็นดูว่า “เถียนเถียนไว้พบกันใหม่นะครับ”

“แดดดี๊......”

เมื่อเถียนเถียนพบว่าจิ้นเฟิงเฉินกำลังจะจากไป สายตาของเธอก็สื่อถึงความเสียดายออกมา

แขนน้อยๆยื่นออกไปท่ามกลางอากาศ เพื่อจะไปคว้าจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้

เธอเม้มปากน้อยๆของเธอด้วยความไม่พอใจ

เธอยังอยากอยู่กับแดดดี๊ต่อ

เมื่อเห็นท่าทางที่อ่อนหวานและอ้อนวอนของเถียนเถียน ทำให้จิ้นเฟิงเฉินจิตใจหวั่นไหวเขาจึงเดินหน้าเข้าไป

แล้วกุมมือของเด็กหญิงเอาไว้ก่อนที่จะจูบลงบนมือของเธออย่างอ่อนโยนด้วยความรัก แล้วปลอบเธอว่า “ไว้วันหลังจะมาหาใหม่นะครับ สัญญา”

เมื่อได้รับคำมั่นสัญญา เด็กน้อยจึงได้ยิ้มออกมา เธอยื่นนิ้วก้อยเล็กๆขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่าจะเกี่ยวก้อยกับจิ้นเฟิงเฉิน

เมื่อทำสัญญากันเรียบร้อยแล้วจึงได้ปล่อยให้เขากลับไป

เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเบาๆแล้วอุ้มเจ้าตัวน้อยเข้าไปทางบ้านตระกูลฝู้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลูกชายของประธาน....เรียกฉันหม่ามี๊?!